ผู้ตั้ง
ข้อความ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 7846
ที่อยู่: กทม
โพสเมื่อ: Thu Jan 21, 2016 12:58 am
คดีสุดสะเทือนขวัญในมาเลย์ !?
คดีสุดสะเทือนขวัญในมาเลย์! ฆาตกรเหี้ยมฆ่าข่มขืนหญิงสาว ก่อนเผาทำลายศพสุดอำมหิต

หนึ่งในคดีฆาตกรรมที่สร้างความสะเทือนขวัญแก่ชาวมาเลเซียมากที่สุด น่าจะหนีไม่พ้นคดีฆาตกรรม แคนนี่ ออง เล เคียน
ที่ถูกฆาตกรใจเหี้ยมอย่างนาย อาหมัด นาจิบ บิน อาริส ลักพาตัวไปข่มขืน และใช้มีดแทงจนเสียชีวิตก่อนจะทำลายศพด้วยการราดน้ำมันและจุดไฟเผา



ปี 2003 แคนนี่ ออง หญิงชาวมาเลเซียที่ทำงานและอาศัยที่ประเทศสหรัฐฯกับ แบรนด้อน ออง สามีชาวจีนสัญชาติอเมริกัน
กลับมาบ้านเกิดมาดูแลพ่อที่ป่วยเป็นมะเร็ง จนพ่อของเธอมีอาการดีขึ้นอย่างมาก ทำให้เธอเตรียมจะกลับไปสหรัฐฯ และก่อนจะเดินทางไป เธอก็ได้ชวนเพื่อนๆและครอบครัวมาร่วมงานเลี้ยงส่งเธอจะไปอเมริกา ที่ร้านอาหารของห้างแห่งหนึ่งในกรุงกัวลาลัมเปอร์



ในวันงาน แคนนี่กับแม่มาถึงที่ห้างหลังเพื่อนๆเล็กน้อย และด้วยความรีบที่อยากจะไปหาเพื่อนๆในงานปาร์ตี้ เธอขับรถไปจอดที่ๆมืด แล้วก็คิดว่าไม่เป็นไร เมื่อไปถึงงานปาร์ตี้และสนุกกับเพื่อนๆและครอบครัวในงานเลี้ยงได้สักพัก แคนนี่เห็นว่าแม่ดูง่วงนอนแล้ว เธอจึงจะพาแม่และน้องสาวกลับบ้านไปก่อน ซึ่งขณะที่พวกเธอจะเตรียมขับรถกลับนั้น แคนนี่ก็นึกขึ้นได้ว่าลืมบัตรจอดรถไว้ในรถที่เธอขับเมื่อตอนแรก เธอจึงรีบวิ่งไปที่รถโดยที่น้องสาวและแม่ของเธอยังไม่ทันได้พูดอะไรทั้งนั้น และนั่นก็เป็นความทรงจำสุดท้ายที่ทั้งสองคนได้เห็น แคนนี่



20 นาทีผ่านไป น้องสาวของเธอก็เริ่มสงสัยว่าพี่สาวไม่น่าไปนานขนาดนั้น เธอจึงโทรหาแต่กลับติดต่อไม่ได้ ทำให้น้องสาวกับแม่เริ่มสังหรณ์ใจและตามหาแคนนี่ และสิ่งที่ไม่น่าเชื่อที่สุดก็เกิดขึ้น แคนนี่กับรถของเธอได้หายไป ทั้งคู่รีบกลับในร้านอาหารและบอกว่าแคนนี่ได้หายไป เมื่อทุกคนรู้ก็ตกใจและพยายามโทรหาเธอ แต่ก็ติดต่อไม่ได้เหมือนเดิม




แม่ของแคนนี่นึกได้ว่ามีกล้องวงจรปิดอยู่ที่ลานจอดรถ เธอจึงไปขอดูวิดีโอที่บันทึกไว้ ซึ่งวิดีโอที่เห็นนั้น รถของแคนนี่ขับออกจากที่จอดอย่างรวดเร็วถึงขนาดชนกับที่กั้นด้วย และที่สำคัญที่แคนนี่ไม่ได้เป็นคนขับ



