ขอบคุณมากครับ ขอบคุณท่านอื่นๆที่เข้ามาอ่านด้วย

แผล่บหมดเหมือนกันเราต้องคอมเม้นเอาแหละครับช่วงนี้ 55

เกมส์ลีกไม่ใช่บอลถ้วย การทำให้ลูกทีมเคยชินกับการบดแหลก เดินหน้าฆ่ามัน ลูกทีมเราก็จะกลายเป็นนักฆ่าโดยสมบูรณ์แบบ

ถ้าไม่เล่นสไตล์นี้ ลิเวอร์พูลจะเป็นทีมที่ฟอร์มดีที่สุดในโลกได้เหรอ

ขณะเดียวกัน ถ้าเล่นรับจนเคยชิน พอเจอทีมเล็กกว่าที่ไม่บุกเข้าใส่ ก็มีอึ้ง ทึ่ง เสียว

ถามว่าในลีกกับการแข่งขันอันยาวนานนั้น จะมีบิ๊กแมตช์ หรือ แมตช์ธรรมดาเยอะกว่ากัน ผมว่าปีหน้า ลิเวอร์พูลอาจแต้มขาดเป็นแชมป์ไปเลยตั้งแต่ก่อนปิดเป็นเดือน ๆ ก็ได้(และปีนี้ก็ยังเป็นเต็งแชมป์อยู่ ตารางคะแนนไม่เคยโกหก)

ชอตนี้ตอโคตรเหี้ยมเลย วิ่งเข้าไปยิงแบบชิวๆ

เชื่อผมเถอะพอแพ้ก็อ้างได้อยู่ดีว่าทำไมไม่เล่นในแบบที่ตัวเองเล่น ไปเล่นตามเค้าทำไม คือเล่นแบบไหนเค้าก็เล่นหวังผลทั้งนั้นแหละครับ พอผลมันไม่ใช่อย่างที่หวังก็อ้างได้ไปเรื่อยแหละ

เอาแผล่บไปครับ ชอบครับมีสาระ

Catenacio ชิดซ้ายเลยเมื่อคืน แท็คติค มู นี่ยอดจริงๆ

รู้ว่าเป็นเรื่องความผิดพลาดส่วนบุคคลไม่ใช่ที่แทคติคของ ร๊อดเจอร์ครับ
พอพลาดเสียเอง บุกหมดเจอโต้ โดนลูก 2 ไม่ใช่เรื่องที่หน้าแปลกใจ ผมว่า
เล่นแนวทางนี้ต่อไปหนะถูกต้องแล้ว เมื่อคืนก่อนเสียลูกที่ 2 นี่มีโอกาสทำหลายลูกเลยนะ
แต่มันอาจยังไม่ดีเพียงพอ เพราะฉะนั้น.....

...ไม่ต้องเน้นหรอกครับเกมส์รับแบบมู แต่ต้องบุกให้มากขึ้นไปอีกต่างหาก
เพราะนี่คือแนวทางของร็อดเจอร์

ขาดเฮนโด้นี่เห็นผลชัดเจนเลยครับ
ถ้าแมนสิขาดยาย่าก็จะเป็นเหมือนกัน ตัวนี้ทั้งยิงทั้งจ่าย
ส่วนเชลซีขาดอาซาก็จะเป็นเหมือนกัน ดูจากนัดที่แพ้นัดที่แล้ว

เห็นด้วยครับ
แต่ผมว่านี่คือแนวทางของ BR ชัดเจนนะครับ เค้าคงไม่เปลี่ยน
แต่จุดเปลี่ยนของเกมนี้คือความผิดพลาดของเจิดนั่นเอง ซึ่งนำมาซึ่งการเสียประตู
ทำให้ต้องเร่งบุกเพื่อเอาคืน แต่ดันทำไม่ได้
ถ้าไม่เสียประตูลูกนั้นก็คงจะเล่นตามเกมปกติ

โทมัส คาลาส

อันนี้จริงครับ ถึงจะดูน่าหงุดหงิดไปบ้าง แต่ถ้านักเตะหงส์นิ่งกว่านี้ ไม่บ้าบุกเพื่อหวังชนะ ผลออกมาคงไม่เป็นแบบนี้

คาลาส ทำไดีดีมาก

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ครับ

โดยส่วนตัวคิดว่าโมเมนต์ในเกมส์นี้มันแปลก ๆ
ทั้ง ๆ ที่ เอาเรื่องจริงคือ chelsea ต้องการแต้มเพื่อแอบกลับมามีลุ้นแชมป์ ในขณะที่ liverpool นี่แค่ประคองตัวก็แทบจะลอยลำแล้ว ถ้าเราคิดแบบนี้ รูปเกมส์น่าจะเป็น chelsea ต้องบุกเพื่อจะให้ได้ประตู ส่วน liverpool ก็คงจะเล่นช้า เน้นครองบอล สบาย ๆ (อันนี้คือว่ากันตามตารางคะแนนนะ)

