ผู้ตั้ง
ข้อความ
เข้าร่วม: 12 Aug 2014
ตอบ: 89
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Jul 24, 2016 9:42 pm
ดีเอสไอแกะรอยเส้นทาง “เบนซ์โบราณ” ก่อนบานปลาย โยง “สมเด็จช่วง”


กลายเป็นประเด็น เขย่าวงการสงฆ์ ขึ้นมาอีกระลอก หลังกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ออกมาแถลง เตรียม เรียก สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช มารับทราบ 2 ข้อกล่าวหา

..:: 1.“ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งสินค้าโดยรู้ว่าเป็นสินค้าที่มิได้เสียภาษีหรือเสียภาษีไม่ครบถ้วน เว้นแต่ในกรณีที่ผู้ประกอบอุตสาหกรรมมีไว้ในโรงอุตสาหกรรมหรือในคลังสินค้าทัณฑ์บน” ตาม พ.ร.บ.สรรพสามิต พ.ศ. 2527 มาตรา 161 (1) ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83

..:: 2. “ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย,ร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชน หรือ เอกสารราชการซึ่งมีวัตถุประสงค์สาหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137 , 267 ประกอบมาตรา 83

..:: หลังจากปรากฎชื่อ สมเด็จช่วง ครอบครอง รถยนต์โบราณ ยี่ห้อเมอร์เซเดสเบนซ์ ทะเบียน ขม 99

..:: หลายคนสงสัย ที่มาที่ไปของยนต์ คันดังกล่าวว่าเริ่มต้น จากจุดใด ใครเกี่ยวข้อง ใครต้นเรื่อง ไปอยู่ในการครอบครอง ของสมเด็จช่วง ได้อย่างไร??

..:: จากการตรวจสอบ แผนผังเส้นทางการนำรถยนต์คันดังกล่าว พร้อมทั้งความเชื่อมโยงของบุคคล ตัวละครที่เข้ามาเกี่ยวข้อง กับดดีดังกล่าว ที่ดีเอสไอได้สรุปย่อ แผนผังในการแถลงข่าว ค่อยข้างละเอียดและน่าสนใจ

..:: จุดเริ่มต้น รถเบนซ์คันดังกล่าว ….เมื่อช่วงประมาณต้นปี 2553 นายเกษมศักดิ์ ภวังคนันท์ นำรยนต์ Mercedes Benz W186 รุ่น 300b Cabriolet ซึ่งปรากฎ เลขตัวรถ 186.014.00420/53 สีขาวเลขเครื่องยนต์ 186.920.45005/52จานวน 6 สูบ 2996 cc มาฝากไว้ที่อู่วิชาญ วินเทจ การาจ แต่สภาพบางส่วนไม่ค่อยสมบูรณ์ ทั้งโครงสร้างและเอกสาร


Mercedes Benz W186 รุ่น 300b Cabriolet เลขตัวรถ 186.014.00420/53 สีขาวเลขเครื่องยนต์ 186.920.45005/52 จำนวน 6 สูบ 2996 cc

..:: ต่อมาช่วง กลางปี 2553 พระมหาศาสนมุนี (ธนกิจ ศรีอุ่นเรือน ) หรือหลวงพี่แป๊ะ ต้องการซื้อรถยนต์ Mercedes Benz W186 รุ่น 300b รถยนต์รุ่นเดียวกันกับที่สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เคยใช้งาน และอยากจะซื้อรถยนต์รุ่นนี้เพื่อถวายให้กับสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ซึ่งได้ติดต่อกับอู่นายวิชาญ และพบว่าที่อู่ของนายวิชาญ มีรถลักษณะใกล้เคียงกับรถที่ต้องการซื้อ แต่ติดปัญหาที่ว่า รถยนต์คันดังกล่าวไม่คอยสมบูรณ์ และสามารถ ขอจดทะเบียนได้ ตามกฎหมาย เพราะไม่มีเอกสารที่มาที่ไปของรถยนต์คันดังกล่าว แต่มีการแนะนำ ว่าสามารถ ดำเนินการได้ โดยผ่านกระบวนการ บางอย่าง ซึ่งทางผู้นำเข้า จะเป็นดำเนินการเอง

..:: จากนั้น ในช่วงปลายปี 2553 มีการตกลงซื้อรถยนต์ เป็นจดประกอบ 1 คัน เป็นรถยนต์ Mercedes-Benzes รุ่น 300 ราคา 2,500,000.00 บาท โดยจะมี หจก.อ๊อด 89 เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) หรือ นายเกษมศักดิ์ ภวังคนันท์ หจก.อ๊อด 89 เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) ดำเนินการ