หลังจากนั้น แม่ของเธอก็รีบไปแจ้งตำรวจทันที และตำรวจก็ตั้งทีมค้นหาหญิงสาวที่หายตัวไป ด้าน แบรนด้อน สามีของเธอที่อยู่สหรัฐฯ เมื่อรู้ข่าวก็กระวนกระวายใจอย่างหนัก ซึ่งเขาก็ทำได้แต่เพียงภาวนาให้ไม่เกิดเรื่องร้ายกับภรรยาของเขา
ผ่านไปกว่า 72 ชั่วโมง ก็ยังไม่มีเบาะแสที่จะพบตัวแคนนี่ ครอบครัวของแคนนี่จึงอาศัยสื่อเพื่อตามหา จนในที่สุดตำรวจก็ได้พบรถของแคนนี่ที่ดูจากสภาพแล้วน่าจะเกิดเรื่องร้ายกับ แคนนี่ เพราะยางหน้าของรถแตก และพบคราบเลือดที่เบาะรถ



4 วันหลังจากการหายไปของแคนนี่ คนงานก่อสร้างคนหนึ่งได้เห็นบางสิ่งอยู่ในท่อระบายน้ำใกล้กับรถของแคนนี่ที่ จอดอยู่ โดยในท่อระบายน้ำนั้นมีล้อรถยนต์สองล้อ และศพของคนที่ถูกเผาจนไหม้เกรียม และเมื่อศพถูกชันสูตรผลการตรวจฟันและดีเอ็นเอ ก็พบว่าคือศพของ แคนนี่ ออง




ทีมสืบสวนของตำรวจได้สันนิษฐานว่าฆาตกรมีความเชี่ยวชาญพอสมควร เพราะหาหลักฐานกับเบาะแสได้น้อยมาก และจนถึงตอนนี้เขาก็ยังลอยนวลอยู่ จนในที่สุดตำรวจคนหนึ่งก็ได้ให้เบาะแสแรกที่เป็นประโยชน์ที่สุด เขาเล่าว่าในคืนวันเกิดเหตุที่แคนนี่หายไปนั้น เขาเห็นรถคันหนึ่งจอดอยู่ในที่เปลี่ยวและเมื่อไปตรวจสอบ ก็พบผู้ชายกับผู้หญิงนั่งในรถ ก่อนจะขอดูบัตรประชาชนและพบว่าผู้ชายมีชื่อวว่า อาหมัด นาจิบ บิน นาริส แต่ยังไม่ได้ถามอะไรผู้ชายก็ขับรถหนีไป ซึ่งเขาก็รีบขี่มอเตอร์ไซค์ตามไปแต่ก็ไล่ไม่ทัน

20+
Spoil
 



เมื่อได้เบาะแสและบัตรประชาชน ตำรวจก็ยิ่งเชื่อว่าฆาตกรรายนี้ต้องก่อคดีมาหลายครั้งและเป็นมืออาชีพ เพราะที่อยู่ในบัตรนั้นเป็นที่อยู่ปลอม แต่พวกเขาก็ใช้วิธีตามหาคนร้ายจากชื่อ จนพบว่าเขามีอาชีพเป็นพนักงานทำความสะอาดในเครื่องบิน ก่อนที่สุดท้ายตำรวจจะสืบสวนจนพบที่อยู่จริงและตามจับกุมนายอาหมัด ได้ที่บ้านพัก



ในการสอบสวน เขายอมรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา และพูดเหตุการณ์นั้นว่าเขาเห็นแคนนี่อยู่ที่รถ เขาก็วิ่งไปผลักเธอเข้าไปในรถ และรีบขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนใช้มีดจี้ขู่ว่าจะฆ่าเธอหากคิดหนี แล้วเขาก็ขับรถไปจอดในที่เปลี่ยวและข่มขืนเธอ 2 ครั้ง และใช้มีดแทงท้องเธอ 2 ครั้งจนเลือดไหลนอง เขาลากเธอออกจากรถและทิ้งไว้ข้างถนน และในขณะทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงละหมาดจากมีสยิดที่อยู่ในบริเวณนั้น แล้วแคนนี่ก็มองหน้าอาหมัดและบอกว่า...