แต่เรื่องราวที่ mourinho สร้างขึ้นเหมือนกับบอกว่าทีตัวเองไม่ใช่แชมป์ ตัวด้อยกว่า ส่งตัวสำรองลง แถมถ่วงเวลาตั้งแต่นาที่แรก ๆ เลย เหมือนไม่อยากได้เกมส์นี้ ทำให้ liverpool ที่อยากเป็นแชมป์ แลดูเหมือนจะเอาชนะได้ เร่งตัวเองเพื่อชนะ moment ของเกมส์มันเลยแปลกไป พอ gerrard พลาดทีนี้ก็เลยเป็นการเปลี่ยน moment ของเกมส์แบบสมบูรณ์แบบไปเลย กลายเป็นว่า liverpool ต้องเร่งเกมส์รุกเข้าใส่ให้มากขึ้น หลังดันสูง จนมาพลาดโดนลูกที่สองปิดเกมส์ไปเลย

จิตวิทยา มันมีผลเปลี่ยนรูปเกมส์ได้แบบนี้นี่เอง ...

ตอนขึ้นมาใหม่ๆผมบอกเลยว่าเป็นกองหลังที่ห่วยมาก รุ่นนั้นเด็กอังกฤษมี 3 คนที่ขึ้นมาคือ โจดี้ มอร์ริส, จอน ฮาลี่ และ จอห์น เทอร์รี่ ผมมองว่า มอร์ริสคงก้าวไปได้เต็มที่ก็แค่เดนนิส ไวส์ เพราะเทคนิคไม่มีอะไรเลย มีเพียงเลือดบู๊ระห่ำ และความทุ่มเท ซึ่งสมัยนั้นนักเตะแดนกลางอย่าง โจ โคล, แลมพาร์ด, คาร์ริค, ลี เฮนดรี่, ลุค แชดวิค ดีกว่าเยอะ คนที่ผมดูมีแววสุดคือ จอน ฮาร์ลี่ เพราะนักเตะแบ็คซ้ายสัญชาติอังกฤษดีๆตอนนั้นก็มีแต่ แอชลี่ โคล ของปืนเท่านั้น ในขณะที่เทอร์รี่ คือคนที่อ่อนที่สุด ไม่ต้องนับพวก ริโอ เฟอร์ดินาน ของเวสต์แฮม แกเรท แบร์รี่ (เมื่อก่อนเล่นกองหลัง) ของวิลล่า วู้ดเกตต์ของลีดส์ อัพสันของปืน แม้แต่ เวส บราวน์ ของแมนยูไนเต็ด ผมมองว่า ณ วันแรกที่ขึ้นมาชุดใหญ่เทอร์รี่ลนลานที่สุด ทักษะก็ไม่ดีมาก วิ่งก็ไม่เร็ว แถมนอกสนามยังมีเรื่องทะเลาะวิวาทอีก

ซึ่งเรื่องนี้คงต้องขอบคุณทั้งเดอไซญี่ ที่คอยขัดเกลา รวมไปถึง จิอันฟรังโก้ โซล่า ที่ทนไม่ไหว ลงมาสอนเอง โดยขอดวล 1 ต่อ 1 ซึ่งผลปรากฏว่าเลี้ยง 10 ครั้งผ่านเทอร์รี่ไปได้ทุกครั้ง แต่เทอร์รี่ก็ไม่ท้อสู้จนพัฒนาตัวเอง จนตอนนี้กลายมาเป็นกัปตันที่ดีที่สุดของสโมสรแห่งนี้

ผมว่า BR ไม่ผิดหรอก ปรัชญาการทำหงส์เล่นเกมส์บุก เพราะทีมที่คุมคือหงส์แดง เล่นในบ้าน บอลลีค ไม่ใช่บอลถ้วย

ด้วยตัวผู้เล่น ที่จำกัดสุดๆ ตัวสำรอง ไม่อยากมองเลย

ครึ่งแรก ถ้าเจิดไม่พลาดเอง ครึ่งหลัง BR น่าจะให้เน้นครองบอลคับ สังเกตุมาหลายครั้งแล้ว แต่เพราะพลาดเอง เลยต้องเร่งเกมส์

ฤดูกาลหน้า หาตัวเด็ดๆ ไว้พลิกเกมส์ ได้บ้างเถอะ สำรองที่มีอยู่ ปวดตับเลย