..:: เมื่อมีการนำเข้าตามที่แจ้งก็ต้องมีการประกอบ ดังนั้น ขั้นตอนการประกอบ พระมหาศาสนมุนี ได้ว่าจ้างให้ อู่วิชาญ วินเทจ การาจ เป็นผู้ประกอบรถยนต์ราคา 1,500,000.00 และจ่ายเงิน ค่าจ้างในการประกอบรถยนต์ โดยแบ่งชำระเป็น 4 งวด ครั้งที่ 1วันที่ 14/12/2553 จำนวน 1,000,000.00 ครั้งที่ 2 วันที่ 20/12/2553 จำนวน500,000.00 ครั้งที่ 3 วันที่ 3/05/2554 จำนวน 500,000.00 ครั้งที่ 4 วันที่ 17/08/2554 จำนวน 2,000,000.00 บาท

..:: ดังนั้น จึงมีการนำเข้ารถยนต์ รุ่นใกล้เคียงกัน เข้ามาในช่วงปลายปี 2553 มีนายเกษมศักดิ์ ภวังคนันท์ เป็นผู้นำเข้า โดยเป็น รถยนต์ Mercedes Benz 300B Cabriolet เลขตัวรถ 186.011.5500202 สีแดงเลือดหมู จากประเทศสหรัฐอเมริกา U.S. Principal Party in Interest (USPPI) ทั้งนี้ โดยเอกสารระบุว่า แยก การระหว่างตัวเครื่องกับ โครงสร้าง ขนใส่เรือคนละลำมาจาประเทศสหรัฐอมริกา แยกเป็น โครงตัวถัง มีเลขตัวรถ 186.014.00420/53 และเลขเครื่องยนต์ 186.920.45005/52

..:: แต่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ได้สอบปากคำเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องของท่าเรือ แล้ว ไม่พบเครื่องยนต์ ตามที่แจ้ง ปรากฎแต่เอกสาร

..:: ดังนั้นสันนิษฐาน ว่า การนำเข้ารถยนต์คันดังกล่าว เพื่อต้องการนำ นำอุปกรณ์ส่วนควบต่ำงๆ ของรถยนต์คันดังกล่าว มาใช้กับ รถยนต์ Mercedes Benz W186 รุ่น 300b Cabriolet สีขาว ซึ่งเป็นรถยนต์ ที่อยู่ในประเทศไทย อยู่แล้ว และ ต้องการเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการนาเข้าตัวรถและเครื่องยนต์มาใช้จดประกอบรถยนต์ คันดังกล่าว

..:: โดยใช้เลขตัวรถยนต์คันนี้ที่มีอยู่แล้วสวมทับรถยนต์ Mercedes-Benzes รุ่น 300 เลขตัวรถ 186.011.5500202 * สีแดงเลือดหมู เพื่อนำไปออกใบขนสินค้าการนำเข้า ให้สมบูรณ์

..:: เมื่อนำเข้าแล้วประกอบเรียบร้อย ก็ส่งมอบรถยนต์ พร้อมติดตั้งแก๊สที่ร้านแถวสะพานพระนั่งเกล้าฯ ให้แก่นายเกษมศักดิ์ ภวังคนันท์ จากนั้นนายเกษมศักดิ์ ภวังคนันท์ เป็นผู้ดำเนินการขั้นตอนในการจดทะเบียน


รถยนต์ Mercedes Benz W186 รุ่น 300b Cabriolet นำเข้ำ เลขตัวรถ 186.011.5500202 *สีแดงเลือดหมู

..:: โดย นายชลัช นิติฐิติวงษ์ เป็นผู้ดำเนินการจัดทำ เอกสารประกอบขั้นตอนการชำระภาษีสรรพสามิตการตรวจสอบและรับรองความมั่นคงแข็งแรงของรถยนต์ การติดตั้งและตรวจสภาพความปลอดภัยในการติดตั้งแก็ส และจดทะเบียนรถยนต์ ขั้นตอนดังกล่าวเริ่มมีกลุ่มตัวละครเพิ่มขึ้น โดยมีบริษัทเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้ง หจก.ซี.ที.ออโต้พาร์ท บจ.คาร์โก้ คาร์3011740392 มีชื่อ นาย ว..เป็นผู้ซื้อโครงและตัวเครื่อง เพื่อยืนยันว่เป็นการแยกชิ้นส่วน และขายต่อให้ นางกาญจนา มากเหมือน ในฐานผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ไปขำระภาษีสรรพสามิต

