ssU.know?? :: น้องใหม่ พรีเมียร์ลีค 2014/2015 เลสเตอร์ ซิตี้ : ตอนที่ 1

ไว้คราวหน้า X

ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย

ไปหน้าที่ 1

ไปที่หน้า

ตั้งกระทู้ใหม่

ฝากรูป

หน้าแรกบอร์ด >> บอลนอก

ผู้ตั้ง

ข้อความ

ออฟไลน์

มาดามมด

ผู้เยี่ยมชม

Status:

: 0 ใบ

เข้าร่วม: 14 Sep 2013

ตอบ: 3123

ที่อยู่: Leo Stadium

โพสเมื่อ: Tue May 13, 2014 19:38

ถูกแบนแล้ว

ssU.know?? :: น้องใหม่ พรีเมียร์ลีค 2014/2015 เลสเตอร์ ซิตี้ : ตอนที่ 1

สวัสดีครับ วันนี้ผม มีไรมากฝาก พี่ๆน้องๆ SoccerSuck กันอีกแล้ว จะเป็นอะไรนั้น ไปดูกันเลยยย ไป ไป ไป ไป ไป ไป ไป ไป

สำหรับฤดูกาล 2013/2014 ก็ได้ปิดฉากลงไปแล้ว ก็ต้องขอแสดงความยินดีกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่สามารถคว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จ ส่วนที่น่าเสียดายคือ สามทีมจากพรีเมียร์ลีก ต้องถอยหลังกลับไปเล่นลีกที่ใครๆก็ไม่อยากไปสัมผัสกับมันเมื่ออยู่ในพรีเมียร์ลีก นั่นก็คือ แชมป์เปี้ยนชิพ ครับ อันได้แก่ นอริช ซิตี้ ฟูแล่ม และ คาร์ดิฟ ซิตี้ ตามลำดับ

แต่มันเป็นวัฎจักรครับ เมื่อมี สามทีมที่ต้องตกชั้นไปเล่นในแชมป์เปี้ยนชิพ ทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในแชมป์เปี้ยนชิพ ก็ต้องขึ้นมาเล่นในลีกสุงสุดของอังกฤษอย่าง บาร์เคลย์ พรีเมียร์ลีก

ทีมแรก ที่ได้เลื่อนชั้นขึ้นมาก็คือ เลสเตอร์ ซิตี้ สโมสรของคนไทยนั่นเอง อยากรู้มั้ยว่าสโมสรนี้มีประวัติความเป็นมาอย่างไร

สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี เป็นสโมสรฟุตบอลของอังกฤษ มีฉายาว่า "จิ้งจอก" มีสนามประจำชื่อ คิงพาวเวอร์สเตเดียม ตั้งอยู่ที่เมืองเลสเตอร์ ในแคว้นเลสเตอร์เชอร์ ประเทศอังกฤษ

ตามสถิติของสโมสร ส่วนใหญ่จะเล่นอยู่ใน 2 ดิวิชั่นสูงสุดของอังกฤษ ยกเว้นเพียงปีเดียวในฤดูกาล 2008-09 ที่ตกชั้นจากฟุตบอลลีกแชมเปียนชิพไปเล่นในฟุตบอลลีกวัน แต่ก็ได้แชมเปียนและกลับขึ้นสู่ลีกแชมเปียนชิปในปีถัดมา สโมสรเคยมีอันดับสูงสุดเป็นอันดับที่ 2 ของดิวิชัน 1 ในฤดูกาล 1928–29

สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตีก่อตั้งในปี ค.ศ. 1884 ใช้ชื่อว่า สโมสรเลสเตอร์ฟอสส์ (Leicester Fosse) ตามชื่อถนนที่สนามเหย้าในขณะนั้นตั้งอยู่ และเข้าร่วมสมาคมฟุตบอลอังกฤษตั้งแต่ปี 1890 พร้อมกับย้ายมาใช้สนามที่ถนนฟิลเบิร์ต ตั้งแต่ปี 1891

