เป็นการแนะนำซีรีย์ที่ยาวพอสมควร แต่เห็นว่ามีเหตุผลโน้มน้าวในการแนะนำให้ดูซีรีย์นี้อย่างน่าสนใจดี แล้วอีกอย่างคือเป็นซีรีย์ที่เหมาะกับคนในยุคปัจจุบันมาก เพราะการแฮ็คและข้อมูลทางเทคโนโลยีเริ่มมีความสำคัญขึ้นเรื่อยๆ อย่างไทยก็ Single Gateway อเมริกาก็ CISA เลยคิดว่าเป็นซีรีย์ที่ทุกคนควรดู ไม่ว่าจะเป็นทั้งในไทยหรือต่างประเทศ

เจ้าของมู้แปลจาก The Guardian (UK) และยังเหลือ 2 ย่อหน้าใหญ่ๆ ใครสนใจตามอ่านต่อได้ตามลิ้งค์ท้ายบทความเลย

Mr Robot: 'Edward Snowden เป็นแฟนตัวยงของเราเลยล่ะ'



Elliot Alderson ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีเป็นผู้ดำเนินเรื่องแห่ง Mr Robot ซีรีย์โทรทัศน์แนวธริลเลอร์ เขาแฮ็คทุกอย่าง อะไรก็ได้ทั้งนั้น คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน หรือกระทั่งจิตแพทย์ส่วนตัวของเขาเอง "แฮ็คเธอน่ะง่ายจะตายไป" เขาโอ่ในตอนแรกของซีรีย์ และเดาพาสเวิร์ดของเธอได้ถูกเผง นั่นคือ Dylan_2791 ศิลปินคนโปรด และปีเกิดของเธอแบบกลับหลัง ภายในไม่กี่นาที เอลเลียตเจาะเข้าอีเมล์เธอไปได้ ดูประวัติการเดทผ่าน eHarmony และรู้ชื่อของแฟนหนุ่มคนปัจจุบันของเธอ "เดี๋ยวผมก็แฮ็คเขาได้เร็วๆ นี้แหละ ผมทำได้ตลอด" เขาพูดด้วยท่าที่เย็นชา ไม่มีใครหน้าไหนกล้าสงสัยเขาทั้งนั้น

ถ้า Rami Malik นักแสดงเลือดอียิปต์-อเมริกันผู้รับบทเอลเลียตนี้ยังทำให้คุณเชื่อในความสามารถเขาไม่ได้อย่างสนิทใจจริงๆ เขาก็สามารถเพิ่มจุดเล็กๆ น้อยๆ ให้สมจริงขึ้นไปได้ "วันก่อนตอนอยู่ในรถ เพื่อนคนนึงก็อยากเปิดเพลงจากมือถือ เขาขับรถอยู่เลยให้รหัสผ่านหมายเลข 4 ตัวมากับผม ผมดูแล้วก็พูดไปว่า 'ฮ่า ตัวเลข 4 ตัว คงไม่ใช่หมายเลขพินบนบัตร ATM นายหรอกใช่ไหม?'" เขาหัวเราะแล้วก็หยุดไปสักพัก "คนเราน่ะไม่รู้ตัวหรอกว่าตัวเองเปราะบางขนาดไหน"

เปราะบางเป็นคำที่ถูกต้องเลยทีเดียว ในสังคมที่รายละเอียดทุกส่วนของชีวิตมนุษย์ถูกจัดประเภทและแชร์ในโลกออนไลน์นั้น ข้อมูลของเรากลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใครๆ ก็อยากจะได้มาครอง รัฐบาลเพ่งเล็งประวัติการโทรศัพท์ของเราและข้อความทั้งหลายใน WhatsApp, บริษัทต่างๆ จะขายข้อมูลเรื่องงานอดิเรกความสนใจและข้อมูลสุขภาพของเราให้กับใครก็ตามที่ประมูลได้สูงสุดไป, และที่ใดที่หนึ่ง ในมุมมืดของโลกอินเทอร์เน็ต กระบวนการต้มตุ๋นออนไลน์ สแปมเมอร์สทั้งหลาย และเหล่าผู้ร้ายกำลังรอให้เราเข้าไปหาอยู่ พวกเขาพร้อมเสมอที่จะขโมยข้อมูลบัตรเครดิตของเราไป และปล่อยความลับที่เราซ่อนไว้สู่เว็บไซต์ที่ใหญ่กว่า