..:: เมื่อจ่ายภาษีสรรพาสามมิต แล้วก็ถึงขั้นตอนการขดจดทะเบียนรถ กับกรมการขนส่ง โดย นางกาญจนา มากเหมือน และ สมเด็จพระมหารัชมังคลจารย์ (ช่วง สุดประเสริฐ) มอบอำนาจให้ นายสมนึก บุญประไพ ยื่นเรื่องราวขอจดทะเบียนรถแทน เมื่อ วันที่ 19 ส.ค.2554 ต่อมา วันที่ 26 สิงหาคม 2554 ได้เลขทะเบียน กรุงเทพมหานคร ขม 99 จากนั้นปรากฎหลังฐาน จากกรมการขนส่ง ว่านางกาญจนา มากเหมือน โอน รถยนต์คันดังกล่าว ให้สมเด็จพระมหารัชมังคลจารย์ (ช่วง สุดประเสริฐ) เป็นผ้ครอบครอง

..:: และแจ้งต่อนายทะเบียนว่าผู้โอน(นางกาญจนา) รถคันทะเบียน จดใหม่ จังหวัด กทม. ชนิดรถ Mercedes Benz เลขตัวรถ 18601400420/53 ชนิดเครื่องยนต์ Benzเลขเครื่องยนต์ 18692045000552 ให้แก่ผู้โอนแล้วโดยซื้อขายในราคา 1,000,000 บาท (หนึ่งล้านบาทถ้วน) ..และกลายเป็นที่มาของคดีรถเบนซ์ โบราณ สมเด็จช่วง ในวลาต่อมา

..:: หลังจากนี้ คงต้องคอยดูกันต่อไป ว่า แต่ละฝ่ายจะชี้แจง พิสูจน์ ข้อเท็จจริง กันอย่างไร โปรดติดตาม …



---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------








ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก มติชน



ติดตามข้อมูลข่าวสารที่น่าสนใจ (ย้อนหลัง) ได้ที่ Germanicas
เข้าร่วม: 01 Oct 2010
ตอบ: 2272
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Jul 24, 2016 9:48 pm
[RE: ดีเอสไอแกะรอยเส้นทาง “เบนซ์โบราณ” ก่อนบานปลาย โยง “สมเด็จช่วง”]
การทำแบบนี้มีเยอะกับรถจดประกอบ

0
0
เข้าร่วม: 06 Apr 2014
ตอบ: 5812
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Jul 24, 2016 10:21 pm
[RE: ดีเอสไอแกะรอยเส้นทาง “เบนซ์โบราณ” ก่อนบานปลาย โยง “สมเด็จช่วง”]
รถตู้ น่าจะดีกว่านะท่าน ไปได้หลายรูป ลดเบาะ ใส่รถเข็นได้อีก

เสียตรงที่ " ไม่เท่ "

ถ้าผิดจริงและเขาไม่เอาถึงตาย ก็ยอมรับเถอะท่าน ยิ่งยื้อ ยิ่งรู้สึกไม่ดี
0
0
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 942
ที่อยู่: ที่ทำงาน
โพสเมื่อ: Sun Jul 24, 2016 11:08 pm
[RE: ดีเอสไอแกะรอยเส้นทาง “เบนซ์โบราณ” ก่อนบานปลาย โยง “สมเด็จช่วง”]
ปีนี้เป็นปีทองของวงการสงฆ์กับวงการตำรวจจริงๆ................
0
0
เข้าร่วม: 18 May 2011
ตอบ: 1164
ที่อยู่: soccersuck
โพสเมื่อ: Sun Jul 24, 2016 11:40 pm
[RE: ดีเอสไอแกะรอยเส้นทาง “เบนซ์โบราณ” ก่อนบานปลาย โยง “สมเด็จช่วง”]
Operator พิมพ์ว่า:
ปีนี้เป็นปีทองของวงการสงฆ์กับวงการตำรวจจริงๆ................  


ทอง นี้หมายถึงขี้ ใช่ปะ
0
0
เข้าร่วม: 15 Oct 2009
ตอบ: 29123
ที่อยู่: Juventus Stadium
โพสเมื่อ: Sun Jul 24, 2016 11:48 pm
[RE: ดีเอสไอแกะรอยเส้นทาง “เบนซ์โบราณ” ก่อนบานปลาย โยง “สมเด็จช่วง”]
สาวไส้มาให้หมดเลย