สโมสรใช้สนามที่ถนนฟิลเบิร์ตเป็นสนามเหย้ามาเป็นเวลา 111 ปี จึงย้ายมาอยู่ที่สนามฟิลเบิร์ตเวย์ ขนาด 32,500 ที่นั่ง ซึ่งตั้งอยู่ใกล้เคียงกันตั้งแต่ปี 2002 ปัจจุบันสนามแห่งนี้ใช้ชื่อว่า วอล์กเกอร์ส สเตเดี้ยม มาจากชื่อผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยว Walkers ที่เป็นผู้สนับสนุนหลัก และหลังจากการเข้าซื้อกิจการโดยกลุ่มบริษัทคิงพาวเวอร์จากประเทศไทยในเดือนสิงหาคม 2010 ก็ได้มีโครงการขยายความจุของสนามเป็น 42,000 ที่นั่ง และเปลี่ยนชื่อเป็น "เดอะ คิงพาวเวอร์ สเตเดียม"

สโมสรเคยเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศเอฟเอคัพ ในปี 1949 และอีกสามครั้งในปี 1961, 1963, 1969 ไม่เคยได้รับตำแหน่งแชมป์

ในเดอะ แชมเปี้ยนส์ชิพ ฤดูกาลที่ 2013–14 เลสเตอร์ซิตีได้แชมป์ ทั้งที่ยังเหลือการแข่งขันอีก 2 นัด และได้สิทธิเลื่อนชั้นไปเล่นในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลถัดไป

อดีตนักกีฬาที่มีชื่อเสียงของสโมสร ได้แก่ ปีเตอร์ ชิลตัน (1966–1974), แกรี ลินีเคอร์ (1978–1985) และเอมิล เฮสกี (1994–2000)

หลายๆสโมสรสอนก็จะมีคู่แข่งของตัวเองในเมืองนั้นๆ โดยสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ตั้งอยู่ในภาคมิดแลนด์สตะวันออกของอังกฤษ และถือว่าทีมคู่แข่งร่วมภูมิภาค ได้แก่ สโมสรฟุตบอลดาร์บีเคาน์ตี และสโมสรฟุตบอลนอตติงแฮมฟอเรสต์ แต่ทีมที่ถือว่าเป็นคู่แข่งสำคัญ คือสโมสรฟุตบอลโคเวนทรีซิตี ที่ถึงแม้ว่าจะอยู่ในภาคมิดแลนด์สตะวันตก ซึ่งถือว่าอยู่คนละภูมิภาคกัน แต่ก็อยู่ห่างออกไปเพียง 24 ไมล์ ทั้งสองเมืองเชื่อมต่อกันด้วยทางหลวงสาย M69 สื่อจึงมักขนานนามการแข่งขันระหว่างทั้งสองทีมว่า "เอ็ม 69 ดาร์บี้แมตช์" แต่คงจะไม่ได้เจอกันอย่างน้อยก็ 1 ปีซินะ

นายวิชัย รักศรีอักษร ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท คิงเพาเวอร์ เผยว่าส่วนหนึ่งที่ตกลงซื้อหุ้นสโมสรเลสเตอร์ ก็เพราะประทับใจศูนย์ฝึกเยาวชนเช่นกัน ซึ่งเขาอ้างว่ามีเทคนิค และการฝึกสอนเยาวชนดีที่สุดในอังกฤษ หากนำมาเปิดในไทยจะช่วยพัฒนาเด็กๆของบ้านเราได้ โดยในเดือนต.ค. จะจัดสัมมนา เพื่อสร้างอะคาเดมี่ฟุตบอลที่ดีที่สุดในเมืองไทยด้วย ดังนั้นอนาคตข้างหน้า ก็อาจเห็นนักเตะสยามเมืองยิ้มไปวาดลวยลายในพรีเมียร์ลีกร่วมกับเลสเตอร์ หรือไม่ก็เดินตามรอยเท้าเฮสกีย์ที่ย้ายออกไปดังกับทีมอื่น

