ผู้ตั้ง
ข้อความ
เข้าร่วม: 05 Sep 2013
ตอบ: 2103
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Oct 18, 2015 1:00 pm
มารู้จักเกเกนเพรสซิ่ง Welcoming Gegenpressing - Tactictimes Special
รู้จัก เกเกนเพรสซิ่ง



เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้ปลุกความสนใจเรื่อง เกเกนเพรสซิ่ง


วันที่ 4 ตุลาคม 2015 ลิเวอร์พูล ลงเล่นเกม เมอร์ซี่ไซด์ ดาร์บี้แมตช์ นัดที่ 225 ณ สนาม กูดิสัน พาร์ค เกมจบลงด้วยผลเสมอ 1-1 และเป็นครั้งที่ 5 ในรอบ 6 เกมล่าสุดที่พวกลิเวอร์พูลออกนำก่อน 1-0 แต่จบเกมด้วยผลเสมอ โดยอดีตแชมป์ยุโรป 5 สมัย เก็บชัยชนะได้เพียง 1 นัดจาก 9 เกมหลังสุด เหล่า “เดอะ ค็อป” ต่างเบื่อหน่ายกับผลการแข่งขันที่ต่ำกว่ามาตรฐาน พวกเขาร้องเรียกหาความเปลี่ยนแปลง และเพียง 1 ชั่วโมงหลังจากแมตช์กับ เอฟเวอร์ตัน จบลง เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ก็ถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม

8 ตุลาคม 2015 เพียง 4 วันหลังจากการปลด ร็อดเจอร์ส ลิเวอร์พูล ก็ประกาศแต่งตั้ง เจอร์เก้น คล็อปป์ ขึ้นแท่นผู้จัดการทีมอย่างเป็นทางการ กุนซือเจ้าเสน่ห์ชาวเยอรมันจุดประกายความหวัง และ ศรัทธาในหมู่ เดอะ ค็อป อีกครั้ง นี่คือคนที่พวกเขาเลือก นี่คือคนที่พวกเขาต้องการ

การมาของ คล็อปป์ นอกจากจะสร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนหงส์หลายคนแล้ว ยังเป็นการทำให้หลาย ๆ คนสนใจวิธีการเล่นที่มีชื่อว่า “เกเกนเพรสซิ่ง” (Gegenpressing) อีกด้วย


หัวข้อ

- อะไรคือเกเกนเพรสซิ่ง?
- รูปแบบเพรสซิ่งในเกเกนเพรสซิ่ง?
- จังหวะในการเคาน์เตอร์เพรสซิ่ง?
- ความสําคัญของเกเกนเพรสซิ่ง?




เจอร์เก้น คล็อปป์ และ เป๊ป กวาดิโอล่า สองผู้เชี่ยวชาญด้าน เกเกนเพรสซิ่ง


อะไรคือ “เกเกนเพรสซิ่ง” (Gegenpressing)


เกเกนเพรสซิ่ง (Gegenpressing) หรือ เคาน์เตอร์เพรสซิ่ง (counterpressing)ในภาษาอังกฤษ คือแนวคิดในการที่นักเตะทุกคนช่วยกันชิงบอลกลับมาเล่นให้เร็วที่สุด เมื่อผู้เล่นเกมรุกฝั่งตนเสียบอล โดย เจอร์เก้น คลินส์มันน์ ให้คำนิยาม เกเกนเพรสซิ่ง ว่า “immediate ball recovery” หรือแปลตรงตัวคือ “การกู้คืนบอลโดยทันที”

เกเกนเพรสซิ่งมีรากฐานมาจากการตั้งรับและส่วนกลับ บวกกับคำถามที่ว่า ถ้า”เกมรุก คือเกมรับที่ดีที่สุด” แล้ว “เกมรับ คือเกมรุกที่ดีที่สุด” ด้วยหรือไหม?

“การที่เราเคาน์เตอร์เพรสซิ่งได้ดี ส่งผลประโยชน์กับผู้เล่นเกมรุกเราอย่างมาก เพราะนั้นทำให้เราเข้าถึงประตูฝ่ายตรงข้ามได้เร็วขึ้น แต่ทว่านี้เป็นแค่โบนัส เพราะไอเดียของการเคาน์เตอร์เพรสซิ่งที่แท้จริงคือการเป็น ‘เส้นทางที่เร็วในการเล่นเกมรับ'” – เจอร์เก้น คล็อปป์

“The offensive players benefit from the fact our counter-pressing is so good, because we get to the other team’s goal much quicker. But in a way that’s just a bonus. The idea of counter-pressing, is that it’s ‘the shortest route to defense’.” – Jurgen Klopp

การที่ทีมจะหาโอกาสเข้าทำ ทีมทีมนั้นจะต้องจู่โจนที่จุดอ่อนของคู่แข่ง ว่าแต่อะไรล่ะ คือ ‘จุดอ่อน’ ของคู่แข่ง? และช่วงไหนคือช่วงที่ดีที่สุดในการโจมตี?

จุดอ่อนที่ว่า ไม่ได้เกิดขึ้นเมื่อคู่แข่งเปิดเกมรุกหรือตั้งรับ แต่จะอยู่กึ่งกลางระหว่าง รับและรุก/รุกและรับ หรือก็คือ ‘ช่วงเปลี่ยนถ่าย’ นั้นเอง

ทีมที่ตั้งรับอย่างเหนียวแน่นหรือคอมแพคนั้น จะหลุดออกจากโซนของตนก็ต่อเมื่อพวกเขาตัดบอลได้ และกำลังจะเริ่มเกมโต้กลับ จุดนี้เองที่ทีมซึ่งเสียบอลเข้าจู่โจมด้วยเกเกนเพรสซิ่ง แย่งชิงบอลกลับมาและอาศัยช่องที่เกิดขึ้นจาก ‘ช่วงเปลี่ยนถ่าย’ ของคู่แข่ง เข้าทำประตู



fig.1 ประตูจากเกเกนเพรสซิ่งของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในเกมกับ อาร์เซน่อล


เคาน์เตอร์เพรสซิ่ง มีประโยชน์ทั้งในเกมรุกและรับ เนื่องจากการเข้าเพรสซิ่งทันทีที่เสียบอลจะเป็นการหยุดยั้งการสวนกลับของคู่แข่ง และหากแย่งบอลกลับมาได้ ก็จะได้โอกาสเล่นเกมรุกในขณะที่คู่แข่งไม่อยู่ใน “โครงสร้างเกมรับ” ส่งผลให้มีโอกาสเข้าทำมากขึ้น

โดยตัวอย่างด้านบนจากเกม โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ พบ อาร์เซน่อล เกิดขึ้นในจังหวะที่ มิเกล อาร์เตต้า ตัดลูกจ่ายจาก มาร์โก้ รอยส์ และโดนเข้าเพรสวิ่งทันทีจาก เลวานดอฟสกี้ และ รอยส์ จนเสียบอล ก่อนที่ เมอคิตาร์ยาน จะยิงเข้าไป

การโต้กลับซึ่งเป็นผลมาจากเกเกนเพรสซิ่ง ในภาษาเยอรมันเรียกว่า เกเกนเคาน์เตอร์ (Gegenkontern)

ด้วยเหตุนี้เอง เกเกน หรือ เคาน์เตอร์เพรสซิ่ง จึงเป็นระบบการเล่นที่โค้ชชั้นนำหลายคนเลือกใช้ในทีม ไม่ว่าจะเป็น เป๊ป กวาดิโอล่า จุ๊ปป์ ไฮน์เกส และแน่นอน เจอร์เก้น คล็อปป์


รูปแบบการเพรสซิ่งใน เกเกนเพรสซิ่ง


ทีมที่จะเล่น เกเกนเพรสซิ่ง ได้นั้น จำเป็นต้องมีความเข้าใจในระบบ และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการเคลื่อนที่สูง อีกทั้งผู้เล่นยังต้องตัดสินใจในเสี้ยววินาที ราวกับเป็นสัญชาตญาณ โค้ชและทีมงานจึงต้องทุ่มเทเวลาฝึกซ้อม และทดสอบในการแข่งขันจริงเป็นอย่างมาก โดยการเพรสซิ่งใน ระบบเกเกนเพรสซิ่งมีทั้งหมด 4 รูปแบบ ได้แก่

1. Man-oriented counterpressing หรือการเคาน์เตอร์เพรสซิ่งโดยใช้ ‘ผู้เล่น’ เป็นหลัก
2. Space-oriented counterpressing หรือการเคาน์เตอร์เพรสซิ่งโดยใช้ ‘พื้นที่’ เป็นหลัก
3. Passing lane-oriented counterpressing หรือการเคาน์เตอร์เพรสซิ่งโดยใช้ ‘ช่องจ่าย’ เป็นหลัก
4. Ball-oriented counterpressing หรือการเคาน์เตอร์เพรสซิ่งโดยใช้ ‘ลูกบอล’ เป็นหลัก



เคาน์เตอร์เพรสซิ่งโดยใช้ ‘ผู้เล่น’ เป็นหลัก ของ จุ๊ปป์ ไฮน์เกส credit: spielverlagerung.de


Man-oriented counterpressing หรือเคาน์เตอร์เพรสซิ่งโดยใช้ ‘ผู้เล่น’ เป็นหลัก


เมื่อเสียบอล นักเตะในทีมที่เคาน์เตอร์เพรสซิ่งโดยใช้ผู้เล่นเป็นหลักจะรีบเข้าประกบคู่แข่งที่ใกล้ตัวให้เร็วที่สุด เพื่อบีบพื้นที่และปิดตัวเลือกในการจ่ายบอลของคู่แข่ง ตัวอย่างด้านบนได้จำลองการเล่นรูปแบบนี้ของ บาเยิร์น มิวนิค ในยุค จุ๊ปป์ ไฮน์เกส โดยจะเห็นได้ว่าผู้เล่นทุกคนจะประกบติดคู่แข่งที่ใกล้ที่สุดของตน ในขณะที่ ชไวน์สไตเกอร์ ซึ่งอยู่ใกล้ผู้ครองบอลที่สุด รีบเข้าเพรสซิ่งคู่แข่งที่ครองบอล

“เมื่อไม่มีบอล แนวรุกของบาเยิร์น คือแนวรับด่านแรกของพวกเขา” – อาร์ริโก ซาคคี่

“The attackers of Bayern, when they didn’t have the ball, were their first defenders.” – Arrigo Sacchi

ข้อดี: ค่อนข้างเข้าใจง่าย ผลคือผู้เล่นสามารถตัดสินใจได้เร็ว ทำให้เคาน์เตอร์เพรสซิ่งได้ทันที

ข้อเสีย: เสี่ยงต่อการโดนเอาชนะ 1 ต่อ 1 และ ไม่สามารถเคาน์เตอร์เพรสซิ่งในรูปแบบนี้ได้ หากมีผู้เล่นน้อยกว่าทีมที่ครองบอล



เคาน์เตอร์เพรสซิ่งโดยใช้พื้นที่เป็นหลัก ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ credit: spielverlagerung.de


Space-oriented counterpressing หรือการเคาน์เตอร์เพรสซิ่งโดยใช้ ‘พื้นที่’ เป็นหลัก


การเคาน์เตอร์เพรสซิ่งโดยใช้พื้นที่เป็นหลัก ผู้เล่นจะต้องรีบคุมพื้นที่รอบฝ่ายที่ครองบอล โดยพวกเขาไม่สนใจการประกบผู้เล่นตัวต่อตัว แต่จะล้อม คุมพื้นที่ เพื่อดักการจ่ายบอลแทน (โจมตีพื้นที่ ไม่ใช่ผู้เล่น) เจอร์เก้น คล็อปป์ สร้างชื่อจากการเคาน์เตอร์เพรสซิ่งในรูปแบบนี้ที่ ดอร์ทมุนด์

“เพรสซิ่งไม่ใช่เรื่องของการวิ่งหรือทำงานหลัก [แต่]มันคือการคอนโทรลพื้นที่ต่างหาก” – อาร์ริโก ซาคคี่

“Pressing is not about running and it’s not about working hard. It’s about controlling space” – Arrigo Sacchi

ข้อดี: สามารถเคาน์เตอร์เพรสได้ถึงแม้จะมีผู้เล่นในบริเวณนั้น น้อยกว่าก็ตาม

ข้อเสีย: หากวงล้อมบีบพื้นที่ช้าหรือกว้างเกินไป คู่แข่งจะไม่ถูกกดดันและเล่นได้ง่าย



เคาน์เตอร์เพรสซิ่งโดยใช้ช่องจ่ายเป็นหลัก ของ เป๊ป กวาดิโอล่า credit: spielverlagerung.de


Passing lane-oriented counterpressing หรือการเคาน์เตอร์เพรสซิ่งโดยใช้ ‘ช่องจ่าย’ เป็นหลัก


ในการเคาน์เตอร์เพรสซิ่งโดยใช้ช่องจ่ายเป็นหลักนั้น ผู้จะแบ่งออกเป็น 2 หน้าที่ โดยหน้าที่ที่ 1 จะเป็นของคนที่เสียบอลหรือคนที่อยู่ใกล้ที่สุด โดยผู้เล่นกลุ่มนี้จะเข้าเพรสซิ่งคู่แข่งที่ครองบอลเหมือนกับการเคาน์เตอร์เพรสซิ่งโดยใช้ผู้เล่นเป็นหลัก หากแต่จะเพิ่มการ ‘ชาโดว์’ เข้าไป เพื่อปิดตัวเลือกในการจ่ายบอลพร้อมกับการเพรสซิ่งนั้นเอง ส่วนทางด้านผู้เล่นที่เหลือนั้น จะคุมโซนคล้ายกับการเคาน์เตอร์เพรสซิ่งโดยใช้พื้น เพื่อรอดักบอล ตัวอย่างที่โดดเด่นของการเล่นระบบนี้ได้แก่ บาร์เซโลน่า ภายใต้การคุมทีมของ เป๊ป กวาดิโอล่า

ชาบี้ เอร์นานเดซ และ อันเดรส อิเนียสต้า เข้าเพรสซิ่งพร้อมกับ ‘ชาโดว์’ ผู้เล่นสีส้ม ตัดพวกเขาออกจากเกม ผู้เล่นสีส้มไม่มีตัวเลือกด้านหน้า และโดนบีบให้จ่ายคืนหลัง – เอริก อบิดัล ดาบิด บีย่า และ เมสซี่ คุมโซน ดักลูกจ่ายจากทีมสีส้ม พร้อมสวนกลับ

“เพื่อบังคับให้คู่แข่งจ่ายบอลไปยังจุดที่เราต้องการ ให้ขยับออกจากตัวประกบ ล่อให้คู่แข่งผ่านบอล แล้วเข้าตัดบอล” – ไมเคิล คาร์ริค

“Force the opposition to play the ball where you want. Do this by stepping off the player you are marking and drawing them into a pass, then trying to intercept it.” – Michael Carrick
ข้อดี: หากวาง ‘กับดัก’ นี้สำเร็จ เราจะสามารถควบคุมการเสียบอลของคู่แข่งได้ ทำให้เรากำหนดได้ว่าคู่แข่งจะเสียบอลให้ผู้เล่นของเราคนไหน ตรงไหน

ข้อเสีย: มีความซับซ้อนที่สุดจากรูปแบบการเพรสซิ่งทั้ง 4 – เสี่ยงต่อความผิดพลาดสูง



เคาน์เตอร์เพรสซิ่งโดยใช้ลูกบอลเป็นหลัก ของ อาดี้ ฮัตเตอร์


Ball-oriented counterpressing หรือการเคาน์เตอร์เพรสซิ่งโดยใช้ ‘ลูกบอล’ เป็นหลัก


ในการเคาน์เตอร์เพรสซิ่งโดยใช้ลูกบอลเป็นหลัก ผู้เล่นจะรีบเพรสซิ่งโดยไม่มีรูปทรง หรือการคุมโซนใด ๆ นี่จึงเป็นระบบเคาน์เตอร์เพรสซิ่งที่ง่ายที่สุดจากทั้ง 4 รูปแบบ

อาดี้ ฮัตเตอร์ กุนซือผู้สร้างชื่อจากการคุมทีม เร้ด บูลล์ ซัลซ์บวร์ก และ เอสวี โกรดิก จนเป็นที่สนใจจากทั่วโลกด้วยการเล่นระบบ 4-2-4 มักเลือกใช้การเคาน์เตอร์เพรสซิ่งรูปแบบนี้เป็นหลัก

ข้อดี: เข้าใจง่าย อีกทั้งยังทำให้จังหวะเกมเร็วและดุดันขึ้นกว่าการเพรสซิ่งรูปแบบอื่น ๆ

ข้อเสีย: ขาดแบบแผน ประสิทธิภาพน้อย และสิ้นเปลืองพลังงาน

การจะเล่นเกเกนเพรสซิ่งให้สมบูรณ์แบบ นอกจากการฝึกฝนอย่างหนักแล้ว ทีมทีมนั้นจะต้องผสมผสานการเพรสซิ่งทั้ง 4 รูปแบบให้ลงตัว และเลือกใช้ให้เหมาะสมกับคู่แข่งที่เผชิญหน้าด้วย นี่จึงเป็นเหตุว่าทำไม่หลายทีมถึงล้มเหลวเมื่อพยะยามเล่นเคาน์เตอร์เพรสซิ่ง ในขณะเดียวกัน ทีมที่เล่นได้สำเร็จ ก็จะสามารถยกระดับทีมขึ้นมาได้มาก อย่างเช่น โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ของ เจอร์เก้น คล็อปป์





จังหวะในการเคาน์เตอร์เพรสซิ่ง?


ความเร็วของฟุตบอลสมัยใหม่ บวกกับความซับซ้อนของระบบ คืออุปสรรค์อันใหญ่หลวงของทีมที่ฝันจะเล่นเกเกนเพรสซิ่ง เหตุนี้โค้ชต่าง ๆ จึงคิดค้นสิ่งที่เรียกว่า ‘เพรสซิ่ง ทริกเกอร์’ (Pressing Trigger) เพื่อเป็นสัญญาณให้นักเตะเพรสซิ่งคู่แข่งอย่างพร้อมเพรียง

ตัวอย่าง เพรสซิ่ง ทริกเกอร์ บางส่วนในระบบเกเกนเพรสซิ่ง

- จ่ายบอลกลับหลัง
- จ่ายบอลออกริมเส้น
- หันหน้าเข้าหาประตูตัวเอง
- เลี้ยงบอลกลับหลัง
- ครองบอลหน้าประตูตนเอง
- (เซ็นเตอร์แบ็ค) จ่ายบอลขวางสนาม
- จับบอลผิดจังหวะ
- จับบอลด้วยเท้าที่ไม่ถนัด
- ลูกทุ่ม
- จ่ายสั้น
- (คู่แข่ง) อยู่ในวงล้อมเพรสซิ่ง

เพื่อความได้เปรียบและประสิทธิภาพสูงสุด นักเตะจะได้รับอนุญาตให้เพรสซิ่งคู่แข่งก็ต่อเมื่อมี เพรสซิ่ง ทริกเกอร์ เท่านั้น ส่วนพวกเขาจะใช้อะไรเป็นหลักในการเคาน์เตอร์เพรสซิ่งนั้น ขึ้นอยู่กับการว่างแผนก่อนเกมจากผู้จัดการทีม

ยกตัวอย่าง fig.1 ด้านบน ในจังหวะนั้น อาร์เซน่อล แย่งบอลได้หน้าเขตโทษตัวเอง และตัดสินใจออกบอลสั้นเพื่อสวนกลับ ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตรายมาก และแถมการเล่นหน้าเขตโทษ ก็เป็นหนึ่งใน เพรสซิ่ง ทริกเกอร์ – ดอร์ทมุนด์ จึงเข้าเพรสซึ่ง จนเป็นที่มาของประตู



fig.2 รอยส์ ตัดบอลขวางสนาม (เพรสซิ่ง ทริกเกอร์) ของแนวรับ ซิตี้ ก่อนจะหลุดเข้าไปทำประตู


นอกจากจะต้องรู้ว่าเมื่อไหร่ควรและไม่ควรเคาน์เตอร์เพรสซิ่งแล้ว ทีมยังต้องรู้ด้วยว่าจะเคาน์เตอร์เพรสซิ่งเป็นเวลาเท่าไหร่? ด้วยผู้เล่นกี่คน?และถ้าแย่งบอลไม่ได้ ต้องเพรสซิ่งต่อไปนานแค่ไหน?

RM จาก spielverlagerung.de/ อธิบายว่า ทีมต่าง ๆ แก้ปัญหาเรื่องเวลาโดยการใช้กฎ 5 วินาที

ซึ่งกฎ 5 วินาทีคือการที่ผู้เล่นทุกคนช่วยกันเคาน์เตอร์เพรสซิ่งอย่างดุดันทันที่ที่เสียบอลเป็นเวลา 5 วินาที และหากพวกเขาไม่สามารถชิงบอลกลับคืนมาได้ ก็จะรีบกลับมาตั้งโซนรับแทน

RM อธิบายว่าต่อว่า ทีมที่เล่นเกเกนเพรสซิ่งอย่างสมบูรณ์แบบนั้น จะต้องมีความยืดหยุ่นในการเล่นในกฎ 5 วินาที โดยระยะเวลาที่เคาน์เตอร์เพรสซิ่งจะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับคู่แข่ง และสถานการณ์ในเกมนั้น ๆ



“เกมเพรสซิ่งสำคัญกับเรามาก มันคือจุดแข็งของพวกเรา และเราฝึกฝนมันเป็นประจำ” – โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้


ความสําคัญของเกเกนเพรสซิ่ง


อย่างที่ได้กล่าวไปด้านบนว่าทีมหัวแถวของยุโรป ต่างก็ใช้ประโยชน์จากเกเกนเพรสซิ่งทั้งนั้น แต่ว่าอะไรล่ะคือประโยชน์ที่แท้จริงของเกเกนเพรสซิ่ง? คุณจะได้อะไรจากเกเกนเพรสซิ่งที่สมบูรณ์แบบ นอกเหนือจากการหยุดเกมโต้กลับ?

ข้อดีประการที่ 1 ของการเคาน์เตอร์เพรสซิ่งคือ ‘เสถียรภาพในเกมรับ’ การโต้กลับคือหนึ่งในอาวุธที่อันตรายที่สุดในเกมฟุตบอล และในยุคปัจจุบันที่นักเตะได้รับการฝึกสอนเรื่องแทคติกมากขึ้น พวกเขาก็เล่นโต้กลับได้ดีขึ้นตามไปด้วย เพราะฉะนั้นการเคาน์เตอร์เพรสซิ่งจึงเป็นมาตรการชั้นยอดเพื่อหยุดการสวนกลับ

ข้อดีประการที่ 2 ของการเคาน์เตอร์เพรสซิ่งคือ ‘การรักษาพื้นที่’ แม้ว่าทีมของคุณจะแย่งบอลได้บ่อยแค่ไหน แต่ถ้าหากจะต้องกลับไปตั้งโซนรับหน้าประตูเพื่อแย่งบอลแล้ว คุณจะมีระยะห่างจากปากประตูคู่แข่งราว ๆ 60 ถึง 70 เมตร (สนามฟุตบอล 11 คนมีความยาวระหว่าง 90 ถึง 120 เมตร) นั้นหลายความว่าการทำเกมก่อนหน้าที่จะเสียบอลนั้นสูญเปล่า

ในขณะเดียวกัน ถ้าหากผู้เล่นเคาน์เตอร์เพรสซิ่งในแดนคู่แข่งเมื่อเสียบอล ทีมจะมีโอกาสแย่งบอลได้โดยห่างจากประตูคู่แข่งเพียง 20-30 เมตร และผู้เล่นไม่ต้องเหนื่อยวิ่งกลับไปตั้งโซนรับอีกด้วย โยฮัน ครัฟฟ์ อธิบายความสำคัญของการเคาน์เตอร์เพรสซิ่งว่า “เพรสซิ่งสูงลดระยะทางที่ผู้เล่นต้องวิ่ง เมื่อแย่งบอลมาได้ [เรา]จะเหลือระยะทางเพียง 30 เมตรถึงประตู[คู่แข่ง]แทนที่จะเป็น 80 เมตร”

“Pressuring high limits the amount of running players must do. When you win back the ball, there are 30 metres to goal rather than 80.” – Johan Cruyff

นอกจากจะเป็นการเพิ่มเสถียรภาพในเกมรับแล้ว เคาน์เตอร์เพรสซิ่งยังเพิ่ม ‘ประสิทธิภาพเกมรุก’ อีกด้วย การเคาน์เตอร์เพรสซิ่งมักแย่งบอลได้ในจังหวะที่คู่แข่งกำลังเปลี่ยนถ่ายจากรับเป็นรุก ซึ่งเป็นช่วงที่เปิดช่องโหว่มากสุด ทำให้ทีมมีโอกาสเข้าทำสูง อีกทั้งรูปทรงในการเคาน์เตอร์เพรสซิ่งทั้ง 4 แบบ ยังมีประโยชน์ในเกมรุก เนื่องจากผู้เล่นอยู่ใกล้กัน ทำให้มีตัวเลือกในต่อบอลเร็วโต้กลับทันที

“เกเกนเพรสซิ่งคือเพลย์เมกเกอร์ที่ดีที่สุด เวลาที่ดีที่สุดในการแย่งบอล คือทันทีที่ทีมเสียมันไป” เจอร์เก้น คล็อปป์ กล่าวชื่นชมสรรพคุณของเกเกนเพรสซิ่ง

“Gegenpressing is the best playmaker there is. The best moment to win the ball is immediately after your team just lost it.” – Jurgen Klopp
ข้อดีประการที่ 4 จากการเคาน์เตอร์เพรสซิ่งคือการที่ทีมจะได้เป็น ‘ผู้คุมจังหวะเกม’ จุดเด่นนี้ตั้งอยู่บนบรรทัดฐานที่ว่า “ผู้ที่ตัดสินใจ คือผู้กำหนดกฎเกณฑ์” หากทีมถอยกลับยามเสียบอล คู่แข่งก็จะกลายเป็นผู้ควบคุมสถานการณ์ (Proactive) พวกเขามีบอล และสามารถเลือกได้ว่าจะเปิดเกมรุกใส่ในรูปแบบไหน ทีมที่ถอยกลับก็จะต้องปรับเปลี่ยนการยืนตามรูปแบบการเข้าทำของฝ่ายตรงข้าม กลายเป็นผู้ถูกควบคุมซะเอง

อย่างไรก็ตาม ถ้าทีมเคาน์เตอร์เพรสซิ่งเมื่อเสียบอล ทีมนั้นก็จะเป็นผู้ควบคุมสถานการณ์ พวกเขาจะสามารถเลือกได้ว่าจะเพรสซิ่งในรูปแบบไหน เป็นผู้ควบคุมจังหวะของเกมได้ตามใจชอบ เพราะในที่สุดแล้ว การเล่นตามเกมตัวเอง ย่อมง่ายกว่าการตามเกมคู่แข่ง

RM จาก http://spielverlagerung.de/ กล่าวไว้ว่า “‘ก้าวแรก‘ ในการตัดสินใจ คือข้อได้เปรียบที่ยิ้งใหญ่ที่สุด” (“the biggest advantage is the ‘first step.'”)


สรุป


เกเกนเพรสซิ่งคือหนึ่งในแทคติกที่ฮอตฮิตที่สุดในช่วง 4 ถึง 5 ปีที่ผ่านมา แต่ทว่าความล้มเหลว(?)ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ เมื่อฤดูกาล 14/15 ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าเขาจะประสบความสําเร็จในเกาะอังกฤษได้หรือไม่? ทีมอื่นค้นพบวิธีเอาชนะเกเกนเพรสซิ่งได้แล้วจริง ๆ หรือ? เพราะที่สุดแล้วแทคติกฟุตบอลก็เป็นเรื่องของวัฏจักรที่วนเวียนไปมา แผน A ชนะแผน B แต่ก็จะมีคนคิดแผน C มาปราบแผน A ฯลฯ

“ฟุตบอลสไตล์ตั้งรับแล้วโต้กลับไม่ใช่อะไรใหม่ อินเตอร์ มิลาน ในสไตล์คาเตนัคโช่ ก็สามารถเอาชนะ อาแจกซ์ [โททัลฟุตบอล] ในช่วงยุค 60 มาแล้ว ถึงอย่างนั้นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้คือ โค้ชอย่าง คล็อปป์ กำลังสร้างทีมที่กำลังจะกลายเป็น ‘สุดยอดทีมโต้กลับ แห่งยุดปัจจุบัน'” – แมท ไวท์เฮ้าส์ (โค้ชและนักเขียน ด้านแทคติกฟุตบอล)

“Now of course a counter attacking style this is nothing new, Inter Milan’s catenaccio overcame Ajax’s style of play in the 1960’s, yet what is happening is that coaches like Klopp are building their sides to be the modern ‘masters’ of the counter attack” – Matt Whitehouse
สำหรับคอแทคติกแล้ว มันอาจจะไม่สำคัญเลยก็ได้ว่า คล็อปป์ จะประสบความสําเร็จกับ ลิเวอร์พูล หรือไม่ เพราะการได้เห็นสุดยอดกุนซือเลือดใหม่ ผู้ซึ่งเปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์ คุมทีมลงเล่นในลีกที่เอนเตอร์เทนที่สุดในโลก ก็เป็นกำไรแล้ว และถ้าหากมีไครที่สามารถล้มเกเกนเพรสซิ่งได้จริง ๆ เราก็อาจจะได้เห็นสไตล์การเล่นรูปแบบใหม่ เป็นอีกก้าวหนึ่งในประวัติศาสตร์ของแทคติกฟุตบอล

ขอบคุณครับ

ติดตามบทวิเคราะห์และเรื่องราวที่น่าสนใจอื่น ๆ จาก tactictimes ได้ที่https://www.facebook.com/tactictimes



CREDIT : https://tactictimes.wordpress.com/
133
0
-1-st mir@cle, ZzExoRoozZ, Barcelonistu, ไซ มึ้ง ซวย เสาะ, Schickeria, Radiant, The Sunny Crew, Cuzco123, t^mc2, เงาของเธอ, koratdevil, Mr.Liverpool, Beck179, Love., QuIntus, inugami, ballsaxmanbegins, hutdbk, butlerpond, มันแกวเป็นผักรึผลไม้, Chelvl, Nesta_13_thai, เบน ฟรีคิก, foamkp, moop, sixhearts, boy1000, Luxiaofeng323, Rosicky10, toma, hachi, Anthony Martial, ฟรุตโพนจิ_ซามูไร, MATTHAUS, Last_Romeo, รั่วจริงจริง, อะไรฟระ, kirkland, lizaw, Riyah, june_pinkfloyd, neolfc, woodywuth, i-desiGn, tony1980, gatunyou, Nagamoa, OneBullet, ติ๋ม บางซ่อน, sasuke2u, อัดซาจอรอหันการันยอynwa, poanfield, สบูจ๋าย, WorEG, Boy_Thekop, ILY, โอ๊ดซากี้Xสังคังแมน, มนุษย์แกะ, channaka, mestiw, kim_barca, อ่อมหอย, Meticulous, WakeAlone, KIATTISAK, Eastwood, PotusSS, DELTA15, Keneth Mathieson Dalglish, เฮียแปะ, zengz, MrGullit, wuzun123, sasuke, , SeoYoonYul, gunman1234, itoonggy, SuperMonkey, SAIMORK, MooTom@ManU, AlgoriThM, PocketPC, ctk, STAR LORD, vespaman18, tarnsm, AMRL, ValentinezZ, SaTaNic Worst, Bazenji, ManSmith, BoMeKai, zerpenteer, kalakasong, yut_arsenal, STEVIE#G8, ริว อยากสัมผัส, YNeverWalkAlone, monoblock, Okeyman, GrayZcale, Pisces, Berger, Beerverpool, ThaiPrayBoy, Seaball, CaptainCook, SweetLOVE, Eric the Red, ake007xxx, deawdai1412, Negrito, ChanonAcm, Aobnizuka, noneluck, ไอ้หน้าแมว!!, geTBytE, oatnimit, angrybirds, nookza104, kong_s, RahXephon, MyLiver, Abura_VC, รีลัคคุเม, free notes, sportmanu, Euchre, wesborland, assassin9991


เข้าร่วม: 28 Nov 2009
ตอบ: 2548
ที่อยู่: ก็ไม่รู้ซินะ....
โพสเมื่อ: Sun Oct 18, 2015 1:13 pm
[RE: มารู้จักเกเกนเพรสซิ่ง Welcoming Gegenpressing - Tactictimes Special]
เล่นแบบนี้ นักเตะต้องฟิตจริง
เข้าร่วม: 07 Oct 2009
ตอบ: 419
ที่อยู่: scg stadium
โพสเมื่อ: Sun Oct 18, 2015 1:23 pm
[RE: มารู้จักเกเกนเพรสซิ่ง Welcoming Gegenpressing - Tactictimes Special]
ผมมองว่าเล่นแบบนี้เยอะเกินไปร่างกายนักเตะจะพังไปไว แล้วจะต้องแขวนสตันก่อนวัยอันควร จริงๆตัวผู้เล่นดอร์ทมุนไปไวหลายคนละ ถึงได้ไม่แปลกใจว่าๅทำไมปีก่อนเจ็บแหลกกันเกินครึ่งทีม
แมนยู&เมืองทอง
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 6280
ที่อยู่: Old Trafford
โพสเมื่อ: Sun Oct 18, 2015 1:26 pm
[RE: มารู้จักเกเกนเพรสซิ่ง Welcoming Gegenpressing - Tactictimes Special]
ต้องวิ่งกันเป็นม้าทุกคน

ท้ายๆความเร็วลดลงมาก

เห็นได้จาก สเปอร์-ลิเวอร์พูล





Never Say Die !!
เข้าร่วม: 15 May 2009
ตอบ: 4338
ที่อยู่: การเดินทางของเวลาคือการเรียนรู้
โพสเมื่อ: Sun Oct 18, 2015 1:35 pm
[RE: มารู้จักเกเกนเพรสซิ่ง Welcoming Gegenpressing - Tactictimes Special]
เล่นแบบนี้ในอังกฤษถือว่าเหนื่อยอะ เพราะเข้าบอลกันแรง แถมยังมีบ๊อคซิ่งเดย์อีก จะวิ่งแบบนั้นถ้าไม่ฟิตเหมือนพวก ครก ปาร์ค เตฟ คงไม่ไหวอะต้องสลับแผนมั่ง ไม่งั้นนักเตะเจ็บหมดแน่นอน หรือเป็นเพราะแผนแบบนี้นักเตะดอทมุนถึงเจ็บกันบ่อยมาก



เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 33628
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Oct 18, 2015 1:39 pm
[RE: มารู้จักเกเกนเพรสซิ่ง Welcoming Gegenpressing - Tactictimes Special]
วิ่งเป็นม้าทุกคน ต้องฟิตให้ถึง หงส์เมื่อคืนดี วิ่งไล่ได้ 15 นาที หลังจากนั้นแรงเริ่มหมด


เข้าร่วม: 28 Mar 2015
ตอบ: 3822
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Oct 18, 2015 1:42 pm
[RE: มารู้จักเกเกนเพรสซิ่ง Welcoming Gegenpressing - Tactictimes Special]
ของแบบนี้ไม่ใช่จะเสกกันใน 3 วัน 5 วัน

หรือต่อเห็นเป็นปีก็ยาก มันต้แงฝั่งอยู่ในหัวนักเตะแบบเป็นธรรมชาติ

นักเตะทำมันได้เองแบบอัตโนมัติ เสียบอลปุ๊บเข้าไล่ปั๊บ


3-4 ปีนี้ คลอปป์จะว่างเปล่ากับหงส์ ไม่เห็นถ้วยแชมป์

แต่ที่เห็นคือรูปแบบการเล่นที่จะถูกฝั่งในนักเตะชุดนนี้ หรือแม้แต่เยาวชนที่จะแทรกขึ้นมา

แล้วหลังจากนั้นทุกอย่างจะเริ่มเห็นผล เหมือนที่คลอปป์ใช้เวลาสร้าง ดอร์ทมุลกว่าจะประกาศศักดา

เชื่อเวลาเด็กหงส์ทุกคนรอได้
เข้าร่วม: 25 Jun 2015
ตอบ: 3074
ที่อยู่: www.curry.edu
โพสเมื่อ: Sun Oct 18, 2015 1:46 pm
[RE: มารู้จักเกเกนเพรสซิ่ง Welcoming Gegenpressing - Tactictimes Special]
เมื่อคืนกะว่าจะเบิ่งเกเก้นเพรสซิ่งที่เลื่องลือ แต่ลุงเห็นแต่เพรสซิ่งธรรมดาแต่คนพุ่งหาบอลเยอะกว่าแบบเดิม แต่เรื่องเคาท์เตอร์นี่มองไม่เห็นเลย ขำตรงแย่งคืนได้แต่ไม่มีตัวให้จ่าย แย่งบอลได้เงยหน้าขึ้นมากองหน้าไปไหนวะ
เข้าร่วม: 22 Mar 2007
ตอบ: 9506
ที่อยู่: ข้างบ้านโรซิคกี้
โพสเมื่อ: Sun Oct 18, 2015 1:46 pm
[RE: มารู้จักเกเกนเพรสซิ่ง Welcoming Gegenpressing - Tactictimes Special]
ตอนดอร์ทแข่งกับน่อลเพรสซิ่ง แบบที่หงส์เล่นกับไก่เมื่อคืนเลย


น่อลแทบไม่ได้ต่อบอลเลย ผมนี่โคตรหงุดหงิดเลย ทำไมนักเตะน่อลสู้ไม่ได้หรอว่ะทั้งๆที่ฝีเท้าไม่ได้อ่อนกว่าสักนิด

แนวรุกดอร์ทมุนล่อเป้าจ่อๆหลายครั้งมาก

แต่ปืนเล่นดีสัก 10 นาที ได้ประตูชนะ ไม่รู้ว่าเจ๊เปิดให้เขาบุกหรือปืนดวงดี
JW10&TR10
เข้าร่วม: 25 Feb 2015
ตอบ: 2441
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Oct 18, 2015 1:55 pm
[RE: มารู้จักเกเกนเพรสซิ่ง Welcoming Gegenpressing - Tactictimes Special]
ร่างกายนักเตะต้องดีจริงๆ แผนแบบนี้นึกถึงกัปตันเจิดพลังไดนาโม ถ้าได้เล่นแบบนี้ตอนแกยังอายุไม่เยอะนี่คงวิ่งเป็นม้าแน่ๆ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 2089
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Oct 18, 2015 1:55 pm
[RE: มารู้จักเกเกนเพรสซิ่ง Welcoming Gegenpressing - Tactictimes Special]
ต้องมีแบบอีแรมกับชายเล็กทั้งทีมอะครับ....แหะๆ

เข้าร่วม: 24 Mar 2006
ตอบ: 9886
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Oct 18, 2015 1:59 pm
มารู้จักเกเกนเพรสซิ่ง Welcoming Gegenpressing - Tactictimes Special
ขอบคุณครับ

เคยอ่านคล้ายๆแบบนี้เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ ไม่นึกว่าจะมีคนขยันแปลเป็นไทยด้วย


ผมเชื่อว่ามันสามารถเล่นได้ยาวๆนะถ้าเข้าใจและทำได้ตามแผน

pressing จะมีประสิทธิภาพมาก ถ้าผู้เล่นทำสำเร็จในแดนคู่ต่อสู้

เพราะสามารถสวนได้ทันทีโดยมีระยะห่างจากประตูน้อย และไม่เปลืองแรงในการตั้งเกมส์บุกใหม่ทุกครั้งด้วย

We'll come back stronger.

我々はもっともっと強くなり、必ず戻ってくるんだ。

เข้าร่วม: 24 Mar 2006
ตอบ: 9886
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Oct 18, 2015 1:59 pm
มารู้จักเกเกนเพรสซิ่ง Welcoming Gegenpressing - Tactictimes Special
เบิ้ลซะงั้น -*-
We'll come back stronger.

我々はもっともっと強くなり、必ず戻ってくるんだ。

เข้าร่วม: 16 Aug 2009
ตอบ: 7424
ที่อยู่: ณ.ที่ใดที่หนึ่ง
โพสเมื่อ: Sun Oct 18, 2015 2:01 pm
[RE: มารู้จักเกเกนเพรสซิ่ง Welcoming Gegenpressing - Tactictimes Special]
- ถ้าเพรสซิ่งแบบหงส์เมื่อคืนได้บอลแล้วก็เสียแล้วก็วิ่ง เหนื่อยตาย
- บาซ่า บาเยิน เพรสซิ่งเหมือนกัน แต่ได้บอลแล้วครองบอลได้ นักเตะไม่เหนื่อยล้าเกินไป
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 31809
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Oct 18, 2015 2:18 pm
[RE: มารู้จักเกเกนเพรสซิ่ง Welcoming Gegenpressing - Tactictimes Special]
สรุปง่ายๆว่าก็คือไล่บีบบอลทันทีที่เสียบอลนั้นเอง ไล่รุมกดดัน ตัดบอลให้ได้ ถ้าตัดได้เราก็อยู่หน้าประตูคู่แข่งทันที ตอนนี้ดอร์ทมุนยุคทูเคิ่ลก็ยังทรงนี้อยู่ ดูได้จาก 2 ประตูจากนั้นล่าสุดของดอร์ทมุน



ทั้งสองลูกได้จากแบบนี้หมดเลย ลูกแรก MK ไล่ตัดบอลได้ จ่ายให้ โอบา แล้วสุดท้ายก็จ่ายให้ รอย ยิง

ลูกสอง คากาวะ กับ โอบา ช่วยกันไล่จนโอบาตัดบอลไปจ่ายให้ MK ยิง
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 31809
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Oct 18, 2015 2:19 pm
[RE: มารู้จักเกเกนเพรสซิ่ง Welcoming Gegenpressing - Tactictimes Special]
ไซ มึ้ง ซวย เสาะ พิมพ์ว่า:
- ถ้าเพรสซิ่งแบบหงส์เมื่อคืนได้บอลแล้วก็เสียแล้วก็วิ่ง เหนื่อยตาย
- บาซ่า บาเยิน เพรสซิ่งเหมือนกัน แต่ได้บอลแล้วครองบอลได้ นักเตะไม่เหนื่อยล้าเกินไป  


หงส์เมื่อคืนกองหน้าอย่างโอริกี้กากไปครับ รอเบนเทเก้ หริด เฟียร์มิโน่กลับมา ผมเชื่อว่าเก็บบอล ครองบอลได้อยู่อ่ะ
เข้าร่วม: 20 Sep 2013
ตอบ: 9011
ที่อยู่: ReaL MaDriD
โพสเมื่อ: Sun Oct 18, 2015 2:25 pm
[RE: มารู้จักเกเกนเพรสซิ่ง Welcoming Gegenpressing - Tactictimes Special]
ทำไมคลอปไม่แนะนำร้านปลูกผมให้เป๊ปด้วย จะได้ดูดีเหมือนกัน
เข้าร่วม: 21 Sep 2013
ตอบ: 4198
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Oct 18, 2015 2:35 pm
มารู้จักเกเกนเพรสซิ่ง Welcoming Gegenpressing - Tactictimes Special
ชักอยากจะเจอลิเวอร์พูลแล้วซิ

ยังจำคำพูดของLVGได้อยู่เลย
"เราเอาชนะพวกเขาได้ด้วยอาวุธของพวกเขาเอง"


รอดเจอร์ก็ใช้บอลเพรสซิ่งนี่แหละ
นักเตะวิ่งไล่บอล ไม่รักษาตำแหน่ง
ช่องเกิดเพียบ เข้าทางทีมที่เน้นครองบอลหาช่อง
เข้าร่วม: 05 Sep 2013
ตอบ: 2348
ที่อยู่: Stoke City
โพสเมื่อ: Sun Oct 18, 2015 2:42 pm
[RE: มารู้จักเกเกนเพรสซิ่ง Welcoming Gegenpressing - Tactictimes Special]
ทุกแผนการเล่นมีข้อดีข้อเสียหมด อยู่ที่จังหวะและคู่ต่อสู้ด้วย



เข้าร่วม: 04 May 2009
ตอบ: 12043
ที่อยู่: s o m e w h e r e
โพสเมื่อ: Sun Oct 18, 2015 2:46 pm
[RE: มารู้จักเกเกนเพรสซิ่ง Welcoming Gegenpressing - Tactictimes Special]
ผมว่าการเล่นแบบนี้เหมาะเวลาเจอทีมที่เล่นต่อบอลนะ ดูอย่างดอทมุนเจอน่อล น่อลไปไม่เป็นเลย
just give me a reason, to keep my heart beating

เข้าร่วม: 20 Jul 2010
ตอบ: 1039
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Oct 18, 2015 3:19 pm
[RE: มารู้จักเกเกนเพรสซิ่ง Welcoming Gegenpressing - Tactictimes Special]
แผนการเกเกนเพรสซิ่งก็น่าจะมีจุดอ่อนเหมือนกัน ดูได้จากผลงานดอทมุนปีที่แล้ว
เข้าร่วม: 21 Sep 2013
ตอบ: 4198
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Oct 18, 2015 3:35 pm
[RE: มารู้จักเกเกนเพรสซิ่ง Welcoming Gegenpressing - Tactictimes Special]
ผมเพิ่งเห็น ว่า จขกท เป็นแฟนแมนยู 5555

อุตส่าห์คอมเม้นท์ดิสเครดิตเต็มที่ โทษๆๆๆครับ


แต่เอาจริงๆมันเป็นเพรสซิ่งที่มีเอกลักษณ์ดีเหมือนกันนะ

เพราะมันไม่ใช่การเพรสซิ่งเมื่อฝ่ายตรงข้ามครองบอล
แต่มันเป็นการเพรสซิ่งเมื่อสูญเสียบอล

80%ของทีมในพรีเมียร์ลีก เมื่อทำเกมบุก แล้วเกิดเสียบอลในแดนคู่ต่อสู้
สิ่งที่เรามักจะเห็นกันประจำ คือ ทั้ง10คนวิ่งหน้าตั้งลงไปคุมโซน และมีกองกลางคอยตัดจังหวะทำฟาร์มเพื่อป้องกันการสวนกลับ

แต่เพรสซิ่งตามที่ จขกท.ว่ามา คือ
เสียบอลแล้ว ก็วิ่งไล่บอลต่อ วิ่งไล่กันสามสี่คนในพื้นที่แคบๆตรงนั้น
ไม่ให้ขึ้นเกมสวนกลับได้ง่าย

แต่คิดว่าถ้าเจอพวกทีมที่เน้นอุดซึ่งมักเอากองหน้าห้อยไว้ตัวนึง อันตรายเหมือนกันนะ
ถ้าโต้กลับด้วยการสาดยาวทีเดียว แล้วนักเตะลิเวอร์พูลจะเคาท์เตอร์เพรสซิ่งกันยังไง?

แล้วทีมแบบนี้ในพรีเมียร์ลีกก็มีเยอะซะด้วยซิ

ลองดูจังหวะนี้ นี่คือตัวอย่างของการเอาตัวรอดและใช้ประโยนชน์จากJJ.Pressing

ดอร์ทมุนทำเกมบุกเข้าไปในแดนบาร์เยิร์น


หลังจากนั้นบาร์เยิร์นตัดบอลได้
ัจังหวะนี้แหละ ที่ดอร์ทมุนจะต้องทำ JJ.Pressingอะไรนั่น
ผู้เล่นดอร์ทมุนยืนล้อมเอาไว้ และพร้อมวิ่งเข้าบีบ



แต่เมื่อรู้ไส้รู้พุงกันดี ชไวนี่ไม่คิดไรมาก พาบอลออกจากพื้นที่นั้นทันที
ด้วยการส่งบอลคืนหลังไปให้นอยเอร์


แล้วเปิดเกมสวนกลับทันที จนนำมาซึ่งการเสียประตู พื้นที่ตรงกลางเปิด
เพราะมัวไปเพรสซิ่งกันในแดนคู่แข่งกันหมด





เพราะฉะนั้น ควรรีบๆกอบโกยคะแนนช่วงแรกๆให้ได้ ไม่งั้นคู่แข่งเริ่มจับทางบอลได้
จากจุดแข็ง มันจะกลายเป็นจุดอ่อนได้ง่ายๆ


ปล.ผมแค่Search ยูทูปมั่วๆ เพราะไม่ค่อยได้ดูบุนเดส
ไม่คิดว่าจะเจอกรณีศึกษาได้ในทันทีที่เซิร์ช
แสดงว่า เคสแบบนี้มันเกิดขึ้นบ่อยอยู่นะ บางทีที่เห็นช่วงหลังๆฟอร์มดร๊อปอาจจะเพราะเหตุนี้ก็ได้
เข้าร่วม: 02 Nov 2010
ตอบ: 1056
ที่อยู่: ~ ลำปางหนาวมาก ~
โพสเมื่อ: Sun Oct 18, 2015 4:37 pm
[RE: มารู้จักเกเกนเพรสซิ่ง Welcoming Gegenpressing - Tactictimes Special]
Famelaini พิมพ์ว่า:
ชักอยากจะเจอลิเวอร์พูลแล้วซิ

ยังจำคำพูดของLVGได้อยู่เลย
"เราเอาชนะพวกเขาได้ด้วยอาวุธของพวกเขาเอง"


รอดเจอร์ก็ใช้บอลเพรสซิ่งนี่แหละ
นักเตะวิ่งไล่บอล ไม่รักษาตำแหน่ง
ช่องเกิดเพียบ เข้าทางทีมที่เน้นครองบอลหาช่อง  
มั่นว่านัดหน้าเจอกันแมนยูแพ้แน่นอนคับ อย่างต่ำ 2 เม็ด


เข้าร่วม: 05 Sep 2013
ตอบ: 2103
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Oct 18, 2015 4:58 pm
[RE: มารู้จักเกเกนเพรสซิ่ง Welcoming Gegenpressing - Tactictimes Special]
Famelaini พิมพ์ว่า:
ชักอยากจะเจอลิเวอร์พูลแล้วซิ

ยังจำคำพูดของLVGได้อยู่เลย
"เราเอาชนะพวกเขาได้ด้วยอาวุธของพวกเขาเอง"


รอดเจอร์ก็ใช้บอลเพรสซิ่งนี่แหละ
นักเตะวิ่งไล่บอล ไม่รักษาตำแหน่ง
ช่องเกิดเพียบ เข้าทางทีมที่เน้นครองบอลหาช่อง  

ถ้าคล็อปนำระบบนี้มาติดตั้งให้ลิเวอร์พูลได้เมื่อไหร่ ผมนี่ไม่อยากเจอลิเวอร์เลยครับ

สไตล์การเล่นเพรสแบบนี้แหละี่แมนยูแพ้ทางมาตลอดตั้งแต่ยุคเฟอร์กี้ตอนเจอบาซ่า

คือมันอาจจะจริงตรงที่ LVG ชอบคู่แข่งที่มาบุกใส่มากกว่า ซึ่งจะทำมีให้มีพื้นที่ว่าง

เยอะในการโจมตี แต่อย่าลืมว่าระบบของลุงแกจะต้องเซตเกมจากแดนหลังของตัวเอง

ก่อน เกิดโดนเพรสมาถึงแดนหลังจนเสียขบวนก็จะเซทเกมของตัวเองไม่ได้

ต้องใช้การเคลื่อนบอลเร็วในการสวนกลับ ซึ่งเป็นสิ่งที่แมนยูในยุค LVG ทำได้ไม่ดีเลย

ตัวอย่างคือเกมกับอาร์เซน่อลที่ผ่านมานี่แหละครับ


เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 31809
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Oct 18, 2015 5:20 pm
[RE: มารู้จักเกเกนเพรสซิ่ง Welcoming Gegenpressing - Tactictimes Special]
Famelaini พิมพ์ว่า:
ผมเพิ่งเห็น ว่า จขกท เป็นแฟนแมนยู 5555

อุตส่าห์คอมเม้นท์ดิสเครดิตเต็มที่ โทษๆๆๆครับ


แต่เอาจริงๆมันเป็นเพรสซิ่งที่มีเอกลักษณ์ดีเหมือนกันนะ

เพราะมันไม่ใช่การเพรสซิ่งเมื่อฝ่ายตรงข้ามครองบอล
แต่มันเป็นการเพรสซิ่งเมื่อสูญเสียบอล

80%ของทีมในพรีเมียร์ลีก เมื่อทำเกมบุก แล้วเกิดเสียบอลในแดนคู่ต่อสู้
สิ่งที่เรามักจะเห็นกันประจำ คือ ทั้ง10คนวิ่งหน้าตั้งลงไปคุมโซน และมีกองกลางคอยตัดจังหวะทำฟาร์มเพื่อป้องกันการสวนกลับ

แต่เพรสซิ่งตามที่ จขกท.ว่ามา คือ
เสียบอลแล้ว ก็วิ่งไล่บอลต่อ วิ่งไล่กันสามสี่คนในพื้นที่แคบๆตรงนั้น
ไม่ให้ขึ้นเกมสวนกลับได้ง่าย

แต่คิดว่าถ้าเจอพวกทีมที่เน้นอุดซึ่งมักเอากองหน้าห้อยไว้ตัวนึง อันตรายเหมือนกันนะ
ถ้าโต้กลับด้วยการสาดยาวทีเดียว แล้วนักเตะลิเวอร์พูลจะเคาท์เตอร์เพรสซิ่งกันยังไง?

แล้วทีมแบบนี้ในพรีเมียร์ลีกก็มีเยอะซะด้วยซิ

ลองดูจังหวะนี้ นี่คือตัวอย่างของการเอาตัวรอดและใช้ประโยนชน์จากJJ.Pressing

ดอร์ทมุนทำเกมบุกเข้าไปในแดนบาร์เยิร์น


หลังจากนั้นบาร์เยิร์นตัดบอลได้
ัจังหวะนี้แหละ ที่ดอร์ทมุนจะต้องทำ JJ.Pressingอะไรนั่น
ผู้เล่นดอร์ทมุนยืนล้อมเอาไว้ และพร้อมวิ่งเข้าบีบ



แต่เมื่อรู้ไส้รู้พุงกันดี ชไวนี่ไม่คิดไรมาก พาบอลออกจากพื้นที่นั้นทันที
ด้วยการส่งบอลคืนหลังไปให้นอยเอร์


แล้วเปิดเกมสวนกลับทันที จนนำมาซึ่งการเสียประตู พื้นที่ตรงกลางเปิด
เพราะมัวไปเพรสซิ่งกันในแดนคู่แข่งกันหมด





เพราะฉะนั้น ควรรีบๆกอบโกยคะแนนช่วงแรกๆให้ได้ ไม่งั้นคู่แข่งเริ่มจับทางบอลได้
จากจุดแข็ง มันจะกลายเป็นจุดอ่อนได้ง่ายๆ


ปล.ผมแค่Search ยูทูปมั่วๆ เพราะไม่ค่อยได้ดูบุนเดส
ไม่คิดว่าจะเจอกรณีศึกษาได้ในทันทีที่เซิร์ช
แสดงว่า เคสแบบนี้มันเกิดขึ้นบ่อยอยู่นะ บางทีที่เห็นช่วงหลังๆฟอร์มดร๊อปอาจจะเพราะเหตุนี้ก็ได้
 


ไม่แน่ใจว่านัดที่ท่านยกตัวอย่างนี้นัดไหนนะครับ แต่คิดว่าน่าจะเป็นบาเยินยุคปู่จุ๊บ อยากบอกว่าบาเยินยุคปู่จุ๊บนี้ละ เหยื่อแผนนี้อย่างดีเลย บาเยินแพ้ทางดอร์ทมุนมาก ช่วงที่แย่งแชมจากบาเยินได้ก็คือชนะบาเยินตลอด ชนะบาเยินติดต่อกันหลายเกมเลย จนมาเจอปู่จุ๊บแก้ทางได้เอาตอนปีสุดท้ายก่อนแกจะวางมือ ที่แกแก้แผนมาเล่นเพรสซิ่งแบบนี้เหมือนดอร์ทมุน จนคล็อปงอนต้องบอกว่าบาเยินเลียนแบบเลยทีเดียว

ส่วนเรื่องการแก้ทางโดยการโยนยาวแทนที่จะต่อบอลเพราะเจอแผนนี้ไล่บีบเห็นได้ปกติครับ แต่ส่วนใหญ่โยนมาก็จะเสียนะ เพราะมีฮุมเมล กับ ซูโบติส คอยเก็บลูกกลางอากาศอยู่ 2 ตัวนี้เล่นลูกกลางอากาศได้ดีมากครับ หลายๆนัดนี้เรียกว่าเก็บเรียบเลยทีเดียว ไม่แพ้ลูกโหม่งสักครั้ง แต่ก็อย่างว่าต้องมีพลาดบ้างอยู่แล้ว ที่เห็นชัดๆก็นัดเจอบาเยินล่าสุดที่โดนยำไป 5 ลูกนั้นละ ลูก 1 กับ ลูก 3 โยนยาวจากบัวเต็งมาและฮุมเมลเก็บบอลกลางอากาศไม่ได้ หลุดตำแหน่ง เลวาน กับ มุลเลอร์ เลยหลุดเดี่ยวไปส่องคนละลูก ก็ซวยไป

แต่จริงๆลูกที่เสียประตูบ่อยๆของดอร์ทมุนส่วนใหญ่จะมาจากการดันบุกไปหมดทั้งทีม และต่อบอลพลาดเจอเขาสวนมามากกว่าครับ แบบเขาตัดบอลได้ปุ๊บก็สวนมาเลย ดอร์ทมุนไม่ทันได้เพรสซิ่ง เจอสวนตอนหลุดตำแหน่งไปหมดแล้ว ส่วนใหญ่จะเสียประตูแบบนี้มากกว่า ถ้าเจอบีบและโยนยาวมานี้ไม่ค่อยเสียครับ ฮุมเมลเก็บเรียบ ถึงฟอร์มตอนนี้จะตก ช้า แต่ลูกโหม่งยังไว้ใจแกได้อยู่
เข้าร่วม: 21 Sep 2013
ตอบ: 4198
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Oct 18, 2015 5:24 pm
[RE: มารู้จักเกเกนเพรสซิ่ง Welcoming Gegenpressing - Tactictimes Special]
Legend18 พิมพ์ว่า:
Famelaini พิมพ์ว่า:
ชักอยากจะเจอลิเวอร์พูลแล้วซิ

ยังจำคำพูดของLVGได้อยู่เลย
"เราเอาชนะพวกเขาได้ด้วยอาวุธของพวกเขาเอง"


รอดเจอร์ก็ใช้บอลเพรสซิ่งนี่แหละ
นักเตะวิ่งไล่บอล ไม่รักษาตำแหน่ง
ช่องเกิดเพียบ เข้าทางทีมที่เน้นครองบอลหาช่อง  

ถ้าคล็อปนำระบบนี้มาติดตั้งให้ลิเวอร์พูลได้เมื่อไหร่ ผมนี่ไม่อยากเจอลิเวอร์เลยครับ

สไตล์การเล่นเพรสแบบนี้แหละี่แมนยูแพ้ทางมาตลอดตั้งแต่ยุคเฟอร์กี้ตอนเจอบาซ่า

คือมันอาจจะจริงตรงที่ LVG ชอบคู่แข่งที่มาบุกใส่มากกว่า ซึ่งจะทำมีให้มีพื้นที่ว่าง

เยอะในการโจมตี แต่อย่าลืมว่าระบบของลุงแกจะต้องเซตเกมจากแดนหลังของตัวเอง

ก่อน เกิดโดนเพรสมาถึงแดนหลังจนเสียขบวนก็จะเซทเกมของตัวเองไม่ได้

ต้องใช้การเคลื่อนบอลเร็วในการสวนกลับ ซึ่งเป็นสิ่งที่แมนยูในยุค LVG ทำได้ไม่ดีเลย

ตัวอย่างคือเกมกับอาร์เซน่อลที่ผ่านมานี่แหละครับ  



ไหนๆก็พูดถึงเกมเจอน่อลแล้ว ผมขออนุญาตเห็นต่างอีกสักนิดนึง

เพราะทั้ง3ประตู ไม่ได้เริ่มจากการเพรสซิ่งของน่อล ไม่ได้มาจากความผิดพลาดของการส่งบอลคืนหลัง

ผมไปเจอบทความนึง ซึ่งผมยังไม่มีโอกาสแปล จึงขอยกมาเป็นภาษาอังกฤษนะครับ
จากบทความนี้จะเห็นว่า ที่แมนยูแพ้ไม่ได้แพ้เพราะกองหลัง แต่กองหน้าทีไม่บีบและปล่อยให้กาซอลล่าได้ทำเกมจากแดนตัวเอง
Louis Van Gaal’s defensive scheme is to press from the front with the players pushing high up the pitch and making the team shape compact in order to disrupt the opponents’ buildup phase. As they will conceit a large space in behind, thus, it is important for the players of not allowing the opponents the space and time to buildup the play and the team has to remain compact to cancel out the oppositions’ passing options. Strict man-marking system is used in this defensive system where the players will follow the assigned opponents very tightly.




United pressing in a high block with a compact team shape, pressing the players on the ball and cancelling out the passing options. Wolfsburg were not able to build up the play.

Against Arsenal, United employed a medium block defending, letting the 2 centrebacks to have the ball but remained compact and pressed when the opponent played a pass out or moved into the block.



The tactics made sense considering that Arsenal lineup were full of technical nimble players , thus, the defensive shape had to be as compact as possible to neutralise them but the problem occurred when the players failed to execute properly in terms of pressing and man marking in Arsenal’s buildup phase due to some very slack defending from the players.

Below is the Arsenal’s buildup play leading to the first goal :


1Corzola dropping deep to build up the play.



2United defending in a medium block, cancelling out all the passing option. Corzola unable to find a forward pass.



3Without options, he returned the ball to the centreback.


5Schweinsteiger pressed the Mertesacker, at the same time, blocking the passing path to Corzola.


6Mertesacker made a pass to Coquelin who was being followed tightly by Rooney.


7Rooney was closing down Coquelin.


8This was where the problem occurred.


9Instead pressuring the opponent, Rooney seemed just allowed Coquelin to turn.


10Coquelin able to turn easily without pressure from Rooney.


11As United were pushing high up the pitch and conceiting a large space behind, they will always be in back foot if the opponent was allowed to turn and move towards the goal.


เอาแค่นี้ก่อน ขี้เกียจใส่รูป
เหนื่อย 55555

จะเห็นว่า แมนยูใช้ตั้งรับแบบCompactอยู่กลางสนาม
เมื่อรูนนีย์เปิดโอกาสให้ โกเกอแลงก์พลิกได้ compactโดนเจาะเละเทะเลยทีนี้
พื้นที่เปิดแล้ว ชไนเดอร์แลงก์ก็ไม่ได้ลงด้วย(อันนี้ต้องโทษท่านหลุยส์เลย) ไม่มีตัวตัดบอล บุกทีเดียวถึงหน้าประตูเลย

เพราะฉะนั้นต่อให้เล่นCounter pressing ใส่แมนยูที่ชอบส่งบอลคืนหลัง
มันจะกลับจะให้ผลดี เพราะคุณต้องเข้าใจว่าทำไมต้องคืนหลัง
เพราะมันทำให้พื้นที่มันเปิด และขึ้นเกมได้ง่าย ถ้าเราส่งคืนหลังจนเป็นชีวิตจิตใจแล้ว
ก็ไม่เห็นว่ามันจะเป็นปัญหาอะไรตรงไหน เพราะเราไม่ได้เล่นในพื้นที่แคบๆแต่เป็นการพาบอลออกมาจากพื้นที่แคบ แล้วใช้บลินด์ส่งบอลขึ้นหน้าไปยังช่องว่างที่เกิด
มันจะเหมือนกรณีตัวอย่างของบาร์เยิร์นที่ผมเพิ่งโพสไปในคอมเม้นข้างบนนั่นแหละ

ที่สำคัญเรามีชไวนี่ คนในคลิปตอนนี้มาอยู่กับเราแล้ว

เข้าร่วม: 02 Nov 2005
ตอบ: 1584
ที่อยู่: ถามซ่อกแซ่ก!!
โพสเมื่อ: Sun Oct 18, 2015 5:32 pm
[RE: มารู้จักเกเกนเพรสซิ่ง Welcoming Gegenpressing - Tactictimes Special]
อะไรก็ได้ ขอให้มันมีทรงสักทรง
เข้าร่วม: 21 Sep 2013
ตอบ: 4198
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Oct 18, 2015 5:38 pm
[RE: มารู้จักเกเกนเพรสซิ่ง Welcoming Gegenpressing - Tactictimes Special]
boy1000 พิมพ์ว่า:
Spoil
Famelaini พิมพ์ว่า:
ผมเพิ่งเห็น ว่า จขกท เป็นแฟนแมนยู 5555

อุตส่าห์คอมเม้นท์ดิสเครดิตเต็มที่ โทษๆๆๆครับ


แต่เอาจริงๆมันเป็นเพรสซิ่งที่มีเอกลักษณ์ดีเหมือนกันนะ

เพราะมันไม่ใช่การเพรสซิ่งเมื่อฝ่ายตรงข้ามครองบอล
แต่มันเป็นการเพรสซิ่งเมื่อสูญเสียบอล

80%ของทีมในพรีเมียร์ลีก เมื่อทำเกมบุก แล้วเกิดเสียบอลในแดนคู่ต่อสู้
สิ่งที่เรามักจะเห็นกันประจำ คือ ทั้ง10คนวิ่งหน้าตั้งลงไปคุมโซน และมีกองกลางคอยตัดจังหวะทำฟาร์มเพื่อป้องกันการสวนกลับ

แต่เพรสซิ่งตามที่ จขกท.ว่ามา คือ
เสียบอลแล้ว ก็วิ่งไล่บอลต่อ วิ่งไล่กันสามสี่คนในพื้นที่แคบๆตรงนั้น
ไม่ให้ขึ้นเกมสวนกลับได้ง่าย

แต่คิดว่าถ้าเจอพวกทีมที่เน้นอุดซึ่งมักเอากองหน้าห้อยไว้ตัวนึง อันตรายเหมือนกันนะ
ถ้าโต้กลับด้วยการสาดยาวทีเดียว แล้วนักเตะลิเวอร์พูลจะเคาท์เตอร์เพรสซิ่งกันยังไง?

แล้วทีมแบบนี้ในพรีเมียร์ลีกก็มีเยอะซะด้วยซิ

ลองดูจังหวะนี้ นี่คือตัวอย่างของการเอาตัวรอดและใช้ประโยนชน์จากJJ.Pressing

ดอร์ทมุนทำเกมบุกเข้าไปในแดนบาร์เยิร์น


หลังจากนั้นบาร์เยิร์นตัดบอลได้
ัจังหวะนี้แหละ ที่ดอร์ทมุนจะต้องทำ JJ.Pressingอะไรนั่น
ผู้เล่นดอร์ทมุนยืนล้อมเอาไว้ และพร้อมวิ่งเข้าบีบ



แต่เมื่อรู้ไส้รู้พุงกันดี ชไวนี่ไม่คิดไรมาก พาบอลออกจากพื้นที่นั้นทันที
ด้วยการส่งบอลคืนหลังไปให้นอยเอร์


แล้วเปิดเกมสวนกลับทันที จนนำมาซึ่งการเสียประตู พื้นที่ตรงกลางเปิด
เพราะมัวไปเพรสซิ่งกันในแดนคู่แข่งกันหมด





เพราะฉะนั้น ควรรีบๆกอบโกยคะแนนช่วงแรกๆให้ได้ ไม่งั้นคู่แข่งเริ่มจับทางบอลได้
จากจุดแข็ง มันจะกลายเป็นจุดอ่อนได้ง่ายๆ


ปล.ผมแค่Search ยูทูปมั่วๆ เพราะไม่ค่อยได้ดูบุนเดส
ไม่คิดว่าจะเจอกรณีศึกษาได้ในทันทีที่เซิร์ช
แสดงว่า เคสแบบนี้มันเกิดขึ้นบ่อยอยู่นะ บางทีที่เห็นช่วงหลังๆฟอร์มดร๊อปอาจจะเพราะเหตุนี้ก็ได้  

 


ไม่แน่ใจว่านัดที่ท่านยกตัวอย่างนี้นัดไหนนะครับ แต่คิดว่าน่าจะเป็นบาเยินยุคปู่จุ๊บ อยากบอกว่าบาเยินยุคปู่จุ๊บนี้ละ เหยื่อแผนนี้อย่างดีเลย บาเยินแพ้ทางดอร์ทมุนมาก ช่วงที่แย่งแชมจากบาเยินได้ก็คือชนะบาเยินตลอด ชนะบาเยินติดต่อกันหลายเกมเลย จนมาเจอปู่จุ๊บแก้ทางได้เอาตอนปีสุดท้ายก่อนแกจะวางมือ ที่แกแก้แผนมาเล่นเพรสซิ่งแบบนี้เหมือนดอร์ทมุน จนคล็อปงอนต้องบอกว่าบาเยินเลียนแบบเลยทีเดียว

ส่วนเรื่องการแก้ทางโดยการโยนยาวแทนที่จะต่อบอลเพราะเจอแผนนี้ไล่บีบเห็นได้ปกติครับ แต่ส่วนใหญ่โยนมาก็จะเสียนะ เพราะมีฮุมเมล กับ ซูโบติส คอยเก็บลูกกลางอากาศอยู่ 2 ตัวนี้เล่นลูกกลางอากาศได้ดีมากครับ หลายๆนัดนี้เรียกว่าเก็บเรียบเลยทีเดียว ไม่แพ้ลูกโหม่งสักครั้ง แต่ก็อย่างว่าต้องมีพลาดบ้างอยู่แล้ว ที่เห็นชัดๆก็นัดเจอบาเยินล่าสุดที่โดนยำไป 5 ลูกนั้นละ ลูก 1 กับ ลูก 3 โยนยาวจากบัวเต็งมาและฮุมเมลเก็บบอลกลางอากาศไม่ได้ หลุดตำแหน่ง เลวาน กับ มุลเลอร์ เลยหลุดเดี่ยวไปส่องคนละลูก ก็ซวยไป

แต่จริงๆลูกที่เสียประตูบ่อยๆของดอร์ทมุนส่วนใหญ่จะมาจากการดันบุกไปหมดทั้งทีม และต่อบอลพลาดเจอเขาสวนมามากกว่าครับ แบบเขาตัดบอลได้ปุ๊บก็สวนมาเลย ดอร์ทมุนไม่ทันได้เพรสซิ่ง เจอสวนตอนหลุดตำแหน่งไปหมดแล้ว ส่วนใหญ่จะเสียประตูแบบนี้มากกว่า ถ้าเจอบีบและโยนยาวมานี้ไม่ค่อยเสียครับ ฮุมเมลเก็บเรียบ ถึงฟอร์มตอนนี้จะตก ช้า แต่ลูกโหม่งยังไว้ใจแกได้อยู่  


นัดชิงUCL ปี2013ครับ
ขอบคุณสำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลนะครับ

ถ้าตามย่อหน้าสุดท้ายของท่าน
แสดงว่า คล๊อปปิดจุดอ่อนนี้ด้วยแผงหลังอย่างฮุมเมล

ส่วนหงส์ตอนนี้ จะปิดจุดอ่อนนี้ได้หรือไม่ คงต้องรอดูกันต่อไปครับ
บางทีสเคอเทลอาจจะทำได้ดีเหมือนฮุมเมลก็ได้นะ ^ ^



เข้าร่วม: 29 Sep 2009
ตอบ: 19212
ที่อยู่: Anfield Road. & Miyoung Heart & Korean Idol Republic
โพสเมื่อ: Sun Oct 18, 2015 6:05 pm
[RE: มารู้จักเกเกนเพรสซิ่ง Welcoming Gegenpressing - Tactictimes Special]
เขียนได้ดีจิงๆ อาจจะยาวไปหน่อยแต่เห็นภาพ และรายละเอียดชัดเจน..

ขอเวลาให้คล็อปป์ป้อนสิ่งเหล่านี้ลงไป ให้ซึมซับเข้าสู่ DNA สัก 2 ปีผมว่าน่าจะ

ได้ดูหงส์ที่เล่นกันมันส์และมีลุ้นมากขึ้นจิงๆ
0
0
#Klopp For The kop!! #ติ่งแลนด์ ดินแดนสาวเกาหลี - Korean Idol Republic
เข้าร่วม: 29 Sep 2009
ตอบ: 19212
ที่อยู่: Anfield Road. & Miyoung Heart & Korean Idol Republic
โพสเมื่อ: Sun Oct 18, 2015 6:08 pm
[RE: มารู้จักเกเกนเพรสซิ่ง Welcoming Gegenpressing - Tactictimes Special]
boy1000 พิมพ์ว่า:
ไซ มึ้ง ซวย เสาะ พิมพ์ว่า:
- ถ้าเพรสซิ่งแบบหงส์เมื่อคืนได้บอลแล้วก็เสียแล้วก็วิ่ง เหนื่อยตาย
- บาซ่า บาเยิน เพรสซิ่งเหมือนกัน แต่ได้บอลแล้วครองบอลได้ นักเตะไม่เหนื่อยล้าเกินไป  


หงส์เมื่อคืนกองหน้าอย่างโอริกี้กากไปครับ รอเบนเทเก้ หริด เฟียร์มิโน่กลับมา ผมเชื่อว่าเก็บบอล ครองบอลได้อยู่อ่ะ  


อันนี้มันแน่นอนอยู่แล้ว โอริกิ เวลไม่ถึงจิงๆ ต้องเข้าป่าไปฟาร์มก่อน..

ทำไรใครเค้าไม่ได้เลย.. เหมือนจะเร็ว คล้ายจะคล่อง แต่ก้อไม่ชัดสักอย่าง

ซื้อมาได้ไงวะ
0
0
#Klopp For The kop!! #ติ่งแลนด์ ดินแดนสาวเกาหลี - Korean Idol Republic
เข้าร่วม: 26 Nov 2009
ตอบ: 2321
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Oct 18, 2015 6:11 pm
[RE: มารู้จักเกเกนเพรสซิ่ง Welcoming Gegenpressing - Tactictimes Special]
จะเล่นแผนนี้ ต้อง ปรึกษาโงกุนเปิดฟามถั่วเซียนซะมั้ง
0
0
เชียร์ผีแต่เกิด
เข้าร่วม: 30 Oct 2014
ตอบ: 3409
ที่อยู่: ในใจคุณ
โพสเมื่อ: Sun Oct 18, 2015 7:59 pm
[RE: มารู้จักเกเกนเพรสซิ่ง Welcoming Gegenpressing - Tactictimes Special]
คำถาม นักเตะจะไหวไหม
ไม่มีเบรคหนีหนาว บอลถ้วยมี สองใบ
คาลิ่ง fa คือมีทั้งฤดูกาล
0
0

เข้าร่วม: 01 Apr 2008
ตอบ: 9465
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Oct 18, 2015 10:26 pm
[RE: มารู้จักเกเกนเพรสซิ่ง Welcoming Gegenpressing - Tactictimes Special]
โค้ชเก่งจริงๆนะแผนนี้ ทำให้สนามไม่เหลือพื้นที่ได้ จริงๆไม่ต้องทำได้บ่อยหรอก กดดันซักนิดนึงก็ส่งผลในทางจิตวิทยาแล้วว่า ทำไมเราส่งไปแแล้วไม่ได้เล่นง่ายๆเลย แล้วอีกทีมจะไม่กล้าเล่นไปเอง
0
0
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 94
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Oct 19, 2015 8:11 am
[RE: มารู้จักเกเกนเพรสซิ่ง Welcoming Gegenpressing - Tactictimes Special]
คงต้องใช้เวลานานพอสมควร กลัวจะมีปัญหาช่วงเตะติดต่อกันหลายนัด
0
0
เข้าร่วม: 18 Sep 2008
ตอบ: 859
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Oct 19, 2015 12:41 pm
[RE: มารู้จักเกเกนเพรสซิ่ง Welcoming Gegenpressing - Tactictimes Special]

ยกเว้นหริด ตัวเดียว ให้ยืนรอ ยิงอย่างเดียวพอ

เดี๋ยวมันเจ็บอีก
0
0
Let's put a smile on that face!
เข้าร่วม: 07 Oct 2010
ตอบ: 2820
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Nov 06, 2015 10:07 pm
[RE: มารู้จักเกเกนเพรสซิ่ง Welcoming Gegenpressing - Tactictimes Special]
แล้วรูปเกมของร็อจเจอ ที่คุมมา สามสี่ปี เป็นรูปแบบไหนครับ
0
0