29 November 2015 07:10 AM by ลูกกลมกลม
สเปอร์ส VS เชลซี: 5 เกมสุดคลาสสิค
ถือเป็นศึกดาร์บี้แมตช์แห่งเมืองหลวงที่น่าจับตามองระหว่าง "ไก่เดือยทอง" ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ส ที่กำลังฟอร์มร้อนแรงยังไม่แพ้ใครตลอด 12 เกมในพรีเมียร์ลีกเปิดบ้านรอรับ "สิงห์บลูส์" เชลซี แชมป์เก่าซึ่งถูกมองว่ากำลังอยู่ในช่วงขาลง

เราขอถือโอกาสนี้ย้อนรำลึกความหลัง 5 เกมสุดคลาสสิคที่มีทั้งดราม่าเคล้าน้ำตา,ความตื่นเต้นเร้าใจ,ความมหัศจรรย์รวมไปถึงการแจ้งเกิดของซุป'ตาร์ดาวดวงใหม่ดังต่อไปนี้

สเปอร์ส 1-6 เชลซี(6 ธันวาคม 1997)

เหตุการณ์เกิดขึ้น 18 ปีที่แล้ว เกมครึ่งแรกทั้งสองทีมต่างฝ่ายต่างมีโอกาสพอๆกันกระทั่งท้ายเกมก่อนหมดครึ่งแรก 5 นาที จานฟรังโก้ โซล่า ทำทางสุดสวยให้ ทอเร่ อังเดร โฟล ดาวยิงร่างโย่งปลดล็อคให้ "สิงห์บลูส์" ขึ้นนำ ทว่านาทีสุดท้าย รามอน เวก้า กองหลังขึ้นมาโหม่งที่เสาสองตามตีเสมอ 1-1 ในครึ่งแรก

ครึ่งหลังกลายเป็นมหกรรมยำใหญ่ เชลซี ดาหน้าถล่มเริ่มจาก โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ ยิงเข้าไปแบบฟลุ้คๆ ต่อด้วย แดน เปเตรสคู จากนั้น โซล่า ชิพข้ามแนวรับให้ โฟล เบิ้ลเม็ดสอง ตามติด มาร์ค นิโคลส์ และ โซล่า จ่ายแอสซิสต์ที่สามวางบอลทะลุถึง โฟล ซัดแฮททริคถล่มยับครึ่งโหล 6-1


สเปอร์ส 2-1 เชลซี(5 พฤศจิกายน 2006)

เมื่อเกือบ 10 ปีแล้ว "สิงห์บลูส์" ในยุคของ มูรินโญ่ กุนซือสเปเชี่ยล วันกุมบังเหียนสมัยแรกได้สร้างมาตรฐาน "สิงห์บลูส์" ก้าวขึ้นเป็นทีมอันดับ 1 ของประเทศคว้าแชมป์พรีเมียร์ 2 สมัยติดและหวังป้องกันแชมป์สมัยที่ 3 ต้องบุกมาเยือน "ไก่เดือยทอง" ของบอสใหญ่ มาร์ติน โยล

โคล้ด มาเกเลเล่ วอลเล่ย์ให้ เชลซี ออกนำเร็ว 1-0 ภายใน 15 นาทีแรกหลังแนวรับสเปอร์สเคลียร์ลูกเตะมุมไม่ขาดเข้าทางปืน มาเกเลเล่ สังหารไม่เหลือ ทว่าอีก 10 นาทีถัดมา ไมเคิล ดอว์สัน ซัดให้เจ้าถิ่นตามตีเสมอก่อนที่ ร็อบบี้ คีน พลิกหนี คาลิด บูลาห์รูซ จากนั้นผ่านให้ อาร่อน เลนน่อน โผล่จากไหนไม่ทราบจากเสาสองชาร์จให้ "ไก่เดือยทอง" พลิกแซงเฮ 2-1



สเปอร์ส 4-4 เชลซี(20 มีนาคม 2008)

อีก 18 เดือนต่อมา "ไก่เดือยทอง" ฟอร์มกำลังหุงขึ้นหม้อหลังจากโค่นล้ม เชลซี ผงาดคว้าแชมป์ลีก คัพมาครอง ฆวนเด้ รามอส เอลบอสในครั้งนั้นนำความเชื่อมั่นและความฮึกเหิมมาสู่ถิ่นไวท์ ฮาร์ท เลน เล่นในบ้านไม่กลัวใครรอรับ "สิงห์บลูส์" ที่กำลังระส่ำภายหลัง มูรินโญ่ ขอลาออกต้องให้ อัฟราม แกรนท์ คุมขัดตาทัพ

เชลซีหวังจะล้างแค้นจากที่แพ้เมื่อเดือนที่แล้ว ดิดิเยร์ ดร็อกบา โขกออกนำตั้งแต่ 3 นาทีแรก ทว่า โจนาธาน วู้ดเกท โหม่งตีเสมอแต่ มิกาเอล เอสเซียง ยิงนำอีกครั้งตามด้วย โจ โคล ซัดแฉลบทิ้งห่าง 3-1 ในนาที 50 แต่อีก 10 นาทีต่อมา ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ โขกไล่จี้ 2-3 ตามด้วย ทอม ฮัดเดิลสโตน ตีเจ๊า 3-3

