ผู้ตั้ง
ข้อความ
เข้าร่วม: 12 Aug 2014
ตอบ: 89
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Aug 15, 2016 10:08 pm
จีนคิดใหม่ทำใหม่ ปฏิรูปโรงเรียนกีฬาเพื่อรักษาแชมป์โอลิมปิก


รอยเตอร์ส—จีนได้หันมาทบทวนระบบการศึกษาฝึกฝนด้านกีฬา ในช่วงก่อนหน้าที่โอลิมปิก เกมส์ 2016 ที่กรุงริโอ เดอ จาเนโร มาถึง

..:: ระบบการสร้างนักกีฬาของจีนประสบความสำเร็จอย่างสูงนับจากวันที่จีนได้หวนกลับมาสู่สนามโอลิมปิกในปี 1980 จนกระทั่งได้ครองแชมป์กวาดเหรียญชัยชนะมากที่สุดในโอลิมปิก เกมส์ 2008 ปีที่ปักกิ่งเป็นเจ้าภาพมหกรรมแข่งขันกีฬาโอลิมปิก และในสี่ปีต่อมา ก็ตกแชมป์กวาดเหรียญมาอยู่ที่อันดับสองรองจากสหรัฐอเมริกา ในโอลิมปิก เกมส์ ที่กรุงลอนดอน

..:: ระบบกีฬาของจีนเริ่มระส่ำระสาย เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงด้านประชากรในขณะที่ประเทศเรืองอำนาจเศรษฐกิจมากขึ้น นับเป็นปัญหาท้าทายใหญ่ของเหล่าโรงเรียนผลิตนักกีฬาราว 2,183 แห่งทั่วแผ่นดินใหญ่ แหล่งผลิตนักกีฬาโอลิมปิก 95 เปอร์เซ็นต์ของประเทศ


เด็กนักเรียนที่โรงเรียนสือชาไห่ในปักกิ่ง เดินผ่านโปสเตอร์ ภาพศิษย์เก่าของโรงเรียนที่กลายเป็นแชมป์นักกีฬาโอลิมปิก ข้อความในโปสเตอร์ “เรียนรู้จากแชมป์โอลิมปิก”

..:: ปัจจุบันมีพ่อแม่ไม่กี่คนที่อยากส่งลูกน้อยไปทนลำบากฝึกกีฬาทุกวันตั้งแต่อายุน้อยๆเพียง 6 ขวบ ทำให้นักเรียนในโรงเรียนกีฬาเยาวชนลดฮวบลง จนโรงเรียนบางแห่งต้องปิดตัว ขณะที่โรงเรียนแห่งอื่นๆก็ปรับการทำงาน จำนวนโรงเรียนการกีฬาในจีน ลดจำนวนจาก 3,687 ในปี 1990 จากข้อมูลสถิติหน่วยงานรัฐ

..:: “ในช่วงทศวรรษที่ 1980 และ 1990 โรงเรียนการกีฬาเนื้อหอมมาก ทว่า ปัจจุบันพ่อแม่ไม่อยากส่งลูกมาเรียนฝึกฝนกีฬา หากคะแนนการเรียนของพวกเขาดี” คำกล่าวของหวง ฉิน เลขาธิการพรรคฯประจำโรงเรียนการกีฬาเยาวชนหมายเลขหนึ่งประจำเขตพัฒนาใหม่ผู่ตง นครเซี่ยงไฮ้ (Shanghai's No.1 Children's Sports School Pudong New Area)

..:: ในช่วงโอลิมปิก 2008 เริ่มมีกระแสถกเถียงระบบโรงเรียนกีฬา โดยขณะนั้นบรรดาโรงเรียนกีฬาเผชิญปัญหานักกีฬาเกษียณอายุ อีกทั้งความคาดหวังในมาตรฐานการศึกษาของกลุ่มชนชั้นกลางที่กำลังบูมในจีน

..:: นอกจากนี้ อัตราการเกิดที่ชะลอตัวลงอันเป็นผลมาจากนโยบายลูกคนเดียว และระบบการศึกษาที่แสนโหด ที่ทำให้นักเรียนในจีนต้องใช้เวลาทำการบ้านในแต่ละวันมากกว่าเวลาทำการบ้านโดยเฉลี่ยของเด็กนักเรียนทั่วโลก ถึงสองเท่า