ถึงตอนนี้ ท้ายที่สุดแล้ว ซีรีย์นี้ก็เหมือนถือกระจกเงา หรืออย่างน้อยก็หน้าจอโทรศัพท์ร้าวๆ ให้เราดู เกี่ยวกับสังคมที่มีแต่ความสัมพันธ์แสนยุ่งยาก เนื้อเรื่องดำเนินในมหานคร New York ที่บรรยากาศแสนชวนให้คนประสาท Mr Robot บอกเล่าเรื่องราวของเอลเลียต ผู้เชี่ยวชาญด้านการเข้ารหัสซึ่งมาพร้อมกับความผิดปกติในการเข้าสังคมและนิสัยเสพติดมอร์ฟีน ขณะที่ต้องรักษาสมดุลการใช้ชีวิตสองด้านที่ต่างกันสุดขั้ว ในตอนกลางวัน เอลเลียตทำงานให้กับบริษัทความปลอดภัยทางด้านไซเบอร์ ส่วนตอนกลางคืน เขาทำหน้าที่เป็นศาลเตี้ยในห้องนอนของตัวเอง พุ่งเป้าไปที่จุดเลวร้ายที่สุดของสังคมซึ่งเขามองว่าเน่าหนอนจากข้างใน อย่างนักค้ายา หรือพวกนอกใจสามีภรรยาแบบไม่รู้จักจำ

ต่อจากนั้นไม่นาน ความพยายามที่แสนจะเป็นพระเอกของเอลเลียตก็ไปเตะตา 1% ที่เป็นชายชุดดำซึ่งดูเหมือนจะตามเขาได้ตลอดเวลา และอีก 99% ที่เหลือขององค์กรลับซึ่งเรียกตัวเองว่า "fsociety" ที่มีความต้องการให้เขาร่วมกลุ่ม ผู้นำกลุ่มคือชายท่าทางซกมก แต่สามารถทำหน้าที่กล่าวสุนทรพจน์ได้ตลอดเวลา Mr Robot รับบทโดยชายอารมณ์ดีเจ้าบทบาท Christian Slater เป้าหมายของกลุ่มนั้นทะเยอทะยานกว่าเป้าหมายของเอลเลียตเล็กน้อยหน่อย fsociety มีความตั้งใจจะปลดล้างหนี้ให้กับลูกค้าทุกคนโดยการโจมตีเซิร์ฟเวอร์ของ E Corp บริษัทปิศาจข้ามชาติซึ่งเอลเลียตกล่าวหาว่าเป็นต้นเหตุให้พ่อของเขาเสียชีวิตจากลิวคิเมีย พวกเขาต้องการทำลายบริษัทแห่งทุนนิยมนี้ให้สิ้นซาก

ในยุคสมัยที่ iPhone และเครื่องมือสื่อสารของคนทั้งหลายถูกแทรกสอดเข้าไปในเนื้อเรื่องในฐานะของ "Product Integration" (กลยุทธ์การโฆษณาที่นำสินค้าของแบรนด์ต่างๆ มาวางไว้ให้เห็นได้ชัดเจน) การได้เห็นสื่อที่ระแวงถึงวัฒนธรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันถือเป็นอะไรที่แปลกใหม่ เมื่อใดก็ตามที่ผลิตภัณฑ์หรือบุคคลดังใดๆ ถูกกล่าวชื่อใน Mr Robot แล้ว ส่วนใหญ่ชื่อนั้นจะตามมาด้วยกระแสในแง่ลบ หนึ่งในฉากที่ทำให้คนดูต้องอ้าปากค้างคือตอนที่เอลเลียตตั้งคำถามว่าทำไมเราถึงยกย่อง Steve Jobs ในเมื่อ "เรารู้ดีว่าเงินพันล้านที่เขาได้มาจากเด็กน้อยทั้งนั้น" ในตอนแรกของซีรีย์ คำพูดเจ็บๆ ดังกล่าวนั้นทำให้ Matt Weiner ผู้สร้างซีรีย์ Mad Men ถึงกับต้องให้คำจำกัดความของ Mr Robot ว่าเป็นซีรีย์ร่วมสมัยเรื่องแรกของสหรัฐฯที่ "กล้าส่งข้อความต่อต้านบริษัททุนนิยมทั้งหลาย"



และดูเหมือนว่าข้อความนั้นจะมาในเวลาและจังหวะที่ถูกต้องพอดี เมื่อมองถึงเรื่องที่ Jeremy Corbyn และ Bernie Sanders กำลังเป็นจุดสนใจในเรื่องมุมมองที่พวกเขามีต่อระบบทุนนิยม พูดกันจริงๆ แล้ว Mr Robot ไม่สามารถหาเวลาอื่นใดที่ "ถูกที่ถูกเวลา" ได้มากกว่านี้ เมื่อมองถึงมุมต่างๆ แล้ว ดูเหมือนว่าซีรีย์นี้จะขนานกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริงหลายเหตุการณ์เหลือเกิน อย่างกรณีแรก พนักงานของ Sony ถูกแฮ็คข้อมูลโดยกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่า Guardians of Peace และตอนแรกของซีรีย์ก็ดันไปพ้องกับเหตุการณ์ที่ Ashley Madison เว็บไซต์หาคู่สำหรับคนมีพันธะแล้วโดนแฮ็คพอดิบพอดี เรื่องชู้สาวนี่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากกันเลย (ที่ร้ายกว่านั้นก็คือ ตอนสุดท้ายของซีซั่นแรกต้องถูกเลื่อนการฉายออกไป เพราะมีฉากการยิงคนสดๆ เผยแพร่ทางโทรทัศน์ ซึ่งไปตรงกับเหตุการณ์ที่ 2 นักข่าวจากเวอร์จิเนียโดนยิงออกอากาศในชีวิตจริงพอดี)

เหตุการณ์บนโลกแห่งความเป็นจริงทำให้ซีรีย์นี้มีเหตุผลและเข้าใจได้สำหรับผู้ชมอย่างเห็นได้ชัด แม้จะเคยถูกดองการฉายจากช่อง USA Network มาก่อนก็ตาม Mr Robot ได้แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จที่ไม่มีใครคาดถึงได้ในอเมริกาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ได้รับคำวิจารณ์ในแง่บวกและมีฐานแฟนคลับผู้คลั่งไคล้เป็นที่เรียบร้อย เมื่อนิตยสาร Fortune ถาม 40 ผู้นำที่อายุต่ำกว่า 40 ในวงการธุรกิจว่าซีรีย์เรื่องใดที่เป็นที่โปรดปราน Mr Robot เป็นคำตอบอันดับหนึ่ง ทิ้งห่าง Games of Thrones ไปได้ ไม่ใช่แค่นั้น โชว์นี้ยังอยู่ในดวงใจของอดีตสายลับผู้เปิดโปง NSA ด้วย...

"ผมเพิ่งรู้นะเนี่ยว่า Edward Snowden เป็นแฟนตัวยงของรายการเรา" Malek กล่าว โดยอ้างข้อมูลจากการสัมภาษณ์ล่าสุดของ Snowden ที่ชื่นชม Mr Robot ในแง่ของการนำเสนอการแฮ็ค "แล้วพอมานึึกว่าเขารู้เกี่ยวกับกลยุทธ์การสอดแนมของรัฐบาลขนาดไหนแล้ว ทำให้เรายิ่งรู้สึกว่าเรานำเสนอได้อย่างถูกทางเลยล่ะครับ" เขากล่าวเพิ่มเติม

Sam Esmail ผู้สร้างของ Mr Robot ดูจะตื่นเต้นกับการได้รับคำชมอย่างไม่มีใครคาดถึงได้นี้เช่นกัน "นั่นเป็นเสียงสนับสนุนที่ยิ่งใหญ่เลยล่ะครับ" เขายิ้มกว้าง ใครๆ ก็เข้าใจได้ว่าทำไมเขาถึงกระตือรือร้นได้ขนาดนี้ Esmail ที่โตมาในฐานะเด็กเนิร์ดบอกว่าเขารู้สึกว่าตัวเอง "ทึ่ง" ไปกับโลกแห่งการจารกรรมข้อมูล แต่ผิดหวังในวิถีในการนำเสนอเรื่องนี้โดยสื่อภาพยนตร์ยุค 90 อย่าง The Net หรือ Hackers "บ่อยครั้งที่เราเกรงว่าเรื่องราวเหล่านี้ถูกนำเสนอต่อผู้ชมอย่างตรงตามความจริง พวกเขาเลยจับยัดคอมพิวเตอร์กราฟฟิกหรือทำเป็นใส่แถบดาวโหลดสีแดงพังๆ มาทำเป็นแก้ตัวน้ำขุ่นๆ" เขาบอก



CREDIT http://www.theguardian.com/tv-and-radio/2015/oct/17/mr-robot-christian-slater-rami-malek

◆ TV Series ชมรมคนรักซีรีย์ฝรั่ง ชมรมสำหรับคนรักซีรีย์ตะวันตก || แนะนำ | พูดคุย | แลกเปลี่ยนความคิดเห็น | อื่นๆ

พลอตเรื่องน่าสนใจดีฮะ

เพิ่งดูจบ ss1
พระเอกเหมือนจะมาเหนือ แต่จะตายเอาตอนนี้
อยากให้ลงเอยกับน้องแองเจล่า แต่พี่แกดันไปกินคนขายปุ้นซะก่อน




น่าจะสนุกนะ จะดูต่ออีกสัก 2-3 ตอน
เพราะตอนนี้ติด Blacklist อย่างรุนแรง

กำลังดูตอน 1 อยู่เลยเข้ามาเจอกระทู้แนะนำพอดี

ดูไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไร อ่านซับไม่ทัน

ดูเวปไหนครัช ผมอยากดู Blacklist

จิตวิทยา เยอะเกิ้น เรื่องนี้ สมงสมองเป็นเอามาก

โหลดบิทเอา ชอบแบบชัด ๆ ครับ

ดูจบแล้วแมร่งอย่างกะ fight club เลย

blacklist นี่ ss2 ss3 ยังดำเนินเนื้อเรื่องเอื่อยๆแบบเดิมป่ะครับ ถ้าเป็นเหมือนเดิมจะได้ไม่กลับไปดู

โอเคครัช

สองเอื่อย ๆ จบในตอน แฮปปี้เอนดิ้ง เรย์มอนด์ทำหน้าเบื่อ ๆ เหมือนเดิม
เริ่มสามมานี่มันติ๋ง ๆ เลย จะตายเอาทั้งมิตรทั้งอริหันมาตามล่า

แล้วคุณจะมึนไปกับ ?

Hello Friend.

ดูแล้ว แล้วรูปโปไฟล์เฟส ก็เป็นElliot มาตั้งแต่Ep สุดท้ายจบ


"You can't leave us, and we can't leave you...Elliot"

ผมรอ ไอ่เนี่ย เมื่อไหร่จะมา รู้สึกว่านานมากก อยากดูแล้วว

ชอบมากเหมือนกันครับ เป็นซีรี่ย์สที่ดาร์คมากๆ
ช่วงหลายๆ ตอนในช่วงสุดท้ายแอบงงมากๆ ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินเรื่องช่วงท้ายๆ
ที่เล่าเรื่องได้งงมากๆ แต่สุดท้ายก็ดูจนจบ นี่กำลังคิดว่าจะกลับไปดูอีกรอบนึงเพื่อเคลียร์ปมบางอย่างที่ยังไม่เข้าใจ

กดใส่ Spoil ด้วยก็ดีนะครับ คนที่ยังไม่ได้ดูมาอ่านอันนี้จะไม่มีอารมณ์ดูเอา เพราะเหมือนพระเอกจะเก่ง แต่มาเฟลท้าย ๆ 55

ดูตอนแรกๆกะไว้ว่าแนวๆเรื่องคล้ายหลังเรื่องหนึ่ง พอตอนจบซีซันนี่ใช่เลย ถึงจะเดาได้ผมก็ชอบนะ ดาร์คใช้ได้

ดูไปครึ่งนึงละ

ตอนนี้อะไรก็ฉุดผมจาก Blacklist ไม่ได้ รอมานาน

เป็นซีรีย์ที่ดูแล้วงงที่สุดล่ะ ขี้เกียจกลับไปจับผิดดูอีกรอบ สุดท้ายไปหาอ่านใน pantip เอา

ปีหน้าเลยครับ ท่าน ผมก็รออยู่เหมือนกัน