คุณกลับบ้านไปละหมาดเถอะ และปล่อยฉันอยู่ตรงนี้ ฉันอยากฟังเสียงสวดมนต์ แล้วอาหมัดก็จับมือแคนนี่มาวางที่หน้าอก ก่อนเดินจากไป ปล่อยให้ผู้หญิงที่เขาข่มขืนและใช้มีดแทงนั้นนอนจมกองเลือดเสียชีวิต




ผ่านไปอยู่หลายชั่วโมง อาหมัดกลับมาหาแคนนี่ที่นอนไร้วิญญาณอยู่ ซึ่งเขาได้เตรียมถังน้ำมันกับไฟแช๊กมาด้วย เขาใช้ผ้ามัดมือของของเธอและดันศพลงในท่อน้ำและราดน้ำมันก่อนจุดไฟเผา แล้วก็เดินจากไป

20+
Spoil
 


ต่อมา ในการพิพากษาในชั้นศาล ทนายความของอาหมัดร้องต่อศาลว่า ภาพจากกล้องวงจรปิดยืนยันไม่ได้ว่าใครคือคนก่อเหตุเพราะภาพเบลอมาก แม้จะซูมเข้าไปใกล้ๆก็ยังเห็นไม่ชัด แต่คำกล่าวของทนายนี้ก็ไม่มีผลพอให้อาหมัดพ้นผิด เพราะผ้าที่มัดมือแคนนี่นั้นคือผ้าชนิดเดียวกับที่บริษัททำความสะอาดที่อา หมัดทำงาน และพบคราบอสุจิในร่างของแคนนี่ด้วย



หมดคำแก้ตัวใดๆทั้งสิ้น เพราะหลักฐานที่มัดตัวขนาดนี้ ศาลจึงพิพากษาตัดสินให้ นายอาหมัด นาจิบ บิน นาริส ถูกประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ จบคดีที่สร้างความเศร้าโศกเสียใจแก่ครอบครัวของแคนนี่ และเป็นหนึ่งในคดีความสะเทือนใจให้แก่ชาวมาเลเซียมากที่สุด

.....
Spoil
mitchellsecretodeamor.blogspot/national-express-malaysia.blogspot/Wiki  
เข้าร่วม: 28 Sep 2007
ตอบ: 2524
ที่อยู่: รวมพลคนเจาะโลก
โพสเมื่อ: Thu Jan 21, 2016 1:07 am
[RE: คดีสุดสะเทือนขวัญในมาเลย์ !?]
มาแล้วพี่ป๋อง SS
0
0

Because i'm happy
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 9161
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jan 21, 2016 1:20 am
[RE: คดีสุดสะเทือนขวัญในมาเลย์ !?]
ตัดสินโทษดีมากเลย ฆ่าข่มขืนก็ต้องโดนประหาร แถมประหารด้วยการแขวนคอด้วย
0
0
เข้าร่วม: 04 Jul 2009
ตอบ: 17962
ที่อยู่: On The Top Of The World
โพสเมื่อ: Thu Jan 21, 2016 1:28 am
[RE: คดีสุดสะเทือนขวัญในมาเลย์ !?]
ทนายความจิตใจมันทำด้วยอะไรวะ ว่าความให้ผู้ต้องหาแบบ...กูจะทำให้ลูกความ

ของกูพ้นผิดให้ได้ นี่ถ้าไม่จำนนต่อหลักฐานก็คงแถ่ดๆๆๆๆๆ ไปตามข้อกฎหมายเรื่อยๆ

จนอาจเจอช่องโหว่ก็ได้ เรียนกฏหมายมาเพื่อทำมาหาแดกแบบนี้ ผมนี่ระอาใจแทนจริงๆ

ถึงว่าทำไมพวกรวยมากๆอิทธิพลเยอะๆก่อคดีแรงๆถึงหลุดรอดความผิดไปได้บ่อยๆ
0
0
เข้าร่วม: 25 Apr 2007
ตอบ: 13534
ที่อยู่: กรุงเทพฯ
โพสเมื่อ: Thu Jan 21, 2016 1:39 am
[RE: คดีสุดสะเทือนขวัญในมาเลย์ !?]
อ้างอิงจาก:
คุณกลับบ้านไปละหมาดเถอะ และปล่อยฉันอยู่ตรงนี้ ฉันอยากฟังเสียงสวดมนต์  


