Suicide Squad ความพยายามที่ล้มเหลวอีกครั้งของ DC
Spoiler Alert!!!!
บรรทัดแรกเลยครับ ผมได้ข่าวมานานละว่า Hollywood Reporter (หนึ่งใน Source ที่น่าเชื่อถือ) แจ้งมาเสมอๆว่าหนังเรื่องดังกล่าว reshoots เยอะมาก ซึ่งเป็นการเพิ่ม "ฉากมุกตลก" เข้าไป กอปรกับจาเร็ต เลโตก็ออกมาพูดว่า มีอีกหลายซีนที่เขาสงสัยว่ามันหายไปไหนในฉบับฉายโรง ซึ่งปัญหาของ WBs ตอนนี้คือเขาดูหลงทาง ว่าจะดาร์ค จริงจัง หรือจะแทรกฮา หรือยังไง ซึ่งทิศทางหนังที่ไม่ชัดเจน ทำให้ธีมหนังมีปัญหาพอสมควร
แต่การจากโปรโมต (อย่างหนักและพีคเสมอๆ) เราก็หวังว่าหนังเรื่องนี้จะทำในสิ่งที่สองเรื่องแรกทำไม่ได้ คือความสนุก และจากแนวโน้มก่อนฉายทุกคนลงความเห็นว่า เรื่องนี้แหละ จะกู้หน้าและเสียงที่แตกออกเป็น 2 ฝ่าย และความอำมหิตของ Rotten Tomatoes ลงได้
แต่แล้วเมื่อรอบ Sneak Preview เปิดจำหน่ายสำหรับนักวิจารณ์ สิ่งที่ไม่แปลกใจ และซ้ำอีกแล้ว ก็เกิดขึ้น คะแนนมะเขือเน่า และเสียงวิจารณ์แตกเป็น 2 ฝ่าย (ถึงแนวโน้มจะไม่เละเทะเท่า BVS ก็ตาม) อ้างถึงความสะเปะสะปะ ไทม์ไลน์เป็นเส้นตรงไม่แยบคาย และองค์ประกอบที่ไม่สมเหตุสมผล
พูดตามตรงว่ายังไงผมก็ยังชอบหนังเรื่องนี้อยู่ดี ชอบเพราชอบ ไม่ได้ชอบเพราะหนังดี
และเมื่อได้ดูจบเมื่อคืน ผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่ได้ต่างกับที่คนอื่นๆเห็นเท่าใดนัก
องค์แรกนั้น เป็นการ introduce ตัวละครเดนตายแต่ละตัว ฟลอยด์ ลอว์ตัน เจ้าของฉายาเดดช็อต, ฮาร์ลีน เอฟ. ควินเซล, เอล ดิยาโบล, ดร.จูน มูน - ริกก์ แฟลค และคิลเลอร์ ครอค ซึ่งพาร์ทนี้ หลายคนเกลียด แต่ผมชอบนะ ดูเพลินๆ
เรื่องราวช่วงแรกถูกเล่าผ่านเจ้าของรางวัลออสก้าอย่างวิโอลา เดวิส ในบท อแมนดา วอลเลอร์ ผู้หญิงที่เป็นผู้คุมกฏ และก่อตั้งทีม
พูดถึงการเกริ่นตัวละครแต่ละตัวรวมๆนะครับ
พาร์ทของฟลอยด์นั้นเป็นอะไรที่ดีที่สุด เขาดูเป็นพระเอก เป็นคนดีรักครอบครัว แต่วินาทีที่แบทแมนโผล่มา เรามีอารมณ์เอาใจช่วยไม่ให้แบทจับเขาไปง่ายๆ แต่ทันทีที่เด็ดช็อตสบโอกาสคว้าปืนมาจ่อบรูซ ลูกสาวยอดรักของเขาเองกลับเอาตัวมาขวางทางกระสุนไว้ นาทีนั้นผมเข้าใจได้ในทันทีเลยว่า กูกำลังเอาใจช่วยโจรอยู่นิหว่า
กัปตันบูมเมอแรง ผมรู้สึกเลยว่าพี่ต้องเชี่ยมาก กวนตีน เจ้าเล่ห์เพทุบาย และปิดซีนด้วยแบร์รี อัลเลน "ได้ข่าวว่าชอบหักหลังเพื่อนๆหรอ?" (น่าเสียใจที่บทบาทในเรื่องน้อยมาก)
