หากว่าการรอคอยดูฟุตบอลโลก หรือ ยูโรที่ว่านานแล้ว การได้ดูลิเวอร์พูล อดีตทีมเคยบินสูงไปแข่งถ้วยใบโตของยุโรปกลับนานยิ่งกว่า ลิเวอร์พูลไปยูฟ่า แชมป์เปี้ยน ลีกส์ครั้งสุดท้ายเมื่อครั้น ราฟาเอล เบนิเตซ คุมทีมอยู่ ซึ่งกว่าจะกลับไปได้นั้นช่างทุลักทุเลเสียนี่กระไร เมื่อทีมปลดนายใหญ่มาดบ๋อยออกจากทีม หงส์แดงต้องเปลี่ยนผู้จัดดการทีมถึงสามคนกว่าจะสามารถกลับไปสู่เส้นทางของถ้วยใบโต

ปฎิเสธไม่ได้ว่าปีที่แล้วเป็นปีที่เด็กหงส์เริงร่า ประหนึ่งออกมาจากรูที่พวกเขาไปหมกซ่อนตัวอย่างยาวนาน พร้อมด้วยความแค้นฝังใจที่โดนเหล่าเด็กผี เด็กปืน เด็กสิงห์ข่มเหงต่างๆนาๆ โดยคนที่ได้รับเครดิตนี้ไปเต็มๆคือ เบรเด็น ร็อดเจอร์ ที่ถูกเหล่าสาวกหงส์บูชาเยี่ยงพระเจ้า ถึงขนาดมีแฟนหงส์บางท่านนำไปเปรียบกับเซอร์อเล็ก เฟอร์กูสัน มหาตำนานบรมกุนซือที่ยังมีชีวิตอยู่




แต่ฤดูกาลนี้บีร็อดก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าทีมของเขาเป็น ONE MAN TEAM ของจริง ปีที่แล้วเพราะได้หลุยส์ ซัวเรซ จึงทำให้ทีมพุ่งแรงแซงทางโค้ง อีกทั้งบีร็อดนั้นเป็นคนที่ไม่ได้เรื่องเลยในเรื่องการซื้อขายผู้เล่น ซื้อนักเตะไม่เข้ากับระบบเหมือนที่กุนซือคนอื่นเขาทำกัน อาทิ โรนัลด์ คูมัน หรือ โจเซ่ มูริญโญ่ ทำเลยแม้แต่น้อย จึงไม่แปลกที่เราจะได้เห็นลิเวอร์พูลฟอร์มรูดในฤดูกาลนี้

ด้วยเหตุผลประกอบที่ได้เกริ่นมาจนถึงบัดนี้ส่งผลให้การคืนสู่เหย้าบวกกับการได้ล้อผีแดงที่ได้แต่เตะในประเทศ นั้นกร่อยลงไปทันที เพราะทีมของพวกเขาก็ไม่สามารถผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้ พูดถึงเรื่องเข้ารอบแล้ว ผมล่ะนึกถึงเดวิด มอยส์ กุนซือผู้ถูกเหล่าแฟนหงส์ให้สมญานามว่า "อัจฉริยะ" ยังสามารถพาทีมเข้ารอบได้ แถมยังโกงความตายนัดโอลิมเปียกอส ไหนจะการที่สามารถประมือกับบาร์เยิน มิวนิคได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ เรียกได้ว่า "ว่าแต่เขา แต่เราทำไม่ได้" พอพิมพ์สำนวนนี้เข้าไปทำเอาผมนึกถึงเรื่องที่บีร็อดทำเบ่งใส่ฟาล กัล ว่าเป็นมือใหม่ ไหนจะเรื่องที่ติงสเปอร์เรื่องใช้เงิน มันค่อยๆกลับมาทิ่มแทงตัวบีร็อดเรื่อยๆ

ซึ่งหากเราดูจากตารางมีเพียงเรอัล มาดริคเท่านั้นที่มีชื่อเสียงเป็นต่อลิเวอร์พลู นอกนั้นทั้งบาเซิล และ ลูโดโกเร็ตส์ ราซกราด ต่างเป็นทีมรองบ่อนเมื่อเทียบชื่อกับอดีตแชมป์ยุโรป 5 สมัย แต่่ไฉนหงส์แดงทำได้แค่ที่ 3 ? จะบอกว่าเสียซัวเรซไปอย่างเดียวคงไม่ใช่ เพราะเงินที่ได้มาผู้จัดการทีมต้องหาคนมาแทนที่ได้ หรือมันจะบ่งบอกว่าผู้จัดการทีมและทีมชุดนี้ไม่ดีพอกันแน่



เปรียบเสมือนดู Trailer หนังที่แสนหน้าตื่นเต้น ทั้งที่อุตส่ารอคอยมาห้าปี พอไปดูในโรงจริงกลับเป็นหนังห่วยๆ เกรด B- ที่ไม่มีอะไรให้น่าจดจำเลย ซึ่งเหตุการณ์คืนสู่จอกลางสัปดาห์ของหงส์แดงคงมีเรื่องเดียวละครับที่ผมจะจำได้แม่นยำ คือการที่โคโล่ ตูเร่องค์ลงค์ปราบคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซะอยู่หมัด เพราะนอกนั้นแม่งไม่มีอะไรเลย

ไม่แปลกที่บีร็อดผู้ที่เคยยิ่งใหญ่ในฤดูกาลก่อนโดนไล่เป็นหมูเป็นหมา เพราะเจ้าตัวไม่อาจสนองความต้องการของแฟนบอลและทีมได้

ตอนนี้ที่ผมกำลังเขียนอยู่นี้ผมนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานเลยครับ ผมตื่นลงมาดื่มน้ำ เห็นพ่อผมนั่งบบ่นพึมพำ พึมพำ คล้ายโมโหอะไรมาอยู่ ตอนแรกผมนึกว่าทะเลาะกับแม่ผม แต่หากความจริงแล้วกลับตาละปัตรเสียนี่ พ่อผมบ่นเรื่องหงส์แดงครับ พ่อผมบอกว่า "กูรอมาห้าปี แต่แม่งเล่นได้ไม่ถึงห้าเดือนเสือกตกรอบ" ผมนี่ถึงกับมองหน้าแล้วยิ้มให้พ่อเลยครับ

สุดท้ายนี้หวังว่าหงส์แดงคงจะไม่ต้องใช้เวลาถึงห้าปีเพื่อกลับมาสู่ถนนเส้นนี้อีกนะครับ ผมเห็นใจพ่อผมที่นานทีจะได้รู้จักคำว่าแข่งกลางสัปดาห์

ปล.พ่อผมบอกกับผมว่า ไอตัวที่ซื้อมา 20 ล้านแม่งเล่นอย่างกับ 20 บาท สู้เอาดิยุฟ หรือเอ็นก็อก กลับมายังจะดีเสียกว่า อย่างน้อยถึงไม่มีประโยชน์แต่ก็ไม่สร้างภาระ

ครึ่งแรกนี่บอกเลย รอมา5ปี น่าจะรอไปซัก20ปี ค่อยกลับมา


ครึ่งหลังนี่ ซื้อ20ลป. มาทำให้เกมไหลขึ้นจริงๆ 10คน เลิกบ้าชัวร์ เอาบุกเต็มที่ แบบคุ้มค่าที่ดู ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

ยาวไปไม่อ่าน

ผมแฟนหงส์ แต่ไม่คิดแบบนี้เลย

ถามว่าทำไม ทั้งๆ ที่ผลงานไม่ดี ส่วนตัวผมแล้ว ผมไม่แปลกใจกับผลงานแต่อย่างใด แม้แต่นิดเดียว เพราะไม่ได้เหนือกว่าที่คาดไว้

สิ่งที่ผมคิดคือ BR ควรได้เวลาคุมทีมต่อไป จนถึงฤดูกาลหน้าอีกปี เป็นอย่างน้อย เป็นเวลาที่ส่วนตัวคิดว่าเหมาะสม และรู้สึกว่าเฮนรี่ก็เคยพูดออกมาทำนองนี้ตลอด เว้นแต่ว่า BR กับเฮนรี่จะทนแรงกดดันจากแฟนบอลไม่ไหวเอง

ถ้า BR จะพลาด ก็คงพลาดที่ดันไปทำทีมให้ดีเกินไป ในปีที่แล้ว

และช่วงก่อนเริ่มฤดูกาล ก็พลาดตรงที่ คิดว่าแฟนบอลจะเข้าใจ ว่านั่นเป็นเพียงผลงานเกินคาดเท่านั้น และถ้าปีนี้จะค่อยๆ ใช้เวลาสร้างทีมจากนักเตะใหม่ (ซึ่งแน่นอน จะมีช่วงกระท่อนกระแท่นช่วงนึงแน่นอน)

หากปีที่แล้วหงส์ได้เพียงอันดับ 4 ผมว่า BR คงไม่โดนยำเละขนาดนี้แน่

และจากปัญหานี้เอง BR ก็ได้ลิ้มรสความกดดันขนาดนี้เป็นครั้งแรก (น่าจะในชีวิต) เล่นเอาเป๋แทบเสียผู้เสียคน

ผมเคยเม้นท์หละครับ ว่า BR ต้องใช้เวลาปรับจูนอย่างน้อยก็ถึงปีใหม่ ซึ่งตอนนั้นผมหมายถึงเวลาในการปรับจูนจริงๆ แต่ดูเหมือน BR จะโดนความกดดันเล่นงานจนไม่เป็นตัวของตัวเองอย่างน้อยๆ ก็ 2 เดือนเต็ม

หากมกรานี้หงส์ทำผลงานได้ดี ถือว่าโชคดีมากๆ ส่วนตัวผมยังหวังว่าการเล่นรูปแบบเดิม (เหมือนปีที่แล้ว หรือครึ่งหลังกับบาเซิล) จะเริ่มปรากฏให้เห็นในช่วงท้ายฤดูกาลเป็นอย่างน้อย ก็ทำให้มั่นใจได้แล้ว ว่าระบบการเล่นจะไม่หายไปเหมือนปีนี้ เพราะจบปีนี้ ไม่มีทางที่หงส์จะซื้อตัวจำนวนมากๆ เหมือนปีนี้อีกแล้ว แต่จะเริ่มเน้นซื้อนักเตะฝีเท้าที่ช่วยยกระดับทีมจริงๆ แค่ไม่กี่ตัวแทน

ผมว่าควรดูไปจนจบฤดูกาลก่อนดีกว่านะ

คือมึงเปลี่ยนทัศนคติ ซื้อนักเตะเกรด A มาซัก 1-2 คน มาพยุงทีมได้เมื่อไหร่ มึงค่อยกลับมาเล่น CL นะ BR


กูล่ะเพลีย

ดิยุฟเนี้ยนะไม่สร้างภาระ

ไม่อยากจะพาดพิงบุพการีหรอกนะ แต่เคยดูจริงๆป่ะ ดิยุฟเนี้ยหรอไม่สร้างภาระ


ไอ้หมอเนี้ยจอมถุยน้ำลายจน โดนปรับ ไม่รู้กี่ที