0
0
เข้าร่วม: 09 Dec 2007
ตอบ: 1778
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jan 21, 2016 8:04 am
[RE: คดีสุดสะเทือนขวัญในมาเลย์ !?]
แขวนคอแบบ ให้โหยโตงเตง นะ อย่าแขวนสูงๆ ให้ กระชากกระดูก คอหัก เพราะถ้า คอหัก มันตาย สบายเกิน ให้มันโหยโตงเตง ดีล่ะ ทรมาน สุด เหมาะกับ ความเลว ที่มันทำ
0
0
เข้าร่วม: 29 Apr 2010
ตอบ: 1191
ที่อยู่: อยู่ในจินตนาการอยู่ในฝํนฉันข้างใน
โพสเมื่อ: Thu Jan 21, 2016 11:53 am
[RE: คดีสุดสะเทือนขวัญในมาเลย์ !?]
Archawin5 พิมพ์ว่า:
ทนายความจิตใจมันทำด้วยอะไรวะ ว่าความให้ผู้ต้องหาแบบ...กูจะทำให้ลูกความ

ของกูพ้นผิดให้ได้ นี่ถ้าไม่จำนนต่อหลักฐานก็คงแถ่ดๆๆๆๆๆ ไปตามข้อกฎหมายเรื่อยๆ

จนอาจเจอช่องโหว่ก็ได้ เรียนกฏหมายมาเพื่อทำมาหาแดกแบบนี้ ผมนี่ระอาใจแทนจริงๆ

ถึงว่าทำไมพวกรวยมากๆอิทธิพลเยอะๆก่อคดีแรงๆถึงหลุดรอดความผิดไปได้บ่อยๆ
 


ต้องแยกด้วยนะครับระหว่างความรู้สึกส่วนตัวกับหน้าที่ความรับผิดชอบ

ทนายคนนั้นอาจจะเป็นทนายที่ทางรัฐบาลจัดหาให้ช่วยสู้คดีก็ได้นะครับ

ตามวิชาชีพและจรรยาบรรณ เค้ามีหน้าที่ช่วยลูกค้านะครับ ถ้าเค้าทำตามความรู้สึกว่า

ไอนี่เลวไม่ต้องไปช่วยมัน เค้าก็ผิดต่อจรรยาบรรณวิชาชีพอีก ผู้ต้องหาอาจจะบอกกับทนาย

ผมเองก็อยู่ในสายอาชีพที่มีจรรยาบรรณและวิชาชีพอยู่ บางครั้งลูกค้าผิดเราก็ทำอะไรมาก

ไม่ได้ เพราะมีทั้งกฏหมายปกป้องเค้าอยู่โดยเฉพาะเรื่องการรักษาความลับ
0
0
ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน
เข้าร่วม: 04 Jul 2009
ตอบ: 17962
ที่อยู่: On The Top Of The World
โพสเมื่อ: Thu Jan 21, 2016 12:44 pm
[RE: คดีสุดสะเทือนขวัญในมาเลย์ !?]
[JAMES] พิมพ์ว่า:
Archawin5 พิมพ์ว่า:
Spoil
ทนายความจิตใจมันทำด้วยอะไรวะ ว่าความให้ผู้ต้องหาแบบ...กูจะทำให้ลูกความ

ของกูพ้นผิดให้ได้ นี่ถ้าไม่จำนนต่อหลักฐานก็คงแถ่ดๆๆๆๆๆ ไปตามข้อกฎหมายเรื่อยๆ

จนอาจเจอช่องโหว่ก็ได้ เรียนกฏหมายมาเพื่อทำมาหาแดกแบบนี้ ผมนี่ระอาใจแทนจริงๆ

ถึงว่าทำไมพวกรวยมากๆอิทธิพลเยอะๆก่อคดีแรงๆถึงหลุดรอดความผิดไปได้บ่อยๆ
 
 