แต่ไม่กี่วินาทีถัดมา โจ โคล หลุดเข้าไปดวลตัวต่อตัวกับนายทวาร โรบินสัน ก่อนใจนิ่งซัดหนี 4-3 เกททำท่าจะจบลงด้วยชัยชนะของ "สิงห์บลูส์" แต่ทว่าเกิดดราม่าท้ายเกมเหลือ 2 นาที ร็อบบี้ คีน ซัด 25 หลาเสียบตาข่ายให้ "ไก่เดือยทอง" โกงความตายเสมอ 4-4 แบบดราม่าสุดๆและเกมดังกล่าวได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งในสกอร์ที่เร้าใจสุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกเลยทีเดียว


สเปอร์ส 2-1 เชลซี(17 เมษายน 2010)

"สิงห์บลูส์" ยุคของ คาร์โล อันเชล็อตติ ถูกยกขึ้นเป็นเต็งจ๋ากลับมาคว้าแชมป์และใครๆต่างก็มองว่าพวกเขาเป็นต่อเหนือเจ้าถิ่น สเปอร์ส ภายใต้บังเหียน แฮร์รี่ เรดแนปป์ กุนซือจ่าเฉยมีเป้าหมายและความทะเยอทะยานอันสูงส่งต้องการกำจัดพลังอำนาจบิ๊กโฟร์ ณ ตอนนั้นอันประกอบไปด้วย เชลซี,แมนฯยูไนเต็ด,อาร์เซนอล และ ลิเวอร์พูล เบียดติดท็อป 4 ให้ได้

แม้เป็นบอลรองทว่า "ไก่เดือยทอง" กลับเล่นดีเกินคาดออกนำเร็วตั้งแต่ 15 นาทีแรกโดย เจอร์เมน เดโฟ สังหารจุดโทษจากจังหวะ จอห์น เทอร์รี่ ทำแฮนด์บอล จนมาถึงการแจ้งเกิดซูเปอร์สตาร์ดาวดวงใหม่ชื่อว่า แกเร็ธ เบล จากแบ็คซ้ายดาดๆเปลี่ยนบทบาทเล่นปีกซ้ายกลายเป็นเทพโชว์ทักษะมหัศจรรย์กระชากจากริมเส้นเลี้ยงตัดเข้าในก่อนยิงด้วยเท้าขวาเสียบมุมล่างตาข่ายทิ้งห่าง 2-0

ด้วยความเร็วปาดจรวดของ เบล ปั่นป่วนแนวรับ "สิงห์บลูส์" ป่วนจนหยุดไม่อยู่ เทอร์รี่ ต้องตัดฟาวล์เบรกปีกพญาวานรสุดท้ายโดนใบเหลืองใบที่สองกลายเป็นใบแดงไล่ออกก่อนที่ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ยิงตีไข่แตกปลอบใจ จากชัยชนะนัดนี้ส่งผล "ไก่เดือยทอง" สร้างประวัติศาสตร์ติดท็อปโฟร์ไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ส่วน เชลซี ไม่น้อยหน้าคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครอง
คลิกชมไฮไลท์

สเปอร์ส 5-3 เชลซี(1 มกราคม 2015)

เป็นเกมล่าสุดที่ทั้งคู่พบกันเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา "สิงห์บลูส์" ภายใต้แกนนำ มูรินโญ่ ในช่วง ณ เวลานั้นกำลังขับเคี่ยวแย่งแชมป์กับ แมนฯซิตี้ ชนิดเบียดไหล่ต่อไหล่แถมอยู่ในฟอร์มที่ดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่เคยปราชัยต่อ "ไก่เดือยทอง" ถึง 9 นัดติดต่อกันและน่าจะยืดสถิติดังกล่าวออกไปเมื่อ ดิเอโก้ คอสต้า ตามซ้ำลูกยิงชนเสาของ เอแด็ง อาซาร์ ออกนำเร็วในนาทีที่ 18

อย่างไรก็ตาม สเปอร์ส ในวันนั้นซึ่งเคยเสียศูนย์นับตั้งแต่ แกเร็ธ เบล เดินจากไปได้ค้นพบเครื่องจักรถล่มตาข่ายรายใหม่นามว่า แฮร์รี่ เคน แผลงฤทธิ์ตามตีเสมอภายในครึ่งชั่วโมงแรกจากความสามารถอันยอดเยี่ยมกระชากจากทางซ้ายก่อนกดด้วยเท้าขวา 20 หลาเสียบโคนเสาสุดสวย

ก่อนที่สกอร์จะไหลเป็นทางฝั่งเจ้าบ้านอีก 3 ประตูรวดจาก แดนนี่ โรส, แอนดรอส ทาวน์เซนด์ และ เคน เบิ้ลเม็ดสองทิ้งห่าง "สิงห์บลูส์" ไม่น่าเชื่อ 4-1 ก่อนลงเอยด้วยชัยชนะท่วมท้น 5-3

เข้าร่วม: 10 Nov 2008
ตอบ: 4733
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Nov 29, 2015 11:05 am
[RE: สเปอร์ส VS เชลซี: 5 เกมสุดคลาสสิค]
กดสกอร์สูงไว้เลย
0
0
Legend26


เข้าร่วม: 03 Nov 2014
ตอบ: 461
ที่อยู่: จะอยู่ตรงนี้ถ้าเธอต้องการ
โพสเมื่อ: Sun Nov 29, 2015 12:33 pm
[RE]สเปอร์ส VS เชลซี: 5 เกมสุดคลาสสิค
คู่จิ้นโฟล-โซล่า คิดถึงจุง
0
0
เข้าร่วม: 29 Jan 2011
ตอบ: 1271
ที่อยู่: คลังแสง
โพสเมื่อ: Sun Nov 29, 2015 12:47 pm
[RE: สเปอร์ส VS เชลซี: 5 เกมสุดคลาสสิค]
จัดไป 0-0
0
0
~ Kǒngmíng-Soccer ~