ในที่นี้ ผมหมายถึง Window Transfer นะครับ ไม่รู้ภาษาไทยเรียกว่าไงดี

แฟนๆ ตื่นเต้นเมื่อตลาดซัมเมอร์มาถึง เหล่าบิ๊กเนมราคาแพงพาเหรดกันย้ายสโมสรให้หัวใจชุ่มชื้น



และตลาดหน้าหนาว สำหรับการเสริมทีมในจุดที่บกพร่อง หรือไม่ทันตลาดรอบที่แล้ว เพื่อสู้ศึกให้ได้ตลอดลอดฝั่ง



กลับกัน ทำไมเหล่าโค้ชถึงเปลี่ยนมือกันเป็นว่าเล่น

ล่าสุด แฟรงค์ เดอ บัวร์ มีเวลาทำทีมที่เขาไฝ่ฝันเพียง 85 วัน



แม้ผลงานของทีมจะเลวร้ายสะสม แต่โค้ชทุกคนไม่ใช่เป๊ป กวาร์ดิโอลาหรือเปล่า??

ทุกคนต้องการเวลาสร้างอาณาจักร บ่มเพาะตัวตน คาแรคเตอร์ของทีมที่โค้ชวาดไว้

หากย้อนกลับไปช่วงแรก อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก่อนเป็นท่านเซอร์ พาทีมทุลักทุเลอยู่นาน กว่าจะตั้งหลักได้

หากเป็นสมัยนี้ ด้วยผลงานเดียวกัน ป๋าคงจะปลิวในเร็ววันเป็นแน่แท้



หรือกรณีเดียวกันกับเดวิด มอยส์

สัญญาที่เซนต์ไว้ 6 ปี มอยส์คงจะมองแผน 6 ปี ไม่ใช่ 8 เดือน



ผมไม่ปฏิเสธว่าการกระทำดังกล่าวสมเหตุสมผล และชอบธรรม

แต่อย่าลืมว่าผลลัพธ์ดังกล่าวยังไม่ได้ทำให้ผลงานของทีมดีขึ้น

ลุยส์ ฟาล กัล จนกระทั่ง โชเซ มูรินโญ ไม่มีใครทำให้แมนยูกลับมาใกล้เคียงทีมเดิมๆ แถมยังโดนแฟนๆ เล่นมุกล้อ และถ่มถุยมากขึ้นด้วยซ้ำ (ไม่เชื่อดูในสุสานได้)

ผมคงไม่กล้าพูดหรอกว่า มอยส์อยู่แล้วสภาพทีมจะดีกว่านี้ ฟุตบอลวัดที่คะแนน ไม่ใช่สปอนเซอร์

ตอนนี้ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมคือแมนยู "ย่ำอยู่กับที่" มาพักนึงแล้ว

แทนที่โค้ชหลายคน จะมีเวลา และสมาธิเต็มที่ อย่างน้อยก็หน้าหนาวที่จะทำทีม

กลับกลายเป็นว่า นอกจากเครียดกับผลงาน (กรณีย่ำแย่แล้ว) ยังต้องเครียดหลังบ้านอีก ว่ากูจะโดนปลดเมื่อไหร่

คนเราจะมีสมาธิแค่ไหน กับสถานการณ์แบบนั้น

มาที่ไวท์ ฮาร์ท เลน เมาริซิโอ ปอเชติโน เขาสร้างอาณาจักรของเขาได้สำเร็จ



เหล่าลูกเจี๊ยบวัยคะนอง สร้างผลงานสะเทือนลีค

แต่มันไม่ได้เกิดขึ้นชั่ววัน มันต้องใช้เวลา จากการโดนค่อนขอดว่ามีแต่เงิน ไม่รู้จักคิด สเปอร์สใช้เงินน้อยลงเรื่อย ที่ทะยานขึ้นมากลับเป็นคุณภาพของทีม



ยากที่จะยืนยันว่า หากมีตลาดผู้จัดการทีมจริง คุณภาพของทีม และคุณภาพของลีคจะพัฒนาไปอีกระดับ

...แต่เมื่อเทียบกับเปลี่ยนกันเป็นเก้าอี้ดนตรีแบบนี้ มันก็น่าเสี่ยงเหมือนกัน...

มอยส์ ทัศนคติไม่ถึงครับ

การสัมภาษณ์ครั้งแรก บอกว่า ได้สัก 1 ใน 3 ของเซอร์ก็โอเคแล้ว

ตอนแรกนึกว่าลดความกดดัน แต่ตอนนี้คิดว่าแกพูดจริงๆ

จารย์หลุยส์ทำทีมง่วงไปหน่อย ส่วนจ่ามูแกเพิ่งเริ่มต้น

ชอบอ่านครับ

เซอร์ ตอนมาคุมแมนยูคือทีมกลางๆตารางนะครับ ความกดดันมันน้อยกว่า

หลังจากหมดยุคเซอร์ แมนยูคือทีมระดับท็อปของวงการ ไม่สามารถรอความสำเร็จใน 3-7 ปีได้หรอกครับ

เหมือนสเปอร์ตอนนี้ไม่ได้แชมป์ แต่ขอติด1ใน5ของตาราง บอลถ้วยเข้ารอบลึกๆ แฟนก็ดีใจแล้ว

เค้าไม่รอกันแล้วครับสมัยนี้ผมว่า ถ้าไม่ได้แชมป์ สปอนเซอร์ก็ไม่มี เหมือนสโมสรไม่มีงานอ่ะ เวินไม่มีจะเอาที่ไหนไปพัฒนาทีม

ตอนเซอร์มา แมนยูไม่ใช่ยักษ์ใหญ่แบบทุกวันนี้นิ่

ตอนนี้ แบรนด์แมนยู คือ สโมสร ฟุตบอล Top3 ของโลกนะครับ

ต้องรอไปเรื่อยๆแหละ อาจจะโดนปลดวนๆไป

อย่างหส์ กว่าจะมาคลอปป์ ก็ หลังจากหมดราฟา

ปู่รอย คิงเคนนี่ บีรอด จนมา JK ในที่สุด

แต่ แฟนแมนยูเองนั่นแหละครับ ที่มักจะติดภาพทีมประสบความสำเร็จ

แฟนแมนยู คาดหวังกันสูง

จะมีซักกี่ท่าน ที่ อดทนรอได้จริงๆ เพราะ คนส่วนใหญ่ เข้ามาเชียร์แมนยู ในวันที่ค้างฟ้าซะเยอะนะครับ

อย่างผมมาเชียร์หงส์ เชียร์ เพราะ ตอนเล่น Ps1 ผมชอบ โอเว่น

แต่ก็อย่างว่า ไม่มีอะไร จะสามารถเหมือนเดิมได้ตลอดเวลา

ทีมดังได้ ทีมก็ตกได้ ในเมื่อตกได้ มันก็ต้องขึ้นมาได้

ขอแค่อย่ายอมแพ้ครับ อย่างนึงเลย แมนยูยังมีนักเตะที่เล่นเต็มที่ไม่เยอะนะ

แต่ละคน เหมือนเล่นผ่านๆอ่ะ ความทุ่มเทไม่มีเลย

บางที เข้าไปดูแมนยูเพราะอยากแช่ง แต่พอดูแล้ว น่าเห็นใจแฮะ

ไม่กลางตารางนะ เกาะ 3,4 มาก่อนเซอร์คุม

แต่ความคาดหวังไม่ได้สูงเท่าตอนนี้อ่ะ ใช่

ลั่น

ใจนึงผมเห็นด้วยนะ จำได้คาราเกอร์เคยจุดประเด็นนี้ไปทีนึงละ
สโมสรจะตั้งใครจะได้คิดมากขึ้นหน่อย ไม่ใช่แค่จ่ายค่าฉีกสัญญาก็จบ
ผู้จัดการก็จะได้เข้ามาทำทีมในช่วงเวลาที่ซื้อขายได้ด้วย และมีเวลาอย่างน้อยก็รู้ตัวว่าไม่โดนปลดกลางอากาศ
แต่ตอนคาราเกอร์พูด เหมือนกับจะเป็นช่วงกระแสไล่มอย ถ้าจำไม่ผิด
คนเลยมองว่าแกกลุ่มเพื่อนมอย

ไทยลีกนี่แหละ เปลี่ยนโคตรบ่อย