ส่วนคนอื่นนี่พูดเลยว่าผมไม่ซื้อแม้แต่คนเดียว
แฟลชแบคฮาร์ลีย์ ก็ดูแล้วไม่อิน เพราะตัดเร็วมาก ขณะที่โจ๊กเกอร์มีความแก๊งสเตอร์มาก แต่แรงผลักดันเบาบางเหลือแสน เมื่อรวมความรัก Mad Love มันดูยัดเยียดมากไป ผมยังไม่ทันอินเลยว่ารักกันตอนไหน แม้จะใช้เวลาเล่ามากพอสมควรก็ตาม
จูน มูน ก็ไม่ทำให้เชื่อว่าเธอเสียใจ หรือท้อกับการแปลงร่างไปมาเท่าไหร่เลย
ส่วนความสัมพันธ์ของริกก์ แฟลคกับดร.จูน มูน นี่ยิ่งหนักเลย ผมไม่เชื่อซักนิดว่าพวกเขารักกัน ถ้าบอกว่าเป็น Friend with Benefits ยังดูเหมาะสมมากกว่าเลย
ทางด้านสุดหล่อ เอล ดิยาโบล ผมไม่รู้ว่าเพราะเสียงแก หรือเมกอัพที่ดำไปหมด มันไม่ส่งให้เชื่อว่าแกเสียใจที่ฆ่าลูกเมียตัวเองเลย สิ่งเดียวที่รู้สึกคือ มึงปล่อยไฟซะทีเหอะ อย่าลีลาเยอะ
วกมาที่คิลเรอร์ ครอค พี่แต่งหน้าฟรี ไม่มีฉากให้จดจำซักวิ พี่เป็นฮีโรตัวประกอบมาก
ทางคาเรน ฟูกูฮาระ หรือในบทคาตานะ เธอเหมือนสไปดี้ใน Civil Wars มากๆ เธอไม่มีความสำคัญของเส้นเรื่อง เหมือนถูกยัดเข้ามาเพื่อให้ฮีโรมันดูเยอะ ฉากแฟลชแบคก็ไม่จำเป็น ด้วยหน้ากากที่ปิดส่วนที่แสดงอารมณ์ และการพูดญุี่ปุ่น เราแทบจะเดาไม่ออกเลยว่าเธออยู่ในอารมณ์ไหน แต่อยู่ดีๆ เธอก็ร้องไห้คุยกับดาบเธอเสียเฉยๆ
พอมาองค์สอง จับมัดพวกคนบ้ามารวมกัน ผมชอบความมัดรวมแบบไม่ลงตัว มันมีความประสานงานกันแบบแปลกๆกับริกก์ แฟลคด้วย
ส่วนฉากที่มิดเวย์ ซิตี้ นี่เป็นส่วนที่สนุกที่สุดแล้ว เด็ดช็อต กับฮาร์ลีย์ ควินมีสเน่ห์มาก แม้จะส่งบางคนเยอะ และบางคนน้อยแบบน่าเกลียดไปนิดก็ตาม
ส่วน สลิปนอต ประสบความสำเร็จในการถูกพูดถึงในแง่ Meme หรือ Viral มากกว่าอีก (คือใส่มาทำไม เอาโจ๊กแค่นี้เองหรอ)
กระทั่งมาถึงที่กบดาลของอแมนด้า วอลเลอร์ พูดตรงๆว่าผมงง ห้ะ เธอมาอยู่ตรงนี้ได้ไงวะ ไม่ได้รู้สึกใครหักหลังใคร รู้สึกงงมากกว่า
องค์สาม บอกก่อนเลยว่า มันยากจริง ที่จะทำให้การสู้กันของคนที่ไม่มีทางแพ้กับคนธรรมดาจะสู้กันได้ยังไง ผลลัพธ์มันเลยแปลกๆ ส่วนตัวมองว่ามันโคตรคลีเช แผนทำลายโลก ฟุ้งเฟ้อ และตายแบบอนาถๆ ไม่ผิดจากที่คิดไว้แม้แต่น้อย
หนังอีกเรื่องที่ถูกวางซ้อนไว้คือเรื่องของโจ๊กเกอร์ ผมไม่ได้อยากเปรียบเทียบพี่กับใครนะ แต่ผมว่าพี่ Over Acting ไปหน่อย ผมอยากเห็นความจิตที่มันอัดแน่นอยู่ข้างในให้เราค่อยๆอ่าน ค่อยๆเจอมากกว่าเฉลยโต้งๆแบบนี้
