ปฏิเสธไม่ได้ว่ายุคนี้เป็นยุคแห่งบริษัทไอทีเป็นใหญ่ และหุ้นของบริษัทที่มีมูลค่าสูงๆ เริ่มเปลี่ยนจากบริษัทน้ำมัน มาเป็นบริษัทไอทีกันแทนแล้ว



..:: หุ้นบริษัทไอทีที่มีมูลค่าสูงที่สุดในปัจจุบันคือ แอปเปิล (AAPL) มูลค่าบริษัทตามราคาตลาด (market cap) ตอนนี้อยู่ที่ 618 พันล้านดอลลาร์หรือประมาณ 22 ล้านล้านบาท (เคยขึ้นไปสูงที่สุดที่ 775 พันล้านดอลลาร์หรือ 27.8 ล้านล้านในเดือนกุมภาพันธ์ 2015 ถือเป็นสถิติสูงสุดที่บริษัทเทคโนโลยีเคยทำได้)

..:: ในอดีต หุ้นที่เคยมีมูลค่าตลาดสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์คือหุ้นของบริษัทน้ำมันจีน PetroChina ที่เคยแตะหลัก 1 Trillion หรือ 1 ล้านล้านดอลลาร์ได้สำเร็จในปี 2007 แต่ภาวะนั้นก็คงอยู่ในช่วงสั้นๆ และด้วยสภาพของราคาน้ำมันในปัจจุบัน โอกาสที่จะได้เห็นหุ้นบริษัทน้ำมันขึ้นไปอยู่ในจุดสูงสุดดังเดิม น่าจะเป็นไปได้ยากแล้ว

..:: หลายคนจึงมองว่าหุ้นตัวที่สองที่แตะหลักมูลค่า 1 Trillion ได้ น่าจะเป็นหุ้นของบริษัทไอที คำถามคือหุ้นตัวไหนที่มีโอกาสไปถึงจุดนั้น



..:: ถ้านำหุ้นบริษัทไอทีตัวท็อปๆ มาพิจารณาดูมูลค่าในปัจจุบัน สามารถเรียงได้ดังนี้

..:: Apple (AAPL) มูลค่าบริษัท 618 พันล้านดอลลาร์

..:: Alphabet (GOOG) มูลค่าบริษัท 548 พันล้านดอลลาร์

..:: Microsoft (MSFT) มูลค่าบริษัท 494 พันล้านดอลลาร์

..:: Amazon (AMZN) มูลค่าบริษัท 366 พันล้านดอลลาร์

..:: Facebook (FB) มูลค่าบริษัท 343 พันล้านดอลลาร์

..:: นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า หุ้นแอปเปิลผ่านจุดสูงที่สุดมาแล้ว และด้วยยอดขายของ iPhone ในปี 2016 ที่เริ่มชะลอตัวจากหลายปัจจัย ทั้งการแข่งขันในตลาดโลกและสภาพตลาดสมาร์ทโฟนที่น่าจะอิ่มตัวแล้ว ส่งผลให้หุ้นแอปเปิลไม่น่าจะถีบตัวไปได้มากกว่านี้อีกสักเท่าไร

..:: หุ้นตัวที่น่าจับตาในช่วงหลังคือ ไมโครซอฟท์ ที่กลับมาบวกขึ้นอย่างมากในยุคของซีอีโอชาวอินเดีย Satya Nadella ที่มีผลงานดีเยี่ยมหลายด้าน ไมโครซอฟท์เพิ่งซื้อกิจการ LinkedIn สร้างเรื่องราวที่น่าต่อยอดได้ในเชิงธุรกิจ และไมโครซอฟท์ยังมีกระแสเงินสด (free cash flow) เยอะที่สุดในบรรดาบริษัทไอทีทั้ง 5 ราย (27 พันล้านดอลลาร์) ตัวพื้นฐานของกิจการก็แข็งแกร่ง ยังเติบโตและแข่งขันได้ในยุคของคลาวด์

..:: ในอดีต หุ้นของไมโครซอฟท์เคยอยู่ที่จุดสูงสุด 618 พันล้านดอลลาร์ในเดือนธันวาคมปี 1999 ถ้าแปลงค่าเงินโดยคิดอัตราเงินเฟ้อตามปี 2015 จะได้มูลค่าบริษัทเป็น 881 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าจุดสูงสุดที่แอปเปิลเคยทำได้ในปีเดียวกัน



..:: ส่วนหุ้น Alphabet หรือชื่อใหม่ของกูเกิล ก็มีโอกาสน่าสนใจไม่แพ้กัน Alphabet มีกระแสเงินสดในมือมาก (น้อยกว่าไมโครซอฟท์เล็กน้อยคือ 23.4 พันล้านดอลลาร์ แต่เหนือกว่า Amazon และ Facebook มาก) และแนวโน้มธุรกิจของ Alphabet ก็ยังอยู่ในช่วงขาขึ้น จากการเติบโตของสื่อโฆษณาดิจิทัลและสมาร์ทโฟน Android

..:: Michael Markowski นักวิเคราะห์การเงินจากเว็บไซต์ Equities.com มองว่าหุ้นไมโครซอฟท์มีโอกาสสูงที่สุดที่จะขึ้นสู่บริษัท 1 Trillion Company ได้เป็นรายแรก ส่วนหุ้นตัวอื่นๆ ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงคือ Priceline (บริษัทแม่ของ Agoda) และ Disney

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------








ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก Brand Inside



ติดตามข้อมูลข่าวสารที่น่าสนใจ (ย้อนหลัง) ได้ที่ Germanicas

ตอนนี้ ผมมให้ Microsoft นะหะ ^ ^

ตรู 2000ยังลำบากเลย ให้ตายสิ

appleต้องหาจุดเปลี่ยนของธุรกิจอีกครั้ง ไม่งั้นคงไม่พุ่งแล้วล่ะ

MS นี่ไม่น่าเชื่อว่าจะแข็งขนาดนี้

ส่วนตัวติ่งgog ขอเชียร์

ผมว่า Alphabet จะถึงก่อนนะ ถ้าพวกงานวิจัยใหม่ๆเริ่มทำเงินได้แบบ Boston Dynamics หรืออะไรที่พี่แกชอบเอาไปลงทุน

facebook มาไกลมาแต่คงเป็นเจ้าของโลกไม่ได้ถ้าโครงการ interner.org ไม่สำเร็จ


ผล.มูลค่าหุ้นใหญ่กว่าขนาดตลาดประเทศไทยอีก

google 100%

กูเกิ้ลยาวๆ

Google

เรื่องจำนวนเงินนี่ไม่ทราบนะ
แต่ถ้าว่ากันเรื่องความยั่งยืน ผมเกรงว่า Apple จะไปก่อนเพื่อน

- Microsoft

ถึงตลาด mobile จะพินาศ แต่ผมว่า PC พี่ยังโกยเรียบ
ทั้ง Windows และ Office 365 ยังสดใส

เมื่อกี้เพิ่งอ่านข่าวว่า (อาจจะแค่ลือนะ)
Apple เริ่มลดความสำคัญของ MacBook ลงแล้ว

จากเดิมที่ก็เป็นตัวทำกำไรน้อยอยู่ละแหละ (กำไรส่วนมากไม่ได้มาจาก Macbook)
แต่ถ้าลดลงความสนใจลงไปอีกเนี่ย
ตลาด PC มองยาวๆ Microsoft เก็บกินเจ้าเดียวแหงๆ

ถ้าต่อไปเริ่มตันๆ หรือไม่มีไรใหม่ๆมาเสนอในส่วนของ MacBook
ผมว่าคนคงทะยอยหนีไป Windows หรือ Linux ไรงี้กันเรื่อยๆ
สุดท้ายก็ดับสนิท

แล้วหันมาดูตัวทำกำไรเน้นๆของ Apple คือ iPhone
ซึ่งผมว่านะ มันก็คู่แข่งเยอะมากๆ
ไหนจะ Samsung / แบรนด์จีนดีๆราคาถูกๆอีก / Google ก็มี Pixel ที่ดูน่าสนใจ

พอเทียบกับตลาด PC ของ MS
หลักๆคือ Windows + Office 365 แทบไม่มีใครมาชนได้เลย
นี่ยังไม่นับถึงพวกองค์กรอีกนะ ที่มักจะใช้เป็น Windows ซะส่วนใหญ่

เพราะงั้น ถ้ามองยาวๆ ผมว่าความเสี่ยงของ Apple นี่สูงกว่า Microsoft นะ

- ส่วน Google ... ไม่รู้แหะ ผมว่ารายนี้แทบจะคงกะพันอ่ะ
ทำเยอะมาก น่าจะล้มยากสุดแล้ว
ณ ตอนนี้ Market Cap อาจจะไม่สูงเท่า Apple แต่ผมว่ามันอายุยืนกว่าแน่ๆ

นวัตกรรมก็เยอะ คนใช้งานก็มาก และActiveกันตลอด แข็งจริงเจ้านี้

---------------------------------------------------------

ป.ล. ผมไม่รู้นะว่า Apple จริงๆแล้วมีผลิตภัณฑ์หรือธุรกิจอะไรบ้าง
ซึ่งมันอาจจะทำอะไรเยอะแยะกว่าที่ผมรู้ก็ได้

ผมเลยไม่ได้ประเมินว่าบริษัทมันจะเจ๊งนะ คงไม่ถึงขั้นนั้น

แต่ผมคิดในแง่ที่ว่ามันอาจจะหายไปจากตลาดของพวก คอม/ซอฟต์แวร์
คือคนจะใช้น้อยลงเรื่อยๆ ทั้งฝั่งมือถือ/และ Mac (อันนี้ก็คนใช้ไม่เยอะอยู่แล้ว)

ซึ่งต่างจาก Microsoft / Google
ที่ผมว่ายังอีกนานกว่าจะถึงจุดนั้น

apple ตั้งแต่ ขาด สตีฟ จ๊อบ มุขเหมือนตันๆ เท่าที่สังเกตุ คือ os ยังรูปแบบเดิม ซึ่ง เสถียรดีอยู่แล้ว เหมือนเอามาโม ใหม่ คิดว่าคนพัฒนา คงมีเฉพาะกลุ่ม

แต่กับ android คือ เกือบ ทุกคนมีส่วนในการปรับแต่งทั้งสิ้น จะเสถียร รึเปล่า ไม่รู้ ต้องให้แต่ละค่ายเอาไปใช้(แต่หลังๆส่วนมาก เน้น เพรียวรอมมากกว่า แค่ปรับแต่งนิดหน่อยให้เป็นของค่ายตัวเอง )

กับ microsoft นี่ยังงัยก็กินขาดบน pc อยู่แล้ว หลังๆเริ่มมาลงที่ พวก tablet

มันเหมือน 3 อันดับบนตารางฟุตบอล ที่แข่งกัน ห่างกันไม่กี่แต้ม แต่ apple ยังเป็นรอง 2 ค่ายนี้อยู่ ช่วงตัว

ปล. ความคิดเห็นผมเองนะ

ผิดถูกงัยบอกด้วยละกัน เพิ่งตื่น

apple อาจจะถึงก่อนเพราะเน้นขายของเป็นหลัก ไม่ได้ขายเทคโนโลยีกับความเสถียรของระบบเหมือนเมื่อก่อน จะกลายเป็น samsung ไปทุกวันแล้ว

google เริ่มเน้นสาธารณะประโยชน์มากขึ้น เข้าใจว่าเงินมันเยอะจนต้องให้สังคม มาดูว่ารถขับเองได้ของ google จะไปได้ไกลสักแค่ไหน สู้ๆ นะ ผมเอาใจช่วย

microsoft กินตลาด PC แทบจะทั้งหมด ต้องมาดูที่ azure ว่าจะช่วยบริษัทได้มากน้อยแค่ไหน เพราะได้ยินข่าวมาว่า windows 10 จะเป็น windows version สุดท้ายแล้ว (อยากให้มีต่อนะ) ส่วนอุปกรณ์อื่นๆ ไม่น่าเกิดเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะ surface

amazon นี่ cloud เริ่มมาละ ในอนาคตอาจจะเป็นเบอร์หนึ่งแบบไร้คู่แข่ง ถ้า azure ของ microsoft แผ่วปลาย (ซึ่งเป็นไปได้ยาก)