ทันทีที่โรเบิร์ต แมดลีย์พ่นนกหวีดยาวสุดเสียงเมื่อค่ำคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา บรรดาแฟนเชลซีในสนามแสตมฟอร์ด บริดจ์ก็พร้อมใจกันส่งเสียงโห่ออกมาอย่างไม่ได้นัดหมาย เมื่อเห็นทีมรักพ่ายคาบ้านให้กับเซาท์แธมป์ตันไปถึง 3-1

ใครจะไปคาดคิดว่าลูกทีมของโจเซ่ มูริญโญ่ที่เพิ่งจะคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีกด้วยสถิติที่สวยหรูสุดแกร่งไปเมื่อฤดูกาลที่แล้ว จะเจอความปราชัยเป็นเกมที่ 4 ในลีก ทั้งที่เพิ่งจะแข่งกันไปเพียง 8 นัดเท่านั้น ตอนนี้อย่าว่าแต่ป้องกันแชมป์เลย อนาคตของตัวกุนซือชาวโปรตุกีสเองจะออกหน้าไหนก็ยังไม่มีใครรู้

นับตั้งแต่สถาปนาตัวเองขึ้นมาเป็นยอดกุนซือระดับแนวหน้าของวงการลูกหนังด้วยการพาปอร์โต้คว้าถ้วยยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ ลีกในฤดูกาล 2003-04 มูริญโญ่ก็ไม่เคยหยุดที่จะพาทีมที่อยู่ภายใต้การวางแผนของตนเองเข้าไปชนความสำเร็จเลย โทรฟี่ย์มากมายในทุกรายการตลอดการคุมทีมเชลซี(ครั้งแรก), อินเตอร์ มิลานและเรอัล มาดริดคือเครื่องการันตีความสำเร็จและฝีไม้ลายมือของเขาได้เป็นอย่างดีว่าอยู่ในระดับใด

แต่กับฤดูกาลนี้ สองเดือนที่ผ่านมานี้ มันแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ….

ภาพที่เราคุ้นตาสำหรับมูริญโญ่กับเชลซีนั้นมักจะเป็นความแข็งแกร่งในแนวรับ ดุดันในแนวรุก ชั้นเชิงการเล่นที่มีแบบแผนและหวังผลถึงชัยชนะได้เสมอ แต่สำหรับฤดูกาลนี้ พวกเขาทำไป 12 ประตู นั่นอาจจะไม่ได้ดูเลวร้ายนัก แต่เมื่อหันไปมองที่จำนวนการเสียประตูถึง 17 ลูกจาก 8 เกมแล้วนั้น นี่คือฝันร้ายสำหรับแฟนบอล “สิงห์ไฮโซ” อย่างที่สุด

แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ภาพที่คุ้นตาของมูริญโญ่กับทีมที่เขาคุมเองกับมือ เพราะเมื่อเกิดปัญหาขึ้นมันมักจะได้รับการแก้ไขโดยทันท่วงที แต่ดูเหมือนว่าปีนี้ของเชลซี ปัญหาอาจจะมากกว่าที่มูริญโญ่คาดคิดเอาไว้ ไม่ว่าจะทั้งในหรือว่านอกสนาม

ไล่เรียงมาตั้งแต่ตำแหน่งผู้รักษาประตู ติโบว์ คูร์กตัวส์มีอาการบาดเจ็บต้องพักรักษาตัวยาว ทำให้แอสเมียร์ เบโกวิชได้ลงทำหน้าที่แทนและก็เหมือนกับผู้รักษาประตูตัวสำรองทั่วไปที่แม้จะมีฝีมือดี แต่ความไว้วางใจยังไม่ถึงขั้นและทำให้เพื่อนวางใจไม่ได้สักเท่าไหร่ โดยก่อนหน้านี้เพิ่งจะปล่อยตัวปีเตอร์ เช็คไปให้กับอาร์เซนอล

ต่อมาที่แนวรับซึ่งเคยแกร่งดั่งหินผาอย่างจอห์น เทอร์รี่ถูกอายุอานามที่มากขึ้นลักพาเอาฟอร์มในสนามของเขาไป ขณะที่คู่ขาอย่างแกรี่ เคฮิลล์ก็หลุดฟอร์มไปดื้อๆ ทำให้ศูนย์กลางในแนวรับของเชลซีกลายเป็นรูโหว่ที่ยากจะปิดทับหรือซ่อนไม่ให้เห็นจากสายตาที่จ้องจะเข้าทะลวงอยู่แล้วของคู่แข่ง

แต่คนที่แย่ที่สุดคงหนีไม่พ้นบรานิสลาฟ อีวาโนวิชแบ็คจอมแกร่งของทีมที่เล่นด้วยฟอร์มสม่ำเสมอไม่เคยหลุดมาตลอดนับตั้งแต่ย้ายมาค้าแข้งในพรีเมียร์ ลีก แต่ปีนี้เขากลับกลายเป็นบ่อน้ำมันชั้นเลิศให้บรรดาคู่แข่งได้เจาะเข้าทำอยู่ตลอด เรียกได้เลยว่าไม่มีเกมไหนในซีซั่นนี้ที่เจ้าของฉายา “โปรโขก” ไม่โดนคู่แข่งพาทัวร์

แดนกลางเองก็ไม่ต่างกันมากนัก โดยเฉพาะในรายของเชสก์ ฟาเบรกัสและเอด็องน์ อาซาร์ที่เป็นเหมือนหัวใจในการทำเกมรุกของ “สิงห์ไฮโซ” จู่ๆก็นัดกันฟอร์มวูบ ฟาเบรกัสทำเกมไม่ได้ ลูกแอสซิสต์ที่เคยกระฉูดแตกเมื่อซีซั่นก่อนแทบไม่มีให้เห็น ส่วนอาซาร์ก็พึ่งไม่ไหวเสมือนเป็นคนละคนกับนักเตะที่เคยได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของลีกอังกฤษเมื่อปีที่แล้ว

แดนหน้าตัวหลักอย่างดิเอโก้ คอสต้าไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ทุกคนคาดหวัง ซ้ำเจ้าตัวยังออกลูกเกเรแบบไม่หยุด จนสุดท้ายทำให้ถูกแบน 3 เกมจากความวุ่นวายในเกมกับอาร์เซนอล ทีมโดนผลกระทบไปเต็มเม็ด ด้านเปโดรก็ต้องให้เวลาปรับตัวอีกหน่อยกับสปีดของบอลในลีกผู้ดี

ส่วนราดาเมล ฟัลเกาจนถึงตอนนี้น่าจะมีแฟนบอล “สิงห์ไฮโซ” หลายคนตั้งคำถามว่าทำไมมูริญโญ่ถึงกล้าดึงตัวเขามาร่วมทีม ทั้งที่ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

นี่ยังไม่รับรวมปัญหานอกสนามกับทีมแพทย์ของมูริญโญ่เองจนถึงขั้นเกือบขึ้นโรงขึ้นศาลกันมาแล้วด้วย

เรียกได้ว่ามูริญโญ่มีปัญหารอบด้านให้ขบคิดเพื่อปูทางไปสู่การแก้ไข ซึ่งส่วนหนึ่งมันก็อาจจะมาจากความนอนใจของเขาในช่วงซัมเมอร์ที่ไม่ได้ขยับปรับเสริมทัพอย่างจริงจัง ด้วยความไว้ใจในขุมกำลังที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแนวรับที่มีหลักฐานให้ทุกคนเห็นอย่างชัดเจนถึงความ “เสื่อมถอย” มากแค่ไหนในซีซั่นนี้

นอกจากแนวรับที่อ่อนยวบลงไปชัดเจนแล้ว สิ่งที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายของเขาก็คือนักเตะในตำแหน่งอื่นไม่สามารถผลิตฟอร์มของตัวเองออกมาได้อย่างเต็มที่ นี่จึงไม่ใช่เรื่องปกติและมันคือหน้าที่ความรับผิดชอบของตัวกุนซือที่จะกระตุ้นและเค้นฟอร์มการเล่นของนักเตะในทีมออกมาให้ได้

หลังเกมพ่าย “นักบุญ” คาบ้าน มูริญโญ่ให้สัมภาษณ์ว่าเขาจะไม่มีทางไขก๊อกลาออกจากตำแหน่งเด็ดขาด แม้ว่านี่จะเป็นการออกสตาร์ทฤดูกาลที่ย่ำแย่ที่สุดของเชลซีในรอบ 35 ปี เพราะเจ้าตัวยืนยันว่าเขาคือกุนซือที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร จนหลายคนมองว่านี่เป็นการท้าทายอำนาจการตัดสินใจของโรมัน อับราโมวิชเจ้าของสโมสรที่ขึ้นชื่อลือชาอยู่แล้วเรื่องความต้องการในความสำเร็จที่ไม่ต้องการเวลานานสักเท่าไหร่

แต่ลึกๆแล้วเชื่อว่าแท้จริงมูริญโญ่ไม่ได้ต้องการพูดแบบนั้นเพื่อที่จะท้าทายหรืออวดอ้างความสามารถของตนเองแก่ใคร เพราะสถิติและสิ่งที่เขาทำมาเป็นตัวบอกแทนอยู่แล้ว แต่เขาน่าจะเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ว่าตนเองจะสามารถพาทีมก้าวผ่านข้ามวิกฤติใหญ่ที่สุดในชีวิตการคุมทีมครั้งนี้ไปได้ ด้วยคาแร็คเตอร์และสปิริตที่เขามักจะใส่ลงไปให้กับทีมอยู่เสมอ

และก็เชื่อว่าแฟนบอลส่วนใหญ่ของเชลซีก็ยังคงศรัทธาและเชื่อมั่นว่ากุนซือชาวโปรตุกีสจะพาทีมกลับมาสู่จุดที่พวกเขาควรอยู่และคุ้นเคยได้ในที่สุด

นี่อาจจะเป็นแค่ช่วงนึงของอาชีพการทำงานที่ไม่ว่ากุนซือระดับโลกคนใดก็ต้องเจอ เมื่อรูปแบบความคิดอิ่มตัวและเส้นทางที่เคยก้าวเดินอย่างสบายเริ่มตีบตัน เขาพวกมักจะพบเจอหนทางใหม่ที่จะกลับมาสู่ความสำเร็จอยู่เสมอ

เพียงแต่มูริญโญ่ต้องรีบมองหาจุดบอดในทีมหรือแม้กระทั่งในตัวเขาเองและแก้ไขมันให้เร็วที่สุดอย่างที่เขามั่นใจว่าจะทำได้ ก่อนที่มันจะสายเกินไป

เพราะไม่อย่างนั้นการที่ต้องเห็นยอดกุนซือระดับเขาถูกปลดออกจากตำแหน่งด้วยสถิติการเล่นที่ย่ำแย่เกินจะพรรณนานั้น

นอกจากตัวมูริญโญ่เองแล้ว มันก็จะคงเป็นประสบการณ์แปลกใหม่และไม่ใช่สถานการณ์ที่คุ้นเคยสำหรับใครในวงการฟุตบอลทั้งนั้นนั่นแหละครับ …



------------------------------------------




ปล.กลับมาจับงานคอลัมน์อีกครั้งนะครับ ทนกระแสฟอร์มที่เปลี่ยนไปของเชลซีไม่ไหวจริงๆเลยต้องขอมีส่วนร่วมบ้าง ยังไงก็เอาใจช่วยให้กลับมาคืนฟอร์มได้ไวๆละกันนะครับ ส่วนบทความติชมได้เช่นเดิมครับ ขอบคุณครับ

ss ลงข่าวครบแล้วหรือยัง

มีช่วงนึงข่าวมาเที่ยวเต็มเวปไปหมด รวมถึงบอลนอก
แต่ตอนนี้ หันไปไหนก็มีแต่ มูรินโย่

แนะนำให้มูทำความรู้จักกับตัวเองเยอะๆ

หยุดระรานชาวบ้าน แล้วตั้งใจทำงานเถอะ

แต่สถานะการณ์นี้แฟนหงส์คุ้นเคยจนชิน

ส่วนตัวปลงแล้วล่ะครับตั้งแต่เห็นอิวาโนวิชในรายชื่อ11ตัวจริง ทั้งๆที่ตลอดทั้งสัปดาห์ที่แพ้ปอร์โต้ก็มีแต่ข่าววิพากษ์วิจารณ์ฟอร์มการเล่นอิวาโนวิชมาตลอด แต่ก็ยังจับลง


เคยพิมพ์ไว้ตั้งแต่นัดเจอกับแมนซิว่าถ้ายังฝืนใช้อิวาโนวิชอยู่ก็ต้องทำใจกันไป แล้วมันก็จริง ....
(ฟอร์มตั้งแต่เปิดฤดูกาลจนถึงตอนนี้ไม่ดีขึ้นเลย)




แต่เขียนได้ดีเลยครับ วิจารณ์สรุปเป็นประเด็นง่ายดี

แอบสะใจเล็กๆนะ

ถ้าจะเจ๋งไปอีกขั้น คือ...คุณต้องผ่านช่วงเวลาวิกฤตได้ หลายๆครั้งมูริญโญ่ก็ยังไม่ได้พิสูจน์ เพราะที่ผ่านๆมาแกจะเข้ามาและย้ายออกไปได้ค่อนข้างถูกจังหวะ

ลองดูซักครั้งนะมู อยากรู้ว่าจะสมฉายา Special One ที่ตั้งให้ตัวเองไม๊???

ผมไม่อยากให้ไล่แกนะ อยากดูว่าแกเจ๋งจริงๆป่าว (อันนี้พูดจริงๆ)

in xmourunho i trust

อันแรกอาจจะทำได้

แต่อันหลังทำไม่ได้แน่นอน



จะว่าผมแขวะก็ได้ แต่คาแรคเตอร์แกมาอย่างนั้นตั้งนาน ซึ่งผลงานดี ก็ไม่มีใครมาว่ากลับได้ แต่พอผลงานดิ่งลง ก็ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูทั่วศารทิศที่รอวันแก้แค้นอยู่

แต่ผมเชื่อว่าไม่นานเดี๋ยวป๋าผมต้องออกมาให้กำลังใจแน่นอน

เขาเรียกว่าทำตัวเองครับ

ฟอร์มแนวรับมันดิ่งเหวตั้งแต่นัดท้ายฤดูกาลที่แล้ว ตลาดเปิดก็เฉย ตลาดใกล้ปิดก็แทบไม่กระดิก ทีนี้เป็นไงล่ะมู โทษตัวเองเพียวๆเลย แทนที่จะเอาเวลากัดเวงเกอร์มาโดดเข้าตลาดซื้อขายดันไม่ทำ หรือทำแล้วยังไม่มากพอ

กองหน้าน่ะหนึ่ง รุกทำเกม ตัดเกม แนวรับต้องเสริมยกแผงได้แล้ว

สลับทีมกับรอดเจอร์มั้ย

แฟนบอลเค้าเกลียดที่ น้าแกอุ้มนักเตะที่ฟอรมตก มากเกิน แล้วชอบดองนักเตะสำรอง
เพื่ออะไร มันหลายๆจุดที่แก ทัศนคิติเปลี่ยนไป การยืมตัวยอดแย่ อย่างฟัลเกาด้วย
งกเงิน ทั้งที่เงินมีเยอะแยะ คำพูดแกก็ดูสวนทางกับการกระทำ มองไม่เห้นจุดพลาดของ
ของตัวเอง คุณเป้นผู้จัดการทีม คุณต้องนึกถึงสโมสรและแฟนบอลให้มาก ไม่ใช่ไปอุ้มนักเตะที่ ทำทีมแพ้ เวลาแพ้ขนาดนี้แกก็ยังไม่ยอมหยุดพูด ถ้าชนะไม่ว่ากัน หลายสิ่งหลายอย่าง
ที่สำคัฯคือ ความคิดขอแกที่แสดงออกมามันทำให้ คนอื่นกลัวและระแวง

เทอรี่ไม่ไหวละมั้ง รูปนี้เห็นๆเลยว่าไขมันเยอะเกินไปละ

ผมไม่รู้ว่า น้ามู จะดึงดัน อิวา ไปถึงใหน ผมบอกเลยว่า ถ้าในรายชื่อ 11 ตัวจริง มีชื่อ อิวา


ปิดทีวีทันที หรือ เปลียนช่องไปดูคู่อื่นดีกว่า ทุกทีมเขารู้ว่าจะบุกทางไหน แต่ น้ามู ไม่รู้ ??


จะอวดเก่งได้นานแค่ไหน ผมก็อยากเห็น ว่าโรมัน จะทนได้ซักกี่อาทิตย์ อยากให้แพ้ติดๆ


อีกซัก 2 นัด โดยส่ง อิวา ลง ทั้ง 2 นัด แล้ว ไล่ออกสโมสรไปพร้อมกับ ลูกรักเลยยิ่งดี

In Mourinho We trust ถึง น้ามูจะปากไม่ดี แต่ผมเชื่อว่านี่แค่เป็นอาการเสียสูญชั่วคราว ขนาดป๋าเฟอร์กี้คุมทีมอย่างยิ่งใหญ่มากี่ปี ผีแดงก้อเคยมีอาการแบบนี้เหมือนกัน ยังเชื่อมั่นว่าทีมจะกลับมาได้ แต่ไม่รู้ว่าเสี่ยหมีจะให้เวลาแค่ไหนเท่านั้นเอง แล้วก้อถึงทีมเกมรับจะเละเทะมากกก แต่ก้อยังอยากให้อิวาลงเล่นอยู่ถึงแม้ว่าควรจะมีเด็กใหม่มาแทรกบ้างแล้วก้อตาม

เป็นบทความที่ดีมากครัช

ส่วนตัวผมมองตั้งแต่น่อลชนะนัดก่อนเปิดฤดูกาลละว่า เขาควรพักนักเตะคีย์แมน แถมแฟนก็ออกตัวกันดีว่าเดินทางเหนื่อย

ผมไม่มองแค่อิวาหรอก ต่อให้มันเหนียว มิดฟิลกับเซ็นเตอร์ก็โดนตำหนิพอกันนั้นละ
แกควรแบคทูเบสิกครับ ดันเด็กให้มากหน่อย
เห็นๆว่าแข้งเก่งแบกทีมไม่ไหว แข้งใหม่สร้างสีสันแทบไม่ได้

ใครที่เป็นจอมทัพ บอกตรงๆครับ เขาคือวิลเลี่ยน และผมไม่เห็นกระแสอวยเขาด้วยซ้ำ
และคิดว่ามูรินโย่ดูไปจำกัดแนวทางการเล่นของมันลงด้วยนะ
ถ้าเถียงจุดนี้ ก็เหมือนมาต้านั้นละครับ

จุดนึงที่มีผลต่อสปิริตทีมคือ เรื่องหมอเอวา เชื่อว่าแม้แต่ในเชลชีเองก็ยังไม่เห็นด้วยกับมุ

#SaveMorinho!

เรื่องแบบนี้มันเกิดได้กับทุกคนแหละครับ
ไม่มีใครที่แข็งแกร่งตลอด,แผนดีเยียมตลอด,ขายของดีตลอด,กินข้าวมันได้ได้ตลอด,ขับรถเลนขวาตลอด,โดนด่าตลอด บลาๆๆๆๆ

ทั้งหมดที่บอกมา บางคนบอกอุ้ม อิวา เชส เทอรี่ บลาๆ อาซา อย่าลืมว่าการเปลี่ยนทีมทั้งทีมไม่ง่ายนะครับที่ผ่านมา เคนนาดี้ รอบตั้น-ชีค ซูม่า ลงนัดแรกดีๆๆๆ พอตัวจริงนัด 2 ก็ดรอปลง คือทุกสิ่งไม่ง่ายเเหมือนที่เราคิดไว้นะครับ

ผมเชียร์เซลซีมาไม่นานมากเท่าไหร่นะครับ เริ่มชอบจริงยุคปลายๆ โซล่า ฮัสเซลแบงค์ สตานิค เปอร์ติ แกรมโลโซ(ชอบมากเพราะเล่นตำแหน่งเดียวกัน) เดอซายี่ บรอสนิค บลาๆๆ เห็นการเปลี่ยนแปลงเยอะมากในทีม แต่ก่อนในลีคไม่เชียร์หรอกติด 1-4 อยู่แล้วในยุคของ รานิเอรี่ เชียร์บอลถ้วยเอา ฮ่าๆๆๆๆ

สุดท้าย ผมมองว่าหาก มูรินโย่กว่าผ่านจุดนี้ไปได้เขาจะกลายเป็น ผจก.ที่ดี่ที่สุดจริงๆ ที่ผ่านมาด้านความสำรวจไม่มีใครเถียงเลย แต่การพาทีมก้าวผ่านจุดนี้ให้ได้ถือว่าเขาคือของจริงครับ เชียร์เสมอครับ #CFC

ผมคนนึงอยากเห็น มูรินโญ่เป็นเหมือนป๋า เวนเก้อ ได้ทำทีมยาวๆ อยากเห็นการแก้เกมหลังจากทีมตอนนี้ย่ำแย่เหลือเกิน ฤดูกาลนี้ให้ทั้งฤดูกาลไปเลย