โจ๊กเกอร์ที่ฉลาด อำมหิต เคออส คาดเดาไม่ได้ แต่สิ่งที่แสดงในหนังมันเป็นเส้นตรงมาก 1-2-3-4 ตามนี้ ไม่มีไรซับซ้อน แยกประเด็นนะ เขาแสดงได้ดีในส่วนนี้ แต่สำหรับผมมันผ่านแบบหวุดหวิดมาก
หลังจากพิมมายาวมวาก ผมขอสรุปสั้นๆว่า
1.การดำเนินเรื่องเชยมาก ไม่มีอะไรใหม่ ไม่มีอะไรซับซ้อน คลีเชสุดๆ
2.แบ่งบทไม่ค่อยดี คนเยอะก็เยอะมาก คนน้อยก็ตัวประกอบสุดๆ
3.ตัวร้ายเรื่องนี้ก็เหมือนกัน ไม่รู้จะด่าหรือชมอะไร หลายๆคนน่าจะเข้าใจแล้วเมื่อถึงบรรทัดนี้
4.การเล่าเรื่องมีปัญหา (อีกแล้ว) เดี๋ยวปัจจุบัน เดี๋ยวแฟลชแบค บางฉากก็ไม่รู้จะใส่มาทำไม บางฉากที่อยู่ในเทรลเลอร์ก็ไม่ใส่มาซะงั้น บางซีนมูดกำลังตึง ตัดตลกเฉย มันดูไม่ประติดประต่อมากๆ ซีนตลกๆ ถูกเสียบแบบแทรกเข้ามามากไปหลายๆฉาก มันไม่กลืนไปกับสภาพแวดล้อมเลย
5.Theme Song เป็นอะไรที่ผมชอบนะ มันค่อนข้างลงตัวกับคาแรคเตอร์ ติดนิดเดียวตรงที่บางอารมณ์มันตัดเร็วไปหน่อย
6.สิ่งดีที่สุดในหนังเรื่องนี้คือนักแสดงทั้งหลาย เล่นได้ดี แม้จะบทน้อย หรือเยอะ ทุกคนทำในผู้คนรักในสิ่งที่พวกเขาแสดงได้ (นักแสดงแสดงได้ดี - แต่บทและการตัดต่อไม่ส่ง แยกกันนะ) โดยเฉพาะฮาร์ลีย์ ควิน เธอน่ารักน่าหยิก บ้าบอคอแตก และเซ็กซี่ในเวลาเดียวกันได้ดี ไม่ยัดเยียดแม้แต่น้อย โดยเฉพาะซีนที่เธอเสีย Mr.J ไป แต่พอเพื่อนๆหันมา เธอก็แสดงเป็นคนเดิมในทันที ผมนี่แทบลุกขึ้นปรบมือเลย มันสุดๆจริงๆ
ตามความเห็นผม ตอนนี้ DC ท่าดีทีเหลวอีกตามเคย ไม่ใช่หนังไม่สนุกนะ มันสนุก แต่ผมเป็นประเภทนี่ถ้าคิดว่าจะละวางโลจิก จะนอนเซนส์ พี่ต้องบ้าให้ถึงนะ แต่นี่ไม่เลย มันไม่สุดซักทาง ครึ่งๆกลางๆไปหมด จริงจังก็ไม่ ตลกก็ไม่ มันคร่อมหลายทางมากไป
ผมว่า WBs ต้องใจเย็นกว่านี้ให้มากๆ หนังพี่ออกมามีแต่คนด่ามาหลายเรื่องแล้วนะ และจากที่ JL กับ WW ทำให้กำลังจะกลับมาเชื่อมั่น ตอนนี้ผมว่าอะไรๆก็เกิดขึ้นได้หมดละ ขนาดว่าที่หนังแห่งปี พอเอาจริงก็เหลวเป๋วเหมือนเคย
ถ้าใครอ่านถึงบรรทัดนี้บอกไว้นะ ผมโคตรพ่อโคตรแม่ DC เลย ที่ด่าเพราะรักมากนะ มันไม่แย่ขนาดนั้นหรอกจริงๆอะ แต่มันหลายทีแล้ว พลาดเรื่องเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่รู้จำจริงๆ