อย่างไรก็ตาม คิงเพาเวอร์ คงไม่เน้นเฉพาะเด็กไทยเท่านั้น เพราะนายวิชัยพูดเองว่า จะถือหุ้น 51 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 49 เปอร์เซ็นต์เตรียมขายให้นักลงทุนชาวเอเชียรายอื่น เพื่อสร้างระบบเน็ตเวิร์กกีฬาขึ้นมาช่วยพัฒนาวงการฟุตบอลในทวีปนี้ทั้งด้านทักษะ, เทคนิค และวิทยาศาสตร์การกีฬา แถมอาจตั้งบริษัทขึ้นมาทำหน้าที่ซื้อนักเตะเข้ามาป้อนให้เลสเตอร์ หากสามารถสร้างชื่อจนเป็นซูเปอร์สตาร์ ก็จะได้ขายเพื่อทำกำไร โดยขั้นแรกจะส่งนาย อัยยวัฒน์ รักศรีอักษร ลูกชาย ไปเป็นกรรมการบริหาร เพื่อเรียนรู้งานจาก มิลาน มานดาริช ซึ่งจะเป็นประธานสโมสรต่อไปอีก 1 ปี

สนามของ "สุนัขจิ้งจอก" จะใช้ชื่อ วอล์คเกอร์ส สเตเดี้ยม จนถึงเดือนธันวาคม 2010 ก่อนเปลี่ยนเป็น คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม เพราะยังมีสัญญากับบริษัทอาหารขบเคี้ยวของอังกฤษ สังเวียนแข้งแห่งนี้เป็นที่นั่งทั้งหมด จุผู้ชมได้ทั้งหมด 32,500 คน ใหญ่เป็นอันดับ 19 ของเมืองผู้ดี เคยมีแผนจะปรับให้จุถึง 50,000 คน เมื่อติดหนึ่งในสนามที่อังกฤษหวังจะใช้จัดฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายปี 2018 ก่อนทุกอย่างจะจบลงเมื่อเดือนธ.ค. 2009 แต่ทีมชาติ "สิงโตคำราม" ทั้งชุดใหญ่ และเล็ก ก็มาเตะที่นี่ แถมเคยจัดนัดชิงฯเกมเพลย์ออฟลีกคอนเฟอเรนซ์ด้วย

เดิมทีเลสเตอร์ใช้ ฟิลเบิร์ต สตรีท เป็นสนามเหย้า ตั้งแต่ปี 1891-2002 มีความจุประมาณ 22,000 คน ผ่านการโดนทำลายจากสงครามโลก และไฟไหม้ครั้งใหญ่ รวมถึงเคยทำสถิติจุได้ถึง 47,298 คน ตอนเตะ เอฟเอ คัพ รอบ 5 กับ ท็อตต์แน่ม ฮ็อตสเปอร์ เมื่อปี 1928 แต่ถูกทุบทิ้งเพราะสโมสรสร้างสนามใหม่ที่จุได้มากกว่า ปัจจุบันมันกลายเป็นหอพักนักศึกษามหาวิทยาลัย 2 แห่งในเมือง โดยถนนที่ตัดผ่านใช้ชื่อ ลินีเกอร์ โร้ด ตามชื่อ แกรี่ ลินีเกอร์ ตำนานนักเตะ "สุนัขจิ้งจอก" และลินีเกอร์คือคนเปิดสนาม วอล์คเกอร์ส สเตเดี้ยม ในปี 2002 ด้วย

