วันนี้ดูเกมส์ถ่ายทอดสดมีประเด็นเยอะเลย อยากแบ่งปันความคิดของตัวเองให้ท่านอื่นๆได้อ่านกัน โดยเป็นการเขียนในแบบรวมๆกันระหว่างความคิดของตัวเองผสมกับการวิเคราะห์เกมส์ของผู้บรรยายเหมือนเดิมครับ

----------------------------------------------------------

1 วันนี้ผมว่าเตรียมตัวมาดีพอๆกันครับ ช่วงแรกมีการไล่บีบ และเข้าหนักตามสไตล์บอลคู่แค้น

ผู้บรรยายบอกว่าเกมส์ใหญ่แบบนี้สิ่งสำคัญคืออย่าพลาดก่อน แล้วก็เป็นแมนยูที่พลาดเองก่อนจากการทำแฮนด์บอลของราฟาเอล เป็นจุดโทษอย่างชัดเจน

ผมมองว่าจังหวะนี้สำคัญที่สุดของเกมส์นี้แล้วครับ เพราะก่อนประตูนี้เหมือนว่าลิเวอร์พูลครองบอลได้เยอะกว่านิดๆ มีจังหวะเข้าทำมากกว่าหน่อยๆ แต่ถ้ากองหลังพลาด โดนนำไปก่อน อาจจะไม่จบสวยแบบนี้ครับ

แต่ประตูแรกทำให้เล่นง่ายและผ่อนคลายได้เยอะเลย

----------------------------------------------------------

2 ผมชื่นชมความเป็นผู้นำของเจอร์ราดในเกมส์นี้มากครับ

สาเหตุคือช่วงต้นเกมส์ที่มีการเข้าบอลกันหนักๆ 2 ครั้ง โดยที่ 1 ในนั้นคือ เจอร์ราด กับ ฟิล โจนส์

จะเห็นว่าการเข้าบอลแบบนี้ถ้าพลาดคือใบแดงทันทีได้เลย แต่ทำไมถึงต้องเสี่ยง ทั้งๆที่ถ้าโดนใบแดงมามันคุ้มหรอ หรือถ้าเจ็บมาโอกาสไม่ได้ไปบอลโลกก็มี ...

ตรงนี้ผมมองว่าเป็นการแสดงความเป็นผู้นำให้ลูกทีมเห็นครับว่าเกมส์นี้ต้องเต็มที่ อย่าเหนียม เพราะขนาดกัปตันในวัย 33 ยังใส่เต็มดอกไม่มียั้ง ลูกทีมก็น่าจะฮึกเหิม ลืมตาย ใส่หมดแม็กเช่นกัน

นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่เจอร์ราดไม่ดีใจกับประตูแรก ซึ่งผมเดาเอานะว่าเป็นเพราะอยากให้ทีมมีสมาธิกับเกมส์ อย่าได้ใจ เพราะนำลูกเดียวอะไรก็เกิดขึ้นได้ (แต่พอสองลูกนี่เก็บอาการไม่อยู่จริงๆ 555)

จาก 2 ข้อนี้ รวมกับ 2 ประตู รวมกับการช่วยเกมส์รับแบบไม่มีข้อผิดพลาด

กัปตันคือแมน ออฟ เดอะ แมตช์ อย่างไร้คู่แข่งครับ

----------------------------------------------------------

3 หลังประตู 2 – 0 ผู้บรรยายบอกครับว่านี่อาจจะไม่ใช่แค่ประตูที่นำหงส์แดงออกจากสนามในฐานะผู้ชนะ แต่อาจจะนำหงส์แดงไปถึงแชมป์เลยก็ได้

เพราะการบุกเอาชนะแมนยูถึงบ้าน ในขณะเดียวกับที่เชลซีสะดุดเป็นการสร้างความมั่นใจ และการสร้างโมเมนตัมที่น่ากลัวจริงๆ

และเค้าก็คิดว่าเจอร์ราดก็รู้และคิดเช่นเดียวกันกับที่เค้ากำลังพูดอยู่ครับ

----------------------------------------------------------

4 มาดูเรื่องแท็กติคกันบ้าง ข้อแตกต่างที่นำมาสู่ชัยชนะของลิเวอร์พูลในแง่ของแท็กติคคือ

4.1 ผู้บรรยายย้ำบ่อยมากครับคือเรื่องการ use the ball ซึ่งคือการต่อบอลไปมาของลิเวอร์พูลในจังหวะการเล่นเกมส์บุก

จะเห็นว่าลิเวอร์พูลมีการต่อบอลไปมาเพื่อฉีกแผงหลังออกข้างนู้นบ้างนี้บ้าง เพื่อปั่นป่วนแผงหลังแมนยู พอสบโอกาสก็มีการทำชิ่งหรือแทงทะลุช่องเข้าไปทำประตู ซึ่งก็เป็นที่มาของประตู

--

แต่สำหรับแมนยูเท่าที่จำได้ แทบไม่มีลูกชิ่งหน้ากรอบเขตโทษเลย บอลแทงทะลุช่องก็ไม่เวิร์ค เพราะไม่ติดกองหลังก็ล้ำหน้า

