ในหนัง star wars ep1 ฉากที่เจ้าหนูอนาคินขับยานแข่ง และมีแบคกราวน์เป็นคนดูนับแสน

เค้าใช้วิธีสร้างฉากโมเดลย่อส่วนของอัฒจันทร์ขึ้นมา

โดยที่คนดูที่อยู่บนสแตนด์ จริงๆแล้วทำจากคัตตันบัท(ก้านสำลีปั่นหู)มาตัดและทาสีครับ

ซึ่งใช้ไปทั้งหมด 450,000 อัน!!!!




ในเรื่อง Barry Lyndon ของ สแตนลี ครูบริค

เค้าใช้กล้องความเร็วสูงที่พัฒนาโดยองค์การนาซ่า ที่ใช้ถ่ายยานอพอลโล่จอดบนดวงจันทร์

เพื่อถ่ายฉากที่มีแสงเทียนกลางคืน เพื่อทำให้ภาพออกมาเป็นแสงธรรมชาติที่สุด

โดยไม่ต้องใช้ ไฟจากหลอดไฟของสตูดิโอเลย (ปกติต้องใส่ไฟเพิ่ม เพราะแสงเทียนมันมืด)




ในเรื่อง Gone with the wind ทางสตูดิโอ MGM ถ่ายฉากไฟไหม้เมือง โดยการเผาฉากจริงๆ

ที่เป็นฉากหนังจากเรื่องเก่าๆ เช่นเรื่อง คิงคอง และเรื่องอื่น

ซึ่งทำให้ตอนนั้น คนโทร.ไปแจ้งกันเยอะมาก นึกว่า โรงถ่ายถูกไฟไหม้จริงๆ




ในเรื่องคิงคอง เค้าสร้างแอนิเมชั่น โดยใช้เทคนิคสตอปโมชั่น(คือถ่ายทีละเฟรมๆ)

โดยการที่ จะทำภาพออกมา1นาที ต้องใช้เวลาถ่ายทำถึง 150 ชั่วโมง




ในเรื่อง The bonfire of the vanities เค้าต้องใช้เวลาหลายเดือนเพื่อศึกษาการหมุนตัวของโลก(พระอาทิตย์ขึ้นและตก)

และตารางการบินของเครื่องบินคองคอร์ด เพื่อที่จะถ่ายฉากเครื่องบินลงจอดที่นิวยอร์คขณะพระอาทิตย์ตกพอดี




ในเรื่อง Rear window ของตำนานผกก.อัลเฟร็ด ฮิชค็อค

เค้าสร้างฉากขึ้นมาจริงๆ ในสตูดิของพาราเม้าท์

โดยเป็นตึกอพาทเมนท์ กว้าง 98 ยาว 185 และสูง 40 ฟุต

ประกอบด้วย 31ห้องอพาทเมนท์ ที่มี8ห้อง ตกแต่งเฟอนิเจอร์เรียบร้อย

และมีไฟฟ้าและน้ำใช้และ สามารถอยู่ได้จริง!!




ในเรื่อง Charlie and the Chocolate Factory ฉากที่มีกระรอกแกะเปลือกถั่ว

เค้าใช้กระรอกมาแสดงจริงๆ 40 ตัว และต้องใช้เวลาฝึกมันทั้งหมดถึง 19 สัปดาห์!!!




ในเรื่อง Metropolis (หนังเก่าโบราณ)เค้าสร้างฉากเมืองขนาดย่อส่วนขึ้นมา

แล้วให้นักแสดง แสดงผ่านกระจกสะท้อน




เรื่อง 55 days at Peking เค้าสร้างฉากเมืองปักกิ่งขนาดเท่าของจริงขึ้นมาจริงๆ

และจ้างนักแสดงตัวประกอบหลายร้อยชีวิต เพื่อเข้าฉากนี้




ฉากนี้ในเรื่อง The Muppet movie เค้าไม่ได้ใช้เทคนิคใดๆเลย

เพราะเค้าสร้างหัวตุ๊กตายักษ์นั้นขึ้นมาจริงๆครับ!!!!