พูดถึงตำนานนักเตะ เลสเตอร์เป็นสโมสรที่ปั้นนักเตะดัง และมีดาราลูกหนังชั้นนำหลายรายแวะเวียนมาค้าแข้ง เพราะพวกเขาก่อตั้งทีมมาตั้งแต่ปี 1884 (ตอนนั้นใช้ชื่อ เลสเตอร์ ฟอสเซ่) แค่ที่ติดอันดับ 100 ตำนานนักเตะซึ่งคัดเลือกโดย ฟุตบอลลีก เมื่อปี 1998 ก็มีถึง 5 ราย แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นต้องมีลินีเกอร์ อดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษยุคปี 1984–92 และดาวซัลโวสูงสุดฟุตบอลโลกปี 1986 ผู้เป็นเด็กปั้นของเลสเตอร์ โดยอยู่กับสโมสรช่วงปี 1978–85 ก่อนไปสังกัด เอฟเวอร์ตัน, บาร์เซโลน่า รวมถึง ท็อตต์แน่ม ฮ็อทสเปอร์

แกรี่ ลินีเกอร์ ในสีเสื้อของ "สุนัขจิ้งจอก" ช่วงต้นยุคทศวรรษ 1980

และกอร์ดอน แบ๊งค์ส อดีตนักเตะทีมชาติอังกฤษ ยุคปี 1963–72 เขาถูกดึงมาจาก เชสเตอร์ฟิลด์ และอยู่ "สุนัขจิ้งจอก" ช่วงปี 1959–67 โดยสหพันธ์ประวัติศาสตร์ และสถิติฟุตบอลนานาชาติ (ไอเอฟเอฟเอชเอส) เลือกให้เป็นผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมอันดับ 2 ตลอดกาล รองจาก เลฟ ยาซิน ตำนานเลสเตอร์อีกคนคือ ปีเตอร์ ชิลตัน ก็เป็นนายทวาร "สิงโตคำราม" แต่ลงสนามช่วงปี 1970–1990 ถูกเลสเตอร์ปั้นเมื่อปี 1966–74 ก่อนไปคว้าแชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ กับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ในปี 1979 และ 1980 รวมทั้งคว้าแชมป์ลีกอังกฤษฤดูกาล 1977–78 เขายังเป็นเจ้าของสถิติลงเล่นระดับอาชีพมากที่สุดในโลก แค่เฉพาะในลีกก็ปาเข้าไป 1,005 นัดแล้ว สำหรับนักเตะพรีเมียร์ลีกยุคปัจจุบันที่มาจากเลสเตอร์ ก็คือ เอมิล เฮสกีย์ กองหน้า แอสตัน วิลล่า, โจ แม็ตต็อค แบ๊กซ้าย เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน

เป็นยังไงบ้างครับ พอรุ้จักทีมน้องใหม่ของพรีเมียรลีก อย่างเลสเตอร์ ซิตี้ ไปกันบ้างแล้ว ส่วนที่ตาม เลสเตอร์มาในปีนี้หละ จะเป็นทีมไหน มีความเป็นมาอย่างไร ติดตามได้ตอนต่อไปครับ

สำหรับวันนี้หวังว่าทุกท่าน จะได้รู้จักกับสโมสร เลสเตอร์ ซิตี้ไม่มากก็น้อย วันนี้ผม whitetmw บ้ายบายทุกท่าน มีความสุขในวันวิสาขบูชา ครับ บ้ายบายย

เรียบเรียงโดย whitetmw
แหล่งข้อมูลและที่มา siamsport และ wikipedia

แก้ไขล่าสุดโดย whitetmw เมื่อ Fri May 23, 2014 17:04, ทั้งหมด 3 ครั้ง

หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

oback , Youc12345 , maxkwan , BooMMyz , G.Conlon , Sure , ZOCCO , modXv4 , CHOLESTEROL , phaow1234

โหวตเป็นกระทู้แนะนำ

My Locker

ออฟไลน์

Macor

แขวนสตั๊ด

Status:

: 0 ใบ

เข้าร่วม: 13 Sep 2009

ตอบ: 20488

ที่อยู่:

โพสเมื่อ: Tue May 13, 2014 19:43

[RE: มาทำความรู้จักกับ น้องใหม่ ทีมแรกของพรีเมียร์ลีค 2014/2015 เลสเตอร์ ซิตี้ : ตอนที่ 1]

