ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เศรษฐกิจในอินเดียน่าจับตามอง ถึงขนาดที่ PwC คาดการณ์ไว้ว่าในปี 2037 จะกลายมาเป็นเบอร์ 2 ของโลกรองจากจีน ล่าสุด มีรายงานน่าสนใจจากฮาร์วาร์ด บอกว่า ในปี 2025 อัตราเติบโต GDP อินเดียจะสูงกว่าจีนเกือบเท่าตัว


เศรษฐกิจอินเดียจะโตต่อเนื่อง เพราะกระจายการลงทุนสูง



..:: รานงายการวิจัยจากศูนย์พัฒนาแห่งชาติของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University’s Center for International Development) หรือ CID เปิดเผยว่า ในปี 2025 GDP ของอินเดียจะโตอยู่ที่ประมาณ 7.72% ในขณะที่จีนจะหดตัวลงมาอยู่ที่ 4.41% เท่านั้น ส่วนประเทศที่จะมีการเติบโตของ GDP สูงที่สุดในโลกเป็นประเทศในแถบแอฟริกาคือ ยูกันดา อยู่ที่ 7.73%

..:: ต้องยอมรับว่า ในช่วง 2 – 3 ปีมานี้ การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกได้เคลื่อนจากจีนไปสู่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างอินเดียมากขึ้น ในรายงานบอกว่า แนวโน้มจะเป็นแบบนี้ไปอีกกว่า 10 ปี เนื่องจากอินเดียมีโอกาสที่จะกระจายการลงทุนไปสู่ภาคการผลิตและการส่งออกได้อีกหลากหลายมาก นอกเหนือไปจากที่อินเดียได้ทำอยู่แล้ว คือการส่งออกผลิตภัณฑ์เคมี ยานยนต์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

..:: Ricardo Hausmann ผู้อำนวยการของ CID และเป็นศาสตราจารย์ที่ฮาร์วาร์ด บอกว่า “[ประเทศ]เศรษฐกิจน้ำมันรายใหญ่กำลังเผชิญหน้ากับความผิดพลาดจากการพึ่งพาทรัพยากรเพียงหนึ่งเดียว ในขณะที่อินเดีย อินโดนีเซีย และเวียดนามได้สะสมความสามารถทางเศรษฐกิจที่หลากหลาย จะทำให้นำไปสู่การผลิตสินค้าที่มีความซับซ้อนมากขึ้น จึงคาดการณ์ได้เลยว่าในไม่ช้านี้ ประเทศเหล่านี้จะมีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็วอย่างแน่นอน”


ความสลับซับซ้อนทางเศรษฐกิจ



..:: ในรายงานยังบอกอีกว่า ประเทศที่จะมีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็วนั้นต้องมาจากการผลิตสินค้าที่ซับซ้อนและทันสมัย หรือที่เรียกว่า “ความสลับซับซ้อนทางเศรษฐกิจ” (Economic Complexity) โดยความสลับซับซ้อนทางเศรษฐกิจในประเทศหนึ่งๆ จะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อมีการลงทุนเพื่อขยายขีดความสามารถในการผลิต และรวมถึงการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศด้วย

..:: พูดง่ายๆ คือ ประเทศที่จะมีเศรษฐกิจดีทั้งในปัจจุบันและอนาคตนั้น ต้องมีการผลิตที่ซับซ้อนมากขึ้น ไม่ใช่การผลิตขั้นต้น เพราะใครๆ ก็ทำได้ เช่น ถ้าปลูกยาง แล้วส่งออก ไม่แปรรูป ไม่สร้างความซับซ้อนในการผลิต ท้ายที่สุดจะทำให้ไม่สามารถเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจได้ เป็นต้น

..:: ทีนี้ ลองไปดูสถิติที่จัดลำดับประเทศที่มีความสลับซับซ้อนทางเศรษฐกิจในปี 2015 พบว่า ญี่ปุ่นครองอันดับที่ 1 ในขณะที่จีนอยู่อันดับที่ 23 (ตกลงมา 4 จุด) ส่วนอินเดียอยู่ที่ 46

..:: แม้ว่าในสถิตินี้ จีนจะอยู่ในอันดับที่ดีกว่าอินเดีย แต่ด้วยความหลากหลายของการเมือง สถาบันทางสังคม ภูมิศาสตร์ และประชากรของอินเดีย ในรายงานของฮาร์วาร์ดระบุไว้ว่า ในอนาคตอินเดียจะมีความสลับซับซ้อนทางเศรษฐกิจที่จะนำไปสู่การผลิตสินค้าที่ซับซ้อนและทันสมัยมากขึ้น แต่จะแซงหน้าจีนในแง่ของภาพรวมเศรษฐกิจหรือไม่นั้น คงต้องติดตามดูกันต่อไป

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------










ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก Brand Inside



ติดตามข้อมูลข่าวสารที่น่าสนใจ (ย้อนหลัง) ได้ที่ Germanicas

แล้วไหนประเทศไทย

จะว่าไปคนอินเดียเก่งๆเยอะเหมือนกันนะ ดูคลิปสอนฟิเคมแคลในเน็ตนี่อินเดียเกือบหมด

เด็กอัจฉริยะก็มีมาให้เห็นเรื่อยๆ เรียกได้ว่ามีประชากรเก่งๆเยอะพอตัว

ถ้าพัฒนาได้ถูกทางก็ไม่แปลกเลยสำหรับข่าวนี้

เคยทำงานกับพวกคนอินเดียพวกนี้เทพมาก แต่อย่างอื่นไม่ค่อยไหวนะ 55

เขายังขจัดปัญหาข่มขืน ผญ กะแบ่งชั้นวรรณะไม่ได้เลย

ต่างกรรม ต่างวาระ

สองอย่างนี้ประเทศเราก็ไม่ใช่ย่อย

เทียบกันคนละเรื่อง ของอินเดียนี่ฉุดตามถนน กลางวันแสกๆ ดารายังโดน

ไหนจะนักท่องเที่ยว ความปลอดภัยคนละเรื่องเหอะครับ

แต่คนของเขาเก่งจริงๆ

GDP อินเดีย $2 trillion $154 billion = 7.7% growth

GDP จีน $11 trillion โต $485 billion = 4.41% growth

omg!! อินเดีย เติบโตกว่าจีนซะอีก

ทั้งๆที่ตลาดจีนใหญ่กว่าตลาดอินเดียเกือบ 4 เท่า



คล้ายกับข่าวที่มีคนเอาอัตราเติบโต GDPของพม่ามาซึ่งมี%สูงแล้วมาเทียบกับของไทย

ให้คนไทยด่ากันเลย

คนอินเดียเ่งมากๆ ครู วิชาคอมไอที มหาลัยผมก็จ้างคนอินเดีย มาจากมุมไบ

เรื่องไอที คอมพิวเตอร์ อินเดียเก่งจริง สร้างจรวดยิงเรือรบเองได้ละ

ถ้าไทยสนับสนุนคนไทยเก่งๆก็น่าจะสร้างได้


แต่ไทยดันเปิดรับเทคโนโลยีจากนอกมาตั้งโรงานในไทย ของไทยทำคนไทยก็ไม่ใช้ เราเลยได้แค่ผลิตวัตถุดิบ ไม่ได้แปรรูปอะไรมากมาย

ระบบการเมืองการปกครองที่ไม่เอื้อต่อการพัฒนา ระบบชั้นวรรณะที่ฝังรากลึกในสังคมอินเดียเกินไป

แต่พอเห็นข่าวผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นจัณฑาลทั้งคู่
(อ้างอิง)http://www.soccersuck.com/boards/topic/1520208

แสดงว่าประเทศเขาน่าจะมีการเปิดรับสังคมใหม่มากขึ้นแล้วนะครับ

คือภาพรวมสังคมเขาอาจจะยังไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก
เพราะประชากรเยอะเป็นอันดับ3ของโลกคงเปลี่ยนทั้งหมดในคราวเดียวไม่ได้
แต่ผมว่าประเทศนี้น่าติดตามจริงๆ

อัตราเติบโต GDP สูง ไม่ได้หมายความว่า GDP โดยรวมจะมากกว่านะครับ ยิ่งประเทศที่GDP ก่อนหน้าต่ำๆ แล้วเริ่มที่จะเติบโต ไม่แปลกที่อัตราเติบโตจะอยู่ในเปอร์เซ็นต์ที่สูงได้ เพราะมันคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ ไม่ได้มองจากขนาดครับ (บ้านเราก็เคยมี 16% นะครีบ ถ้าจำตัวเลขไม่ผิด ช่วงก่อนต้มยำกุ้ง)

ก็มู้นี้พูดถึง GDP มีคนมาถามว่าประเทศไทยทำไม GDP โตน้อยจัง ท่านก็บอกประเทศอินเดียมีข่มขืนกับวรรณะ
ผมก็ว่าประเทศเราก็ใช่ว่าจะไม่มีและมันก็คงไม่เกี่ยวกับการที่ GDP ไทยไม่โตเท่าที่ควร
จะให้เราภูมิใจว่าประเทศเรามีข่มขืนและวรรณะน้อยกว่า แต่ GDP ไม่ดีขึ้นเลยก็ไม่เป็นไร งี้หรอ
ประเด็นคือ ไทย ไม่ได้พัฒนาเศรษฐกิจขึ้นเลย หรือย่ำอยู่กับที่นั่นแหละ นี่คือความจริงที่ต้องยอมรับนะ ตัวเลขมันฟ้อง

ประเทศก็โตตลอดนะ

แค่มันไปแบบช้าๆ

ผมพูดในการตอบของผมว่า เขามีปัญหาในการขจัดปัญหาพวกนี้ซึ่งมันใหญ่มากๆสำหรับเขา

ปล.ประเทศเราย่ำอยู่กับที่สำหรับคนบางกลุ่ม และคนไม่ยอมปรับตัวละมั้ง

โตช้าๆ 5555 โอเคครับ ความต้องการเห็นประเทศเจริญของผมกับท่านคงไม่เท่ากัน จบและ ไม่โควทต่อนะ

ประเทศไทยก็เติบโตนะครับ แค่ช้ากว่าที่ควรจะเป็น เหตุผลก็คือ การลงทุนจากภาครัฐก่อนหน้านี้มันน้อยไงครับ ด้วยเหตุผลว่า ทำไม่ได้ ด้วยก็มีส่วน อย่างท่าเรือที่ภาคใต้ ทำโครงการกันมาก็ถูกต่อต้านจากคนในพื้นที่ จากพวก NGO พอมันลงทุนไม่ได้ มันก็ไม่เติบโต ตอนนี้ก็ต้องรอ EEC ภาคตะวันออกแหละครับ โปรเจคเสร็จน่าจะช่วยให้เติบโตได้อีกเยอะ พวกนี้ต้องรอเวลาครับ ใจร้อนไม่ได้

น่าจะเป็นเรื่อง Catch Up Effect นะ

ไม่ควรโควทตั้งนานแล้วครับ

ความต้องการเห็นประเทศเจริญ หึหึ

ยังมาโควทแซะต่ออีก ท่านพอใจกับอัตราการเจริญเติบโตของ GDP ที่เป็นอยู่ก็ดีแล้วครับ
แต่ผมไม่พอใจกับที่เป็นอยู่ตอนนี้ ความต้องการของเราไม่เท่ากันเถียงกันไปก็เสียเวลาครับ

เม้นผมตอบ ท่านโควทมาแซะก่อน

โอ้ยย คนที่ควรหยุดมันน่าจะรู้ตัวนะ

คนอินเดียมีแฟชั่นแบบคนเอเซียมั้ยครับ หรือเน้นแต่งแบบผ้าห่มตัวรุ่มร่ามเช่นเดิม

ไม่เคยไปมุมไบเลย น่าลองเหมือนกัน

อารมณ์เหมือนประเทศที่คนเยอะแล้วพึ่งพิงการลงทุนในประเทศ GDP สูง ในยุคนี้โอกาสเติบโตก็สูง