ฉากนี้ในเรื่อง The matrix เค้าได้ทดลองถ่ายกัน200เทค

และทดลองผสมสารเคมีเพื่อให้ได้การระเบิดทั้งแสงสีและเปลวไฟตามต้องการถึง 150 ครั้ง(ส่วนผสมที่แตกต่าง)

เพื่อถ่ายฉากระเบิดลิฟต์ ที่ใช้ฉายแค่ 10 วิเท่านั้น




โรเบิตเดนีโร เลียนแบบเสื้อผ้าของAl Capone เพื่อสร้างบุคลิคและตัวตนในการแสดง"




ในหนังเรื่อง Intolerance เค้าสร้างฉากกำแพงเมืองบาบิโลนเท่าขนาดจริงขึ้นมา

จนทำให้ผู้สร้างต้องเจ๊งมโหฬารกันไปเลยครับ




ถ้าคุณไปประเทศ Malta ให้ไปเที่ยวเมือง Sweethaven

ซึ่งถูกเรียกกันว่าเป็น หมู่บ้าน Popeye

เพราุะหมู่บ้านนี้ทั้งหมด!! ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ถ่ายทำหนัง Popeye (1980)





เรื่อง Monster Inc ขนของตัวนี้ถูกสร้างขึ้นโดยคอมพิวเตอร์ 2ล้านกว่าเส้นที่เคลื่อนไหวอิสระต่อกัน

โดยที่คอมฯต้องใช้เวลาเรนเดอร์แต่ละเฟรม 11-12ชั่วโมงต่อเฟรมเลย





ในเรื่อง Fitzcarraldo ปี1982 เป็นเรื่องราวของผู้จัดการแสดงโอเปร่าที่คลั่งใคล้ในงานของเค้า

โดยพยายามที่จะลากเรือไอน้ำขึ้นแผ่นดิน และลากข้ามจากแม่น้ำหนึ่งไปอีกแม่น้ำหนึ่ง

ซึ่งผกก. ใช้วิธีลากเรือที่หนัก300ตันจริงๆ ข้ามแผ่นดินจากแม่น้ำหนึ่งไปอีกแม่น้ำโดยใช้แรงงานคนจริงๆ (คือจริงๆ ไอตัวละครในเรื่องก็คงหมายถึงผกก.แกเองนั่นแหล่ะ บ้าพอกัน)




อันนี้คงมีหลายคนรู้กันแล้ว เป็นหมู่บ้าน hobbit ที่สร้างขึ้นมาจริงๆที่นิวซีแลนด์ เพื่อถ่ายเรื่องเดอะลอร์ดครับ




ในหนังเรื่อง Hero ของจางอี้โหมว ผกก.เค้าต้องการให้ฉากนี้ มีผิวน้ำที่นิ่งที่สุด

ซึ่งน้ำแม่น้ำนี้จะนิ่งแค่ 2 ชม.ต่อวันเท่านั้น

ฉากนี้จึงใช้เวลาถึง 3 สัปดาห์เพื่อถ่ายทำฉากที่ได้ฉายแค่ 3 นาทีเท่านั้น





ในฉากไตเติล ของหนังเรื่อง Se7en เป็นฉากสมุดรูปถ่ายกระจัดกระจาย

แต่!!! ที่สำคัญคือ ตัวหนังสือที่ขึ้นชื่อทีมงานนักแสดงนั้น

เค้าใช้วิธี สลักตัวหนังสือเขียนลงไปบนฟิล์มโดยตรงเลย โดยไม่ต้องใช้คอมพิวเตอร์กราฟฟิคช่วยแต่อย่างใด





ในเรื่อง the lord of the rings เค้าใช้นักแสดง(ตัวประกอบ) คนเดียว

เล่นถึงสามตัวละคร ในเรื่องเดียว เล่นไปใครบ้างลองดูจากรูปครับ




อันนี้คงเคยผ่านตาักันมาบ้างแล้วนะครับ สำหรับการถ่ายทำเรื่อง apollo 13

ที่ฉากไร้แรงโน้มถ่วง เค้าไปถ่ายทำโดยได้รับความช่วยเหลือจากนาซ่า

เพื่อขอใช้เครื่องบินที่จำลองสภาพไร้น้ำหนัก ในตอนแรกขอใช้เพื่อให้นักแสดงรู้ว่าเป็นอย่างไรเท่านั้น

แต่ผกก.ไปๆมาๆ เกิดไอเดีย ขอสร้างฉากนั้นจริงๆ บนเครื่องบินเลยแล้วกัน

เลยถ่ายฉากเหล่านั้นๆจริง บนเครื่องบินที่จำลองสภาพไร้แรงโน้มถ่วงนั่นแหล่ะ




ขอบคุณ cracked.com ครับ

ถูกใจฝากโหวตด้วยนะครับแฟน ๆ

สุดติ่งกระดิ่งแมว

ความตั้งใจของคนเรา ช่างแตกต่างกันยิ่งนัก