เอาใจช่วยครับ สู้ๆ

หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

My Locker

ออฟไลน์

jumbo55555

อวาตาร์&ลายเซ็นต์ผิดกฏ

Status: "ไบเบิลบอล"

: 0 ใบ

เข้าร่วม: 31 Oct 2013

ตอบ: 2047

ที่อยู่:

โพสเมื่อ: Tue May 13, 2014 19:47

หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

My Locker

ออฟไลน์

BooMMyz

นักเตะตำบล

Status:

: 0 ใบ

เข้าร่วม: 18 Jan 2011

ตอบ: 2630

ที่อยู่: Eliminate

โพสเมื่อ: Tue May 13, 2014 19:51

แอบเชียร์ให้ขึ้นพรีเมียร์มาซักพักและ ดีใจด้วยครับ

หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

My Locker

ออฟไลน์

minsik

นักเตะอบต.

Status: ชูชัน

: 0 ใบ

เข้าร่วม: 04 Nov 2009

ตอบ: 4772

ที่อยู่: chaing mai,tae chee dong ,

โพสเมื่อ: Tue May 13, 2014 19:58

มู้สาระมาแล้ว ขอบคุณครับ

หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

<http://upic.me/i/89/005jap.gif/>

My Locker

ออฟไลน์

oaddhs121

กำเนิดดาวรุ่ง

Status: LIVERPOOL FC #YNWA

: 0 ใบ

เข้าร่วม: 23 Jan 2010

ตอบ: 440

ที่อยู่: Thailand

โพสเมื่อ: Tue May 13, 2014 20:05

เชียร์ๆๆๆๆ

หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

Green_blood

My Locker

ออฟไลน์

โสกราตีส

ซุปตาร์โอลิมปิก

Status:

: 0 ใบ

เข้าร่วม: 23 Jan 2011

ตอบ: 18064

ที่อยู่: ดาวลูกไก่

โพสเมื่อ: Tue May 13, 2014 20:22

อดีตทีม ตำนาน กองหน้าตัวรับ

หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

"Erised stra ehru oyt ube cafru oyt on wohsi"

My Locker

ออนไลน์

RazeJP

แขวนสตั๊ด

Status: CFC,ACM,RMCF

: 0 ใบ

เข้าร่วม: 18 Dec 2007

ตอบ: 52422

ที่อยู่:

โพสเมื่อ: Tue May 13, 2014 20:24

หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

There is no good in anything until it is finished and Do not regret what you have done.

My Locker

ดูบอลเก่ากันไหม?[คลาสสิกฟุตบอล]

SweeperกับLibero ต่างกันยังไง?

พัฒนาการของแลมพ์!!

กลางรับเมื่อก่อน คีน,ปั๊ต,กัตจัง,ไวส์ เล่นต่างกันยังไง?

มูดริคเร็วกว่าวัลคอต? อ.โคลติดtop5?

ออฟไลน์

` ยา กิ นิ กุ

นักเตะกลางซอย

Status: The most successful people in the world Have made

: 0 ใบ

เข้าร่วม: 14 Feb 2014

ตอบ: 304

ที่อยู่: Anfield Rd, Liverpool L4 0TH United Kingdom

โพสเมื่อ: Tue May 13, 2014 20:43

มาซักที มู้สาระ

หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

luisgacialg

Liverpool #Make Us Dream :)

My Locker

ออฟไลน์

Okeyman

แข้งดัทช์ลีก

Status: This is Anfined

: 0 ใบ

เข้าร่วม: 22 Oct 2012

ตอบ: 8255

ที่อยู่: Anfield Road

โพสเมื่อ: Wed May 14, 2014 00:50

คิดถึงสมัยมาตินโอนีลคุม โดยมีหลอดเฮลสกีเป็นศูนย์หน้า

เป็นตัวเต็งที่จะตกชั้นทุกปี แต่ก็เอาตัวรอดมาจนได้ คล้ายๆวีแกนของมาติเนส ...พอตกชั้นคราวนี้ก็ยาวเลย