พอตันเข้าก็ออกปีกแล้วผ่านกลับเข้ามา แต่ผมว่าไม่ใช่แมนยูอยากจะจ่ายออกปีกนะ แต่มันเข้ากลางไม่ได้ต่างหาก

--

4.2 การทำงานร่วมกันของ SAS เทียบกันกับ RAVP

จะเห็นว่าในเกมส์บุกซัวเรสกับสเตอริจจะค้ำอยู่ด้านหน้า และพยายามอยู่ใกล้ๆกันเพื่อทำเกมส์บุกร่วมกัน (ตรงนี้เหมือนเกมส์กับเซาท์แธมตันเลย)

แล้วก็เราก็ได้เห็นการจ่ายบอลให้กัน การวิ่งทำทาง ซึ่งผู้บรรยายเรียกว่า SAS Link

ในขณะที่ไม่มีสิ่งนี้ระหว่างคู่ของ รูนี่ กับ ฟานเพอซี่ เลย ผมมองว่าสาเหตุเกิดจากการที่แมนยูเก็บบอลมาบุกไม่ได้ ทำให้รูนี่ต้องถอยลงมาต่ำ ปล่อยให้ฟานเพอซี่โดดเดี่ยวในแดนหน้าอยู่กับสองกองหลังของลิเวอร์พูลไป สเคอเทลกับแอ็กเกอร์ก็ง่ายสิครับทีนี้

แต่ผมมองว่าตรงนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับจอร์แดน แฮนเดอร์สัน กับ โจ อัลเลนครับ ที่วิ่งไล่วิ่งบี้กัดไม่ปล่อยอยู่ในแนวรับ ทำให้กองกลางของแมนยูทำเกมส์บุกยาก การมีอยู่ของทั้งสองคนทำให้เกมส์รับเล่นง่ายขึ้นเยอะมากจริงๆ ปิดทองหลังพระแบบที่เห็นกันชัดๆเลย ฮา ..

----------------------------------------------------------

5 สำหรับเกมส์นี้ผมมองว่าจังหวะกังขาคือ

- ราฟาเอลน่าจะโดนเหลืองที่สองจากการจงใจทำแฮนด์บอล

- จอน ฟลานาแกนน่าจะโดนเหลืองที่สองเช่นกันจากจังหวะยันใส่ราฟาเอล ในครึ่งหลัง

- การฟาล์วรูนี่หน้ากรอบเขตโทษของสเคอเทลในครึ่งหลังที่กรรมการไม่เป่า

- การพุ่งล้มอย่างชัดเจนของสเตอริจ ทำให้วิดิชโดนใบแดง และได้ลูกโทษ

- และการโดนเกี่ยวหลังจากนั้นของสเตอริจที่ควรจะเป็นจุดโทษของจริง

ส่วนจุดโทษ 2 ลูกแรก และประเด็นเรื่องล้ำ-ไม่ล้ำของประตูที่ 3 ผู้บรรยายเห็นตรงกันครับว่าใสสะอาด

----------------------------------------------------------

6 หลังจบเกมส์เค้าคุยกันว่า

6.1 ลิเวอร์พูลสมควรเป็นผู้ชนะ เพราะสามารถเอาชนะแมนยูได้ในทุกส่วนของสนาม ตั้งแต่กองหลังไปถึงกองหน้า

--

6.2 เดวิด มอยส์ตัดสินใจเปลี่ยนตัวช้ามาก และก็เหมือนกับว่าตัวเค้าเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรจะต้องแก้เกมส์ยังไงเพื่อนำแมนยูกลับมาสู่เกมส์ -*-

----------------------------------------------------------

7 สุดท้ายผมว่า ... ถ้าแมนยูไม่ปลดเดวิด มอยส์ ผมว่าเราอาจจะได้เห็นแมนยูเดินตามรอยลิเวอร์พูลตอนที่ลงจากความยิ่งใหญ่ จากทีมเต็งแชมป์ มาเป็นทีมลุ้นไปบอลยุโรป เหมือนที่ลิเวอร์พูลเป็นในช่วงหลายปีก่อนหน้านี้ครับ

----------------------------------------------------------


ต้องบอกว่าจริงๆแล้วส่วนตัวผมพยายามจะยังไม่หวังถึงแชมป์นะ ไม่อยากเงิบ

แต่ทำไมฟอร์มมันเหมือนทีมแชมป์เข้าไปทุกวันๆเลยวะเฮ้ย ...

You will never walk alone

เกลียดการพุ่งล้มจริงๆ ถึงจะทำให้ทีมตัวเองได้ประโชยน์ก็เถอะ

เอาจริงๆนะ ฤดูกาลนี้ ถ้าได้ไป UCL + ชนะแมนยูได้ ไปกลับ เท่านี้ก็สบายใจแล้ว

ส่วนลุ้นแชมป์ปล่อยให้มันเป็นความน่าจะเป็นแล้วกัน จะเป็นแชมป์มันต้องมีดวงเอื้อยด้วยนะผมว่า

แปลและเขียนได้ดีมากๆครับๆครับ

รบกวนท่าน จขกท. ช่วยวิเคราะห์หลังเกมส์บ่อยๆนะครับ ชอบอ่าน

เรื่องพุ่งก้มีกันหลายคนนะ อ ยัