อยากให้ได้ดูถึงพระอัจฉริยภาพในด้านยุทธศาสตร์ทางการทหารในการแก้ปัญหาเรื่องคอมมิวนิสต์
เป็นคำบอกเล่าจากท่านพล.อ.สนั่น ในสมัยที่ท่านทำหน้าที่อยู่ในพื้นที่ตรงนั้นครับ




อันนี้ท่านพล.อ.ปรีชา ก็เล่าในทำนองเดียวกัน


มีเรื่องเล่าครับ


ถ้าซ้ำหรือใครดูแล้วก็ขออภัยด้วยครับ

1.อ.คนนั้นที่พูดชื่ออะไรก็ไม่เห็นบอก

2.ถ้าคำกล่าวนี้เป็นจริง ทำไมไทยถึงไม่ได้เป็นมหาอำนาจ เพราะเป็น Absolute Monarchy จนถึงรัชกาลที่ 7 แหนะ

ท่านจะคิดเห็นอย่างไรก็แล้วแต่ท่านเลยครับ ผมตัดสินไม่ได้หรอกว่าอะไรผิดอะไรถูก
ส่วนท่านถามมานั้นข้อแรกอาจารย์ท่านนั้นชื่ออะไร ผมคงตอบไม่ได้ถ้าท่านอยากรู้ท่านก็ต้องไปถามอดีตนายทหารท่านนั้นครับ หาไม่ยากหรอกเสิชอากู๋แปปเดียวก็เจอแล้ว ในส่วนของข้อสองผมก็ตอบท่านไม่ได้อีกแหละประวัติศาสตร์ชาติไทยมันมีมานานแล้วครับปัจจัยต่างๆโดยเฉพาะการถูกคุกคามจากการล่าอานานิคมของมหาอำนาจ

แล้วโดยส่วนตัวแล้วผมไม่เคยหวังอยากให้ไทยเป็นมหาอำนาจหรือเป็นผู้นำของโลกเลย ผมหวังแค่อยากให้ไทยเป็นประเทศที่เล็กๆที่ไม่ต้องมีใครรู้จักหรือมีชื่อเสียงมากมาย แต่สามารถยืนหยัดอยู่ได้ด้วยตัวของไทยเองมากกว่า
ปล.ลองเจียดเวลาของท่านไปฟังคลิปที่ผมเอามาฝากบ้างสิครับ อันนั้นนะประเด็นหลัก ส่วนอื่นๆผมก็ว่าผมพิมพ์ชัดเจนแล้วนะ

ดูแล้วครับ ถ้าเรื่องประวัติศาสตร์คอมมิวนิสต์ 14 ตุลา ผมว่าผมก็ฟังมาพอควร

ถ้านับเรื่องการต่อสู้กับคอมมิวนิสต์ ผมคิดว่าในหลวง ร.9 เก่งมากๆ แม้แต่หนังสือที่ฝรั่งเขียนก็ยังบอกว่าทรงวางแผนเก่ง

แต่ที่ทหารคนนี้พูดมา ก็ไม่เห็นด้วยทั้งหมด ไม่งั้นไม่เกิด 14 คุลาหรอก


ส่วนทหารที่พูด หาดูแล้วก็คือพลตรีจำลอง การพูดโดยไม่มีอ้างอิงว่าใครพูด อันนี้ไม่มีน้ำหนักครับ

ที่คุณบอกว่าถูกคุกคาม ก็ทำไมถึงถูกคุกคามล่ะครับ ทำไมก่อนหน้านั้นถึงไม่เก่งกว่าฝรั่งมัน

ส่วนตัวผมว่าระบบกษัตริย์ถ้ามีอำนาจล้นฟ้าก็อารมณ์เผด็จการดีๆนี่แหล่ะ

ทุกอย่างอยู่ในมือคนๆเดียว ถ้าตนนั้นเก่ง มีวิสัยทัศน์ประเทศจะพัฒนาไปเร็วมาก แต่ถ้าห่วย เอาประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่ตั้งก็เละเร็วมากเหมือนกัน

ประชาธิปไตยหลายๆทีมันก็เสียเวลา กว่าจะได้ข่อสรุปแต่ละอย่าง

คหสต. นะ5555

ครับผมคนเราเห็นต่างกันได้ครับ การแลกเปลี่ยนความคิดในเชิงสร้างสรรค์ไม่อาฆาตมาดร้ายต่อกันเป็นสิ่งที่ดีในการอยู่ร่วมกันในสังคมครับ ไอ่คำพูดที่ผมยกมานะ ส่วนตัวผมมองว่ามันคืออุดมคติครับ ทุกอย่างต้องควบคู่กันไป กษัตริย์ที่ดีและมีเมตตา หากขาดข้อไหนไปหรือไม่ดำรงอยู่ในทศพิธราชธรรม. ก็ย่อมเกิดผลเสียต่อตัวเองและส่วนรวมครับ ถ้าจะถามหาคำตอบที่ตายตัวและยั่งยืนมันไม่มีหรอกครับ มันล้วนผันแปรตามยุคสมัยและสถานการณ์ แต่สิ่งๆนี้ผมว่าประเทศไทยใกล้เคียงกับอุดมคตินี้มากที่สุดแล้วในยุคในหลวงรัชกาลที่9 ถ้ายึดที่ตัวท่านเป็นหลักนะครับ ก็อย่างที่รู้ว่าท่านก็ทรงอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญอยู่แล้ว ส่วนเรื่องตำพูดนั้นส่วนตัวผมเชื่อนะครับว่ามีคนพูดจริงๆ
จุตประสงค์หลักของผมคือต้องการให้คนบางคนที่อาจจะไม่รู้ว่าท่านได้ทำอะไรไว้กับประเทศชาติบ้างให้เขาได้รับรู้ก็พอครับ ตำราการต่อสู้ชนะโดยที่ไม่ต้องรบที่ในหลวงท่านทรงตรัสไว้ว่าเป็นตำราเล่มใหม่ ผมว่าควรค่าอย่างยิ่งในการยึดเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาครับ คือขอแค่ให้ใครก็ได้ได้ดู สักคนผมก็พอใจแล้ว

หึๆๆ
ระบอบการปกครองที่ดีไม่มีหรอก มีแต่ระบอบการปกครองที่ข้อเสียน้อยที่สุดแค่นั้นแหละ
แนำนะให้ท่านอ่านจดหมายเหตุของทูตต่างชาติช่วงนั้น อาจได้เห็นมุมมองนึง

เห็นด้วยนะครับ แต่เป็นเผด็จการที่ประชาชนส่วนใหญ่ยอมรับ(ในบริบทของสมัยนั้น)

และผมเชื่อว่า มันดีกว่าประชาธิปไตยที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้จักคำนี้เลย แบบประเทศเรา

ผมเชื่อในระบอบประชาธิปไตยนะครับ

แต่ประเทศไทย มีประชาธิปไตยเร็วเกินไปครับ.

วาทกรรมการพัฒนา

การที่ได้ถกเถียงหรือพูดคุยกับคนที่เห็นต่างจากเรา มันทำให้ผมได้รับความรู้เพิ่มขึ้นตลอดแทบทุกครั้ง

เพราะผมต้องหาข้อมูลในสิ่งที่เขาแนะนำมาว่า ไปอ่านตรงนี้สิ อะไรแบบนี้ก็ดีครับ มันทำให้เข้าถึงแหล่งข้อมูลไวดี ไม่ต้องไปนั่งงมหามาอ่าน

แต่อย่างไรก็แล้วแต่ผมก็ยังคงได้ข้อสรุปเดิมครับ ทำความดีต่อให้คนจะว่าชั่วอย่างไร ก็ยังคงเป็นความดี ทำความชั่วต่อให้คนว่าดีอย่างไร มันก็ยังคงเป็นความชั่ว