ต้องแยกด้วยนะครับระหว่างความรู้สึกส่วนตัวกับหน้าที่ความรับผิดชอบ

ทนายคนนั้นอาจจะเป็นทนายที่ทางรัฐบาลจัดหาให้ช่วยสู้คดีก็ได้นะครับ

ตามวิชาชีพและจรรยาบรรณ เค้ามีหน้าที่ช่วยลูกค้านะครับ ถ้าเค้าทำตามความรู้สึกว่า

ไอนี่เลวไม่ต้องไปช่วยมัน เค้าก็ผิดต่อจรรยาบรรณวิชาชีพอีก ผู้ต้องหาอาจจะบอกกับทนาย

ผมเองก็อยู่ในสายอาชีพที่มีจรรยาบรรณและวิชาชีพอยู่ บางครั้งลูกค้าผิดเราก็ทำอะไรมาก

ไม่ได้ เพราะมีทั้งกฏหมายปกป้องเค้าอยู่โดยเฉพาะเรื่องการรักษาความลับ  


ผมเข้าใจคำว่าจรรยาบรรณวิชาชีพดีนะ และเข้าใจหน้าที่ทนายความดีด้วย

แต่การเป็นทนายอาสาจัดหาโดยรัฐหรือเป็นทนายฝ่ายจำเลยว่าจ้างมาเองก็เถอะ

ต่อให้ตัดความรู้สึกส่วนตัวออกไป สิ่งที่ควรทำตามหลักนิติธรรมก็คือการทำสิ่งที่ถูกต้อง

ตามทำนองคลองธรรม ตามหลักกฎหมายนิติธรรมเพื่อรักษาความยุติธรรมตามที่เคยตั้งปณิธานไว้ไม่ใช่หรือ

ผมอ่านเนื้อข่าวมาสะดุดตรงประเด็นที่ว่าทนายพยายามชี้หลักฐานไปที่กล้องวงจรปิดว่าภาพเบลอ

ซูมไปก็ไม่ชัด เอาผิดลูกความผมไม่ได้หรอก(ทั้งทีรู้แก่ใจอาหมัดมันคือฆาตกรตัวจริงเสียงจริง)

ผมมองเจตนาตรงนี้ตะหากว่ามันไม่ถูกต้อง ผมว่าหลักการที่ถูกต้องสำหรับทนายก็คือต่อสู้เพื่อสิทธิพื้นฐาน

ของผู้ต้องหาก็พอ อาจจะผ่อนโทษหนักที่ผู้ต้องหาจะได้รับให้เบาบางลงมาบ้างก็ได้อันนั้นไม่ว่ากัน

ไม่ต้องถึงกับแสดงพฤติการณ์แบบวิ่งไปแก้บ่วงที่แขวนคอฆาตกรออกแล้วบอกลูกความผมไม่ผิดๆๆๆๆๆๆ

ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้มั้ง

คือถ้าจะบอกว่าจรรยาบรรณของวิชาชีพทนายความคือการช่วยเหลือคนทำผิดเต็มประตูแบบเต็มกำลัง

จนบางกรณีช่วยคนผิดแบบเต็มประตู ผิดแบบวัวตายความยล้ม ผิดยันเงา ผิดชาตินี้ยันชาติหน้า

ผิดแบบไม่น่าให้อภัยในคดีเป็นภัยร้ายแรงต่อสังคมมากๆให้พ้นผิดได้แบบลอยหน้าเดินออกจากศาลได้เลย

แล้วสิ่งที่เรียกว่าหลักนิติธรรมของอาชีพทนายความ...มันอยู่ที่ไหนครับ(ผิดทั้งหลักจริยธรรม ผิดหลักคุณธรรม

ผิดต่อสังคมส่วนรวม ผิดต่อญาติพี่น้องของเหยื่ออีก) ผมไม่ได้ไล่เบี้ยทนายทุกคนนะ แต่ต้องดูเป็น

กรณีไปด้วย อย่างกรณีนี้หลักฐานมัดตัวทุกอย่างแต่ทนายพยายามหักล้างด้วยหลักฐานฝั่งตนจนสุดกำลังเลย

เจตนาเหมือนการยื่นมือไปช่วยคนที่คุณก็รู้ว่าผิดแน่นอน ให้กลายเป็นคนใจซื่อมือสะอาดแบบลวงโลกให้ได้งั้นแหละ
0
0