ผู้ตั้ง
ข้อความ
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 381
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Oct 13, 2017 12:13 pm
นันยาง VS BREAKER
ข้อคิดจาก รองเท้านักเรียน / โดย เพจลงทุนแมน

เสียง เอี๊ยด.. เอี๊ยด.. ของรองเท้านักเรียน ทุกคนจำได้
ถ้าถามว่านักเรียนทุกคนต้องใช้สินค้าอะไรเหมือนกัน
หนึ่งในนั้นคงเป็น รองเท้านักเรียน
แต่เรื่องนี้ มีอะไรซ่อนอยู่ให้เราคิดต่อ..
โดยปกติแล้ว ไม่ว่าเศรษฐกิจจะดีหรือไม่ดี ตลาดรองเท้านักเรียนน่าจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะถือว่าเป็นสินค้าจำเป็น เด็กนักเรียนทุกคนต้องใส่รองเท้าตามระเบียบที่กระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดไว้
ผู้ครองตลาดรองเท้านักเรียนในตอนนี้คือ รองเท้านันยาง และ รองเท้าเบรกเกอร์
ก่อนอื่น เรามาดูที่รองเท้านันยางกันก่อน
บริษัท นันยางได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2491 โดยคุณวิชัย ซอโสตถิกุล รองเท้าผ้าใบนันยางรุ่นที่ยอดนิยมที่สุดคงหนีไม่พ้น รองเท้ารุ่น 205 S ที่มีลักษณะพื้นรองเท้าเป็นสีเขียว ลายหยัก ซึ่งเป็นสีพื้นที่แปลกมากในสมัยนั้น ทำให้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่นักเรียน

ส่วนคู่แข่งของนันยาง คือ รองเท้าเบรกเกอร์ จาก บริษัท SCS
มีจุดเริ่มต้นเมื่อปี พ.ศ. 2518 โดยตระกูลวงศ์วีระนนท์ชัยได้ก่อตั้งบริษัท เอส.ซี.เอส. แอนด์ บราเดอร์ส จำกัด เพื่อทำธุรกิจในด้านการจำหน่ายรองเท้าแฟชั่นเด็ก สตรี และสุภาพบุรุษ ยี่ห้อ SAINTE จนต่อมาในปี พ.ศ. 2533 บริษัทได้ขยายธุรกิจไปสู่รองเท้าประเภทอื่นๆมากมาย เช่น BREAKER POPTEEN POPGIRL หรือ CATCHA เป็นต้น

รายได้ของรองเท้านันยาง จะอยู่ในบริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด
ปี 2557 มีรายได้ 979 ล้านบาท กำไรสุทธิ 20 ล้านบาท
ปี 2558 มีรายได้ 990 ล้านบาท กำไรสุทธิ 25 ล้านบาท
ปี 2559 มีรายได้ 1,011 ล้านบาท กำไรสุทธิ 15 ล้านบาท

รายได้ของรองเท้าเบรกเกอร์ จะอยู่ในบริษัท เอส.ซี.เอส. สปอร์ตสแวร์ จำกัด
ปี 2557 มีรายได้ 359 ล้านบาท กำไรสุทธิ 6 ล้านบาท
ปี 2558 มีรายได้ 341 ล้านบาท กำไรสุทธิ 6 ล้านบาท
ปี 2559 มีรายได้ 357 ล้านบาท กำไรสุทธิ 7 ล้านบาท