ภาพการฝึกฝนของเด็กนักเรียนในโรงเรียนการกีฬาสมัครเล่นเยาวชนแห่งหยังปู้ในเซี่ยงไฮ้ เจ้าหน้าที่โรงเรียนการกีฬาสมัครเล่นเยาวชนแห่งหยังปู้ในเซี่ยงไฮ้ ภาพ พ.ค. 2559

..:: จีนเริ่มแก้ไขปัญหาในปี 2010 โดยกำหนดนโยบายใหม่ เรียกว่า “เอกสารหมายเลข 23” ระบุให้โรงเรียนกีฬาปรับปรุงมาตรการฐานการเรียนการสอน และสนับสนุนนักกีฬาที่ออกจากวงการไป

..:: บางโรงเรียนอย่างเช่น โรงเรียนการกีฬาสมัครเล่นเยาวชนแห่งหยังปู้ในเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Yangpu Youth Amateur Athletic School) ได้ตระเวนไปตามโรงเรียนอนุบาลต่างๆโฆษณาโปรแกรมชั้นเรียนยิมนาสติก เป็นกิจกรรมหลังเลิกเรียนให้แก่พ่อแม่

..:: ที่โรงเรียนสือชาไห่ในปรุงปักกิ่ง ติดโปสเตอร์ภาพศิษย์เก่าที่กลายเป็นแชมป์โอลิมปิก ผู้ช่วยครูใหญ่ จาง จิ้ง กล่าวว่าทางโรงเรียนเสนอ “การพัฒนาที่รอบด้าน” และพัฒนานักกีฬาให้มีทักษะสำหรับชีวิตหลังเลิกเล่นกีฬา

..:: อย่างไรก็ตาม การปฏิรูปด้านการศึกษาและการกีฬาจีน ก็ยังดำเนินไปอย่างช้าๆ

..:: ในเดือนมี.ค. การสำรวจของรัฐบาลพบว่า โรงเรียนบางแห่งในกลุ่มโรงเรียนใน 9 เมืองและมณฑล ไม่ได้จัดสรรงบประมาณอย่างพอเพียงให้แก่การศึกษา ขณะที่หน่วยงานด้านการศึกษาในท้องถิ่นไม่ค่อยใส่ใจปรับปรุงตัวให้สอดคล้องกับนโยบายใหม่ ที่ระบุใน “เอกสารหมายเลข 23”


ภาพการฝึกฝนของเด็กนักเรียนในโรงเรียนการกีฬาสมัครเล่นเยาวชนแห่งหยังปู้ในเซี่ยงไฮ้ เจ้าหน้าที่โรงเรียนการกีฬาสมัครเล่นเยาวชนแห่งหยังปู้ในเซี่ยงไฮ้ ภาพ พ.ค. 2559

..:: แต่นักกีฬาอย่าง หวัง หลินเหวิน อดีตนักกีฬาอาชีพวัย 25 ปี ซึ่งได้เป็นตัวแทนมณฑลซันซี ลงสนามแข่งขันกังฟู หรือศิลปะการต่อสู้ กล่าวว่า การปฏิรูป แม้จะคืบหน้าเล็กน้อยเพียงใด ก็มีความสำคัญมากสำหรับผู้ที่ยังต้องการเข้าโรงเรียนกีฬา

..:: ตลอด 5 ปี จนกระทั่งเธอวางมือออกจากสนามแข่งขันในปี 2009 เธอใช้เวลาในระหว่างสัปดาห์ 5 วัน ไปกับการฝึกฝน และเรียนในช่วงวันสุดสัปดาห์เท่านั้น

..:: “ฉันสูญเสียอย่างมาก ฉันไม่ได้เรียนในระบบเลย การปฏิรูปเป็นสิ่งที่ดี นักเรียนจากโรงเรียนกีฬาจะได้ไม่ต้องออกมาโดยที่ไม่รู้อะไรเลย” หวังกล่าว