ชอบๆ


วิชชาธรรมกงมกาย ก็มาจากวัดนี้นี่
0
0
เข้าร่วม: 19 May 2011
ตอบ: 9510
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Jul 25, 2016 12:22 am
[RE]ดีเอสไอแกะรอยเส้นทาง “เบนซ์โบราณ” ก่อนบานปลาย โยง “สมเด็จช่วง”
เด็กกะโหลก พิมพ์ว่า:
รถตู้ น่าจะดีกว่านะท่าน ไปได้หลายรูป ลดเบาะ ใส่รถเข็นได้อีก

เสียตรงที่ " ไม่เท่ "

ถ้าผิดจริงและเขาไม่เอาถึงตาย ก็ยอมรับเถอะท่าน ยิ่งยื้อ ยิ่งรู้สึกไม่ดี  


ไม่ได้ใช้นั่ง เอามาตั้งโชว์ในพิพิธภัณฑ์ ในวัดนั่นล่ะ
0
0

เข้าร่วม: 16 Sep 2010
ตอบ: 567
ที่อยู่: หอพัก
โพสเมื่อ: Mon Jul 25, 2016 8:07 am
ดีเอสไอแกะรอยเส้นทาง “เบนซ์โบราณ” ก่อนบานปลาย โยง “สมเด็จช่วง”
โกงทั้งแผ่นดิน


0
0
เข้าร่วม: 22 Sep 2006
ตอบ: 62
ที่อยู่: Home, sweet home..
โพสเมื่อ: Mon Jul 25, 2016 10:21 am
[RE]ดีเอสไอแกะรอยเส้นทาง “เบนซ์โบราณ” ก่อนบานปลาย โยง “สมเด็จช่วง”
รบกวนสอบถามหน่อยครับ กรณีรถของ บอย ปกรณ์ กับกรณีนี้ต่างกันมั้ยครับ ขอบคุณครับ
0
0
Rock Dude!!!
เข้าร่วม: 03 Feb 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่: กทม.
โพสเมื่อ: Mon Jul 25, 2016 11:41 am
[RE: ดีเอสไอแกะรอยเส้นทาง “เบนซ์โบราณ” ก่อนบานปลาย โยง “สมเด็จช่วง”]
เป็นพระ แต่ลุ่มหลงในวัตถุ

ต่อให้เอามาตั้งโชว์ในพิพิธภัณฑ์ก็ไม่เห็นว่ามันจะมีประโยชน์ต่อศาสนาพุทธตรงไหน
0
0
เข้าร่วม: 14 Feb 2010
ตอบ: 4089
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Jul 25, 2016 12:23 pm
[RE: ดีเอสไอแกะรอยเส้นทาง “เบนซ์โบราณ” ก่อนบานปลาย โยง “สมเด็จช่วง”]
คือมองได้ 2 แง่

1.สมเด็จผิดจริง สืบไปยังไงก็รู้ๆกันอยู่

2. แต่ผมเห็นว่า ดีเอสไอเอาเวลาไปสืบคอร์รัปชั่นขนาดใหญ่ๆดีกว่าไหม ทำอันนี้หมดเงินไปคงหลายร้อยล้านบาท เพื่อจับผิดคนละพวกคนละฝั่งกันเท่านั้นเอง

สมเด็จช่วงจะเป็นสังฆราชองค์ต่อไป ผมว่าก็ปล่อยไปเถอะยื้อให้วงการสงฆ์แตกแยก ส่วนจะเป็นสังฆราชที่ไม่สง่างามเป็นอีกเรื่อง ซึ่งความเคารพ ศรัทธาผมมีต่อองค์ก่อน สมเด็จพระญาณสังวร มันเทียบกันไม่ได้อยู่แล้ว

ผลของมันทุกคนก็รู้กันอยู่ว่าจ้องดิสเครดิต ตีวัวกระทบคราด ไม่ให้มีคนคอยคุ้มกะลาหัวเจ้าสำนักจานบิน ก็แค่นั้นเอง ไม่ได้ต้องการให้วงการพุทธดีขึ้นมาจริงๆหรอก

3. ดีเอสไอ ถ้าเสียเวลามาแถลงผลงานพวกนี้ ควรยุบหน่วยงานนี้ทิ้งไปซะเถอะ เปลืองเงินปีละหลายพันล้าน(น่าจะ) แต่เสือกมาเป็นขี้ข้าให้กับเจ้านายในแต่ละยุคแต่ละสมัย แทนที่จะทำงานเพื่อประเทศชาติแบบจริงๆ สืบสวนคดีเก่าๆกับเจ้านายเก่าๆ คดีใหม่ๆกลิ่นตุๆจากเจ้านายคนใหม่สิวะ อย่างนี้คนคงยกย่องกันทั่วสารทิศ ตายไปก็เป็นวีรบุรุษ

นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตย์ทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา

0
0
evertonian