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ คงจะสรุปได้ว่า บริษัทนันยาง ใหญ่กว่า บริษัท SCS ทั้งรายได้ และกำไร
อย่างไรก็ตาม เมื่อดู รายได้ และ กำไร ของ ธุรกิจรองเท้านักเรียนแล้ว ทำให้คิดได้ว่าต้องไปดู ตัวเลขอัตราการเกิดของเด็กไทยประกอบด้วย
คนไทยแต่งงานกันช้าลง และ อัตราการเกิดของประเทศไทยมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ
ตอนนี้ผู้หญิงคนหนึ่งจะมีบุตรเฉลี่ย 1.6 คน ซึ่งถือว่าน้อยกว่าสมัยพ่อแม่เรา หรือ ปู่ย่าตายาย เราหลายเท่า
และประเด็นที่สำคัญคือ ผู้หญิงไม่ได้มีสามีทุกคน และผู้หญิงเป็นโสดมากขึ้น ทั้งที่สมัครใจโสด และไม่สมัครใจโสด
ถ้าเรามองไปรอบตัวเรา คนไทย 100 คน
โดยเฉลี่ยแล้ว ใน 100 คนนั้น จะมี 1.1 คนที่มีลูกในปีนี้ และ 0.8 คนที่จะตายในปีนี้
สรุป ปีนี้ ประเทศไทยจะมีคนเพิ่ม 0.3 คน ในทุกทุก 100 คน

40 ปีที่แล้ว อัตราการเพิ่มประชากรไทย คือ 2.4 คน ในทุกทุก 100 คน
30 ปีที่แล้ว อัตราการเพิ่มประชากรไทย คือ 1.8 คน ในทุกทุก 100 คน
20 ปีที่แล้ว อัตราการเพิ่มประชากรไทย คือ 1.2 คน ในทุกทุก 100 คน
10 ปีที่แล้ว อัตราการเพิ่มประชากรไทย คือ 0.6 คน ในทุกทุก 100 คน

ตอนนี้ อัตราการเพิ่มประชากรไทย คือ 0.3 คน ในทุกทุก 100 คน
มีการคาดการณ์ว่าเลข 0.3 นี้จะค่อยๆลดลงเรื่อยๆจนเป็น 0 ในปี 2025 หรือ อีก 8 ปี ข้างหน้า
ถามว่าเป็นไปได้ไหม? ดูตัวเลขย้อนหลังไป 40 ปี ถ้าแนวโน้มเป็นแบบเดิมก็น่าจะเป็นไปได้
ปี 2025 จะเป็นจุดพีคสุดของ ประชากรในประเทศไทย หลังจากนั้น ประชากรไทยจะเริ่มลดลง (หมายความอัตราการเกิดน้อยกว่าอัตราการตาย) และประเทศไทยจะไม่มีวันที่มีประชากรเกิน 70 ล้านคน
เรื่องนี้น่าตกใจ และจะเกิดขึ้นกับเราเร็วๆนี้
ตอนนี้เราอยู่จุดที่น่าตื่นเต้นที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย เราถูกกรอกใส่หูมาตลอดว่าประชากรจะล้นโลก
แต่ทำไมเรื่องที่เราจะพบเจอ คือ คนไทยจะลดลง
นี่เป็น PARADOX หรือความขัดแย้งของความเชื่อ กับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น สิ่งนี้กำลังจะกระทบกับเศรษฐกิจไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ดูเหมือนภาครัฐยังไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้มากนัก เป็นคำถามที่น่าคิดว่าเราควรจะส่งเสริมให้คนแต่งงานมีลูกกันเร็วขึ้นหรือไม่ หรือเรายังภูมิใจว่าเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จในการคุมกำเนิด
คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่า ประชากรวัยแรงงานในอนาคตเราจะหายไป
คนต่างด้าวก็น่าจะเข้ามาประเทศไทยมากขึ้นอีก และสุดท้าย หุ่นยนต์จะมีบทบาทในประเทศไทยมากขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่ถ้าย้อนกลับมามองในธุรกิจที่เกี่ยวกับเด็ก เช่น รองเท้านักเรียน ก็คงได้รับผลกระทบไม่น้อย
เพราะ หุ่นยนต์คงไม่จำเป็นต้องใส่รองเท้านักเรียน..
ถ้าเราเป็นเจ้าของบริษัทที่ทำธุรกิจลักษณะคล้ายรองเท้านักเรียนนี้ ระหว่างนี้คงต้องเตรียมตัว ขายสินค้าเด็กประเภทอื่นที่มีอัตรากำไรสูงขึ้น หรือ หาลู่ทางนำเงินกำไรไปลงทุนในธุรกิจอื่น
เพราะเมื่อดูข้อมูลดังกล่าวก็คงคาดเดาได้เลยว่า ธุรกิจรองเท้านักเรียนคงไม่โตไปกว่านี้แล้ว..