..:: ชมบรรยากาศการฝึกฝนของเด็กนักเรียนที่โรงเรียนการกีฬาในประเทศจีน (ภาพ รอยเตอร์ส)


ภาพการฝึกฝนของเด็กนักเรียนในโรงเรียนการกีฬาสมัครเล่นเยาวชนแห่งหยังปู้ในเซี่ยงไฮ้ เจ้าหน้าที่โรงเรียนการกีฬาสมัครเล่นเยาวชนแห่งหยังปู้ในเซี่ยงไฮ้ ภาพ พ.ค. 2559


นักเรียนฝึกตีปิงปองที่โรงเรียนสือซาไห่ในปักกิ่ง ภาพวันที่ 17 พ.ค. 2559 (ภาพ รอยเตอร์ส)


อุปกรณ์กีฬาฟันดาบที่โรงเรียนสือชาไห่ กรุงปักกิ่ง ภาพวันที่ 17 พ.ค. 2559 (ภาพ รอยเตอร์ส)


ภาพการฝึกฝนของเด็กนักเรียนในโรงเรียนการกีฬาสมัครเล่นเยาวชนแห่งหยังปู้ในเซี่ยงไฮ้ เจ้าหน้าที่โรงเรียนการกีฬาสมัครเล่นเยาวชนแห่งหยังปู้ในเซี่ยงไฮ้ ภาพ พ.ค. 2559


ภาพการฝึกฝนของเด็กนักเรียนในโรงเรียนการกีฬาสมัครเล่นเยาวชนแห่งหยังปู้ในเซี่ยงไฮ้ เจ้าหน้าที่โรงเรียนการกีฬาสมัครเล่นเยาวชนแห่งหยังปู้ในเซี่ยงไฮ้ ภาพ พ.ค. 2559


โค้ชกำลังเช็ดน้ำตาและปลอบหนูน้อยที่เหนื่อยจากการฝึกซ้อมยิมนาสติกในโรงเรียนการกีฬาสมัครเล่นเยาวชนแห่งหยังปู้ในเซี่ยงไฮ้ ภาพวันที่ 4 พ.ค. 2559 (ภาพ รอยเตอร์ส)


สองพี่น้องฝาแฝดนอนดูเพื่อนๆฝึกซ้อมยิมนาสติก ในโรงเรียนกีฬาสมัครเล่นเยาวชนหยังปู้ ในเซี่ยงไฮ้ ภาพวันที่ 4 พ.ค. 2559 (ภาพ รอยเตอร์ส)


นักเรียนหญิงวิ่งไปห้องน้ำระหว่างช่วงพักการฝึกที่โรงเรียนการกีฬาสมัครเล่นเยาวชนแห่งหยังปู้ในเซี่ยงไฮ้ ภาพวันที่ 4 พ.ค. 2559 (ภาพ รอยเตอร์ส)

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------








ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก Manager Online



ติดตามข้อมูลข่าวสารที่น่าสนใจ (ย้อนหลัง) ได้ที่ Germanicas
เข้าร่วม: 11 Feb 2016
ตอบ: 24098
ที่อยู่: ดาราศาสตร์ ภูมิศาสตร์ โลก เข้าร่วม: 13 Feb 2005
โพสเมื่อ: Mon Aug 15, 2016 10:11 pm
[RE: จีนคิดใหม่ทำใหม่ ปฏิรูปโรงเรียนกีฬาเพื่อรักษาแชมป์โอลิมปิก]
พอจีนเหมาเหรียญได้

สหพันธ์กีฬาก็เปลี่ยนกฎใหม่

แล้วจีนก็ตามมาเก็บอีก
0
0
เข้าร่วม: 07 Jan 2011
ตอบ: 2356
ที่อยู่: ที่ไหน ??
โพสเมื่อ: Mon Aug 15, 2016 10:36 pm
[RE: จีนคิดใหม่ทำใหม่ ปฏิรูปโรงเรียนกีฬาเพื่อรักษาแชมป์โอลิมปิก]
ส่งคนจีนโอนสัญชาติไปเล่นให้ชาติอื่น