Cr.facebook.com/longtunman/
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 20800
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Oct 13, 2017 12:17 pm
[RE: นันยาง VS BREAKER]
ผมชอบเบรกเกอร์มากกว่า ไม่เคยใส่นันยางเลย

แต่สังเกตดูเพื่อนๆส่วนมากชอบนันยางนะ

นันยางผมไม่ชอบตรงที่ตรงส้นมันไม่มีฟองน้ำอ่ะ ใส่แล้วเป็นแผล

แต่คนส่วนใหญ่อาจชอบใส่เหยียบส้นมั้ง เลยไม่ชอบเบรกเกอร์ที่มีฟองน้ำ
เข้าร่วม: 12 Aug 2014
ตอบ: 19605
ที่อยู่: อยู่เป็นข้ารองใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทในหลวงภูมิพลทุกชาติไป
โพสเมื่อ: Fri Oct 13, 2017 12:22 pm
[RE: นันยาง VS BREAKER]
เริ่มจาก

บาจา
หลังจากนั้นใส่นันยาง
โกล์ดซิตี้

แล้วก็มาจบที่ pan
0
0





เข้าร่วม: 20 Jan 2015
ตอบ: 6299
ที่อยู่: Old Trafford
โพสเมื่อ: Fri Oct 13, 2017 12:22 pm
[RE: นันยาง VS BREAKER]
เมื่อก่อนผมใส่เบรกเกอร์พอมัธยมก็นันยาง

แต่เห็นกรรมกรใส่นันยางทำงานกันนะ
0
0
เข้าร่วม: 22 Mar 2007
ตอบ: 13658
ที่อยู่: ข้างบ้านโรซิคกี้
โพสเมื่อ: Fri Oct 13, 2017 12:24 pm
[RE: นันยาง VS BREAKER]
เบรกเกอร์ เกรดดีกว่าน่ะสำหรับผม
0
0
JW10&TR10
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 6489
ที่อยู่: Rivendell
โพสเมื่อ: Fri Oct 13, 2017 12:28 pm
[RE: นันยาง VS BREAKER]
สมัยเรียนใส่เบรกเกอร์มันนิ่มดี
0
0
เข้าร่วม: 16 Mar 2007
ตอบ: 8279
ที่อยู่: ซานติอาโก้ เบอนาบิว
โพสเมื่อ: Fri Oct 13, 2017 12:31 pm
[RE: นันยาง VS BREAKER]
ไม่เคยใส่นันยาง เคยซื้อเบรคเกอร์มาเตะบอลพื้นปูน

ตอนเรียนใส่ Bm2000
0
0
เข้าร่วม: 15 Oct 2009
ตอบ: 39746
ที่อยู่: Juventus Stadium
โพสเมื่อ: Fri Oct 13, 2017 12:39 pm
[RE: นันยาง VS BREAKER]
ผมมองภาพใหญ่ๆ

ธุรกิจนี้เจ๊งช่างมัน อัตราการเกิดน้อยลงเป็นผลดี

ความหนาแน่นประชากรต่อพื้นที่ ก็จะลดลง

การแข่งขันแย่งงานก็ลดลง

...
0
0
เข้าร่วม: 11 Feb 2016
ตอบ: 8302
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Oct 13, 2017 12:41 pm
[RE: นันยาง VS BREAKER]
นันยาง ใส่ได้ไม่ถึงอาทิตย์หายทุกรอบ ได้ใส่คู่เก่าตลอด

เข้าร่วม: 30 Oct 2007
ตอบ: 4557
ที่อยู่: 30 Oct 2007
โพสเมื่อ: Fri Oct 13, 2017 12:43 pm
[RE: นันยาง VS BREAKER]
ใส่เรียนนันยาง เบรกเกอร์ซื้อมาใส่เตะบอล
0
0


เข้าร่วม: 21 Oct 2010
ตอบ: 3895
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Oct 13, 2017 12:44 pm
[RE]นันยาง VS BREAKER
เบรกเกอร์ทนกว่า ทั้งผ้าใบทั้งพื้นรองเท้า
0
0


เข้าร่วม: 12 Aug 2014
ตอบ: 17233
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Oct 13, 2017 12:45 pm
[RE: นันยาง VS BREAKER]
DelZaa พิมพ์ว่า:
ผมมองภาพใหญ่ๆ

ธุรกิจนี้เจ๊งช่างมัน อัตราการเกิดน้อยลงเป็นผลดี

ความหนาแน่นประชากรต่อพื้นที่ ก็จะลดลง

การแข่งขันแย่งงานก็ลดลง

...  
มุมกลับคือแรงงานต่ำลง การเติบโตของประเทศต่ำลงเช่นกันครับ
ปัญหาแนวนี้ส่วนใหญ่เกิดกับประเทศพัฒนาแล้ว แต่บ้านเรายังไม่ใช่เลยไม่รู้จะออกมาแบบไหนเหมือนกัน
1
0

เข้าร่วม: 23 Oct 2005
ตอบ: 4144
ที่อยู่: Drayton Park, N5 1BU
โพสเมื่อ: Fri Oct 13, 2017 1:05 pm
[RE: นันยาง VS BREAKER]
ใส่แต่เบรคเกอร์ เพราะเอาไว้เตะบอลด้วย
0
0
เข้าร่วม: 10 Nov 2014
ตอบ: 1967
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Oct 13, 2017 1:12 pm
[RE: นันยาง VS BREAKER]
สมัยเรียน ถ้ารองเท้านักเรียนสีดำจะใส่ นันยาง
ถ้ารองเท้าพละสีขาว จะใส่ เบรกเกอร์
0
0
เข้าร่วม: 29 Apr 2010
ตอบ: 3584
ที่อยู่: อยู่ในจินตนาการอยู่ในฝํนฉันข้างใน
โพสเมื่อ: Fri Oct 13, 2017 1:17 pm
[RE: นันยาง VS BREAKER]
Breaker ครับ

นันยางเวลาใส่ทีต้องเอามือช่วยงัดตรงส้นเท้า

ไม่ชอบเลยซื้อ Breaker
0
0
ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน
เข้าร่วม: 05 Sep 2013
ตอบ: 2409
ที่อยู่: ลำปางหนา
โพสเมื่อ: Fri Oct 13, 2017 1:26 pm
[RE: นันยาง VS BREAKER]
รายได้พันล้าน กำไร 15 ล้าน
0
0
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 3019
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Oct 13, 2017 1:49 pm
นันยาง VS BREAKER
นันยางดิเหยียบส้น พูดแล้วก็คิดถึงสมัยมัธยมเลยเรื่องราวมากมาย
0
0



เข้าร่วม: 23 Mar 2010
ตอบ: 1031
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Oct 13, 2017 2:07 pm
[RE: นันยาง VS BREAKER]
DelZaa พิมพ์ว่า:
ผมมองภาพใหญ่ๆ

ธุรกิจนี้เจ๊งช่างมัน อัตราการเกิดน้อยลงเป็นผลดี

ความหนาแน่นประชากรต่อพื้นที่ ก็จะลดลง

การแข่งขันแย่งงานก็ลดลง

...  


ปัญหานี้อันตรายมากเลยนะครับ

ญี่ปุ่นที่ว่าแน่ๆ เจอปัญหาสังคมผู้สูงอายุ ยังมีทรุดเลยครับ แล้วไทยล่ะ

ตอนนี้คนไทยทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากภาวนาให้รัฐบาลและคนไทย มองเห็นปัญหานี้อย่างจริงจัง แล้วให้ความใส่ใจการแก้ไขเศรษฐกิจและการศึกษามากกว่าเรื่องอื่น
1
0

เข้าร่วม: 19 May 2011
ตอบ: 2409
ที่อยู่: ทำสวรรค์วิมานอะไร
โพสเมื่อ: Fri Oct 13, 2017 2:17 pm
[RE: นันยาง VS BREAKER]
สำหรับผมในยุคนั้นนันยางเท่านั้น
ใครใส่ยี่ห้ออื่นอยู่ยากในสังคม
0
0
เข้าร่วม: 10 Apr 2008
ตอบ: 11782
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Oct 13, 2017 3:09 pm
[RE: นันยาง VS BREAKER]
เบรกเกอเคยใส่ครั้งเดียวจริงใส่ละทรงรองเท้าไม่สวยเลย

หลังจากนั้น นันยางยาวๆ
0
0
เข้าร่วม: 27 Oct 2009
ตอบ: 4226
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Oct 13, 2017 4:29 pm
[RE]นันยาง VS BREAKER
รองเท้าอะไรก็ช่าง ซื้อใหม่ๆมาเผลอถอดหน้าห้องคอม ออกมาแม่งเก่าเลย

ไซส์เดียวกันยังพอว่า บางคนแม่งขโมยละเหลือไซส์เล็กกว่าให้ กลับบ้านไม่ได้โว้ย
0
0
เข้าร่วม: 26 Jan 2010
ตอบ: 13019
ที่อยู่: อาณาจักรล้านนา
โพสเมื่อ: Fri Oct 13, 2017 5:34 pm
[RE: นันยาง VS BREAKER]
นันยางรวมกีฬา
0
0
เข้าร่วม: 15 Oct 2009
ตอบ: 39746
ที่อยู่: Juventus Stadium
โพสเมื่อ: Fri Oct 13, 2017 6:02 pm
[RE: นันยาง VS BREAKER]
Killua Zaoldyeck พิมพ์ว่า:
DelZaa พิมพ์ว่า:
ผมมองภาพใหญ่ๆ

ธุรกิจนี้เจ๊งช่างมัน อัตราการเกิดน้อยลงเป็นผลดี

ความหนาแน่นประชากรต่อพื้นที่ ก็จะลดลง

การแข่งขันแย่งงานก็ลดลง

...  


ปัญหานี้อันตรายมากเลยนะครับ

ญี่ปุ่นที่ว่าแน่ๆ เจอปัญหาสังคมผู้สูงอายุ ยังมีทรุดเลยครับ แล้วไทยล่ะ

ตอนนี้คนไทยทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากภาวนาให้รัฐบาลและคนไทย มองเห็นปัญหานี้อย่างจริงจัง แล้วให้ความใส่ใจการแก้ไขเศรษฐกิจและการศึกษามากกว่าเรื่องอื่น  


ผมไม่ได้มองมุมเศรษฐกิจครับ

ผมมองมุมสิ่งแวดล้อม ถ้าคนน้อยทรัพยากรมันก็พอเพียงไม่ต้องแย่งกัน

ผมค่อนข้างติสอย่าถือสา ผมว่าเราเร่งรีบกันเกินไป คำว่า "ขยายตัว" "เติบโต" เนี่ยไม่ชอบเลย

0
0
เข้าร่วม: 20 May 2011
ตอบ: 160
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Oct 13, 2017 7:07 pm
[RE: นันยาง VS BREAKER]
รองเท้าไหลไปเรื่องการมีลูก ไม่ต้องส่งเสริมก็ปั้มกันออกมาจนเลี้ยงไม่ดีแล้ว
0
0
เข้าร่วม: 05 Dec 2015
ตอบ: 1203
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Oct 13, 2017 7:23 pm
[RE: นันยาง VS BREAKER]
ผมใช้นันยางปีละ 10 คู่ครับ ใส่เตะตะกร้อต้องเปลี่ยนทุกเดือน
ส่วนอัตราการเกิดผมว่าขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจนะ ถ้าสังคมมีความเครียด
คนก็รู้สึกไม่มั่นคงไม่อยากมีลูก
0
0
iLloFl.gif
เข้าร่วม: 12 Aug 2014
ตอบ: 4536
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Oct 13, 2017 11:00 pm
[RE: นันยาง VS BREAKER]
แล้วลองคิดสิ ถ้ายกเลิกเครื่องแบบนักเรียนขึ้นมา
0
0