แล้วพอเจอกันก็แกล้งยอม แบบนี้ง่ายกว่าเยอะ

โอลิมปิคครั้งนี้ชาติไหนๆ ก็หน้าเป็นจีนทั้งนั้น
0
0
#gloryglory #manchesterunited
เข้าร่วม: 12 Aug 2014
ตอบ: 16553
ที่อยู่: อยู่เป็นข้ารองใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทในหลวงภูมิพลทุกชาติไป
โพสเมื่อ: Mon Aug 15, 2016 11:13 pm
[RE: จีนคิดใหม่ทำใหม่ ปฏิรูปโรงเรียนกีฬาเพื่อรักษาแชมป์โอลิมปิก]




เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก eastday.com, wenweipo.com, sohu.com

ชีวิตของคนเราไม่แน่ไม่นอนเลยจริง ๆ เพราะคงไม่มีใครคาดคิดว่า คนที่ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดในชีวิต แต่ทว่าวันหนึ่ง ชีวิตของเขาคนนั้น กลับพลิกผันร่วงตกลงมาราวกับอดีตเป็นเพียงฝันหวาน และนี่คืออีกหนึ่งเรื่องราวที่บอกเล่าสัจธรรมชีวิตได้เป็นอย่างดี

ภาพของชายหนุ่มร่างเล็กคนหนึ่งที่กำลังเดินเร่ขายเหรียญทองใกล้ ๆ กับสถานีรถไฟฟ้าหวังฝูจิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน กลายเป็นภาพคุ้นตาของผู้ที่สัญจรไปมายังเส้นทางนั้น รวมทั้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสถานีรถไฟฟ้าที่มักจะเดินเข้ามาไล่ชายหนุ่มคนดังกล่าวให้ออกไปอยู่เสมอ ๆ ซึ่งหากมองผ่าน ๆ อาจจะเข้าใจได้ว่า ชายคนดังกล่าวเป็นเพียงแค่ "ขอทาน" ทั่ว ๆ ไป แต่ใครจะรู้บ้างว่า ชายหนุ่มคนดังกล่าวแท้จริงแล้วเคยเป็นถึงนักกีฬายิมนาสติกผู้เกรียงไกรของประเทศจีน และเคยผงาดคว้าเหรียญรางวัลมาแล้วนับไม่ถ้วน

โดยหนุ่มคนดังกล่าวมีนามว่า "จาง ซ่างอู่" อายุ 27 ปี หากย้อนกลับไปเมื่อปี 1994 เขาติดทีมชาติจีนในฐานะนักกีฬายิมนาสติกเป็นครั้งแรก และจากนั้นมา "จาง ซ่างอู่" ก็เดินสายแข่งขันยิมนาสติกรายการระดับนานาชาติจนกวาดเหรียญทองมานับไม่ถ้วน แต่แล้วชีวิตที่กำลังรุ่งโรจน์กลับพลิกผัน เมื่อในปี 2003 "จาง ซ่างอู่" ประสบกับอาการบาดเจ็บเรื้อรังที่เอ็นข้อเท้า ทำให้เขาชวดไปแข่งขันยิมนาสติกในการแข่งขันโอลิมปิกปี 2004 ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ และหลังจากนั้นมาชื่อของ "จาง ซ่างอู่" ก็ไม่อยู่ในโผนักกีฬาทีมชาติอีกเลย

จะว่าไปก็เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เพราะหลัง "จาง ซ่างอู่" พ้นจากสภาพความเป็นนักกีฬาทีมชาติแล้ว ชีวิตของเขาก็ตกต่ำลงเรื่อย ๆ เนื่องจากเขาได้ฝึกฝนเฉพาะด้านการกีฬามาตั้งแต่เล็ก ๆ และแทบไม่ได้เรียนหนังสือ จึงไม่มีความสามารถด้านอื่น ๆ ที่จะไปทำงานกับใครได้ จนกระทั่งมาถูกจับกุมในข้อหาลักทรัพย์ถึง 2 ครั้งในปี 2007 และถูกตัดสินใจจำคุกนานกว่า 3 ปี

หลังจากนั้นมา ชื่อของ "จาง ซ่างอู่" ในฐานะแชมป์ยิมนาสติกที่ทำให้ชาวจีนภาคภูมิใจก็เริ่มเลือนหายไปจากสังคม จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ ชาวไซเบอร์ที่ใช้นามแฝงว่า "หลางเฟิง" ได้ไปพบเห็นเขากำลังเดินเร่ขายเหรียญรางวัลแถวสถานีรถไฟฟ้าหวังฝูจิ่ง ที่กรุงปักกิ่ง จึงได้ถ่ายรูปเขามาโพสต์ในอินเทอร์เน็ต จนกลายเป็นข่าวดังขึ้นมา

โดยหนุ่มจาง ซึ่งเพิ่งพ้นโทษจำคุกเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ได้ออกมาโชว์ลีลายิมนาสติกให้ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาชม เพื่อดึงดูดให้ผู้คนเข้ามาซื้อเหรียญทองของเขา โดยอดีตนักยิมนาสติก บอกกับนักข่าวว่า เหรียญเหล่านี้ครั้งหนึ่งเคยเป็นเหรียญเกียรติยศของเขา แต่วันนี้ หากมันสามารถแลกเป็นค่าอาหารได้บ้างก็พอใจแล้ว เพราะเขาไม่สามารถไปทำงานอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นงานรับจ้างใช้แรงงาน หรือยาม เนื่องจากคนมองว่าเขาซึ่งสูงเพียง 151 เซนติเมตรนั้นตัวเล็กเกินไป และเขายังบาดเจ็บเรื้อรังด้วยอาการเอ็นข้อเท้าเสื่อมจากการฝึกซ้อมอย่างหนักสมัยเป็นนักกีฬาทีมชาติ

ทั้งนี้ หลังจากเรื่องราวของ "จาง ซ่างอู่" ถูกเปิดเผยออกมาก็ทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องพูดถึงประเด็นนี้กันมากขึ้น อย่างเช่น "สิง อ้าวเหว่ย" หนึ่งในเพื่อนร่วมทีมยิมนาสติกของ "จาง ซ่างอู่" ได้โพสต์ข้อความให้กำลังใจหนุ่มจาง และขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือหนุ่มจางด้วย เพราะยังไงเสียเขาก็เคยสร้างชื่อให้กับประเทศชาติในอดีต ขณะที่ "ฟ่าน หงปิน" อดีตโค้ชทีมชาติที่เคยฝึกสอนหนุ่มจาง กลับบอกว่า ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลที่หนุ่มจางหลุดออกจากทีมชาติ และเหตุที่ทำให้ชีวิตเสื่อม เกิดขึ้นเพราะหนุ่มจางทำตัวเอง

นอกจากนี้ เรื่องราวดังกล่าวยังทำให้สังคมเริ่มตั้งคำถามไปยังสมาคมยิมนาสติกแห่งประเทศจีน ว่าทำไมจึงไม่ดูแลอดีตนักกีฬาทีมชาติ ซึ่งทางสมาคมฯ ก็ชี้แจงว่า เคยให้โอกาสหนุ่มจางเลือกเส้นทางชีวิตหลังออกจากทีมชาติแล้ว ซึ่งครั้งนั้น จาง ซ่างอู่ ตัดสินใจจะรับเงินช่วยเหลือจากสมาคมฯ ประมาณ 63,220 หยวน และตัดสินใจออกไปหางานทำเอง

อย่างไรก็ตาม "จาง ซ่างอู่" ไม่ใช่อดีตนักกีฬาจีนที่ตกอับและกลายเป็นข่าวขึ้นมาเป็นคนแรก เพราะก่อนหน้านี้ "อ้าย ตงเหมย" นักกีฬามาราธอนหญิงของจีน ก็เคยเร่ขายเหรียญรางวัลของเธอ หลังจากเธอหลุดจากทีมชาติพร้อม ๆ กับสามีที่ตกงานในช่วงปี 2007 ทำให้เธอและครอบครัวต้องออกมาอาศัยกระท่อมที่สร้างเองอยู่ริมถนน และขายเสื้อผ้าเด็กหาเลี้ยงชีพ

เช่นเดียวกับ "โจว ชุนหลาน" อดีตนักยกน้ำหนักหญิงทีมชาติจีนที่เคยทำลายสถิติโลกไว้ แต่ต้องลาวงการลูกเหล็กไปด้วยอาการบาดเจ็บที่หลังและเอวเรื้อรัง จนเมื่อปี 2006 มีคนไปพบ "โจว ชุนหลาน" รับจ้างนวดผู้คนในสถานอาบน้ำสาธารณะเพื่อแลกกับรายได้เพียงครั้งละ 1.45 หยวนเท่านั้น แต่โชคดีที่มีคนยื่นมือเข้าช่วยเหลือเธอลงทุนเปิดร้านซักรีดให้ จนวันนี้ "โจว ชุนหลาน" เริ่มต้นชีวิตใหม่ได้อีกครั้ง

นอกจากนี้ ยังมีอดีตนักกีฬายกน้ำหนักที่ชื่อว่า "ไช่ หลี่" ซึ่งเคยคว้าเหรียญทองการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์เมื่อปี 1990 แต่เมื่ออายุมากขึ้นต้องออกจากทีมชาติ และผันตัวมาทำงานเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย ก่อนจะเสียชีวิตไปเมื่อปี 2003 จากสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับการฝึกซ้อมยกน้ำหนักมาอย่างหนักตลอดชั่วชีวิต

ที่น่าสนใจคือ หนังสือพิมพ์ไชน่า เดลี่ สปอร์ต ยังรายงานด้วยว่า ในจำนวนนักกีฬาทีมชาติจีนที่เลิกเล่นไปแล้วกว่า 300,000 คน พบว่า อดีตนักกีฬากว่า 80% ยังต้องเผชิญกับปัญหาอาการบาดเจ็บเรื้อรังอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมาจากการฝึกซ้อมอย่างหนักในอดีต อีกทั้งบางคนต้องกลายเป็นผู้พิการ นอกจากนี้ยังมีอีกหลายคนต้องประสบปัญหาว่างงาน ความยากจน เพราะขาดการศึกษาอีกด้วย

http://hilight.kapook.com/view/61105





เข้าร่วม: 19 May 2011
ตอบ: 7252
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Aug 16, 2016 12:04 am
[RE: จีนคิดใหม่ทำใหม่ ปฏิรูปโรงเรียนกีฬาเพื่อรักษาแชมป์โอลิมปิก]
จีนนี่ฝึกแบบเอาเป็นเอาตาย
เข้าร่วม: 31 Jan 2014
ตอบ: 11410
ที่อยู่: บนต้นไม้
โพสเมื่อ: Tue Aug 16, 2016 1:55 am
[RE: จีนคิดใหม่ทำใหม่ ปฏิรูปโรงเรียนกีฬาเพื่อรักษาแชมป์โอลิมปิก]
เป็นผมให้ลูกเรียนด้วยเล่นกีฬาไปด้วยดีกว่า

อย่างน้อยถ้าไม่ได้ เป็นนักกีฬา ก็ยังทำอาชีพอย่างอื่นได้

แต่ดูสมาคมกีฬาพี่จีนทำกับนักกีฬาแล้วอยากบอกว่า "โคตรทุเรศ"

ปกติสมาคม ต้องมีสวัสดิการหรือเบี้ยเลี้ยง ให้นักกีฬาระดับชาติ ที่ทำคุณประโยชน์ให้ชาติไม่ใช่เหรอ นี่มันเหมือนพอหมดประโยชน์ก็ทิ้งเค้าไว้ข้างทาง แล้วตัวเองก็เดินหน้าต่อไป
ออกแนวตัดภาระทิ้ง ไม่แปลกใจเลย....

เข้าร่วม: 16 Jul 2007
ตอบ: 14724
ที่อยู่: โกโรโฮ ประเทศจีน
โพสเมื่อ: Wed Aug 17, 2016 12:45 am
[RE: จีนคิดใหม่ทำใหม่ ปฏิรูปโรงเรียนกีฬาเพื่อรักษาแชมป์โอลิมปิก]
สมาคมมวยของไทยปัจจุบัน ควรปฎิรูปได้แล้ว


ดูของจีน ทุกกีฬา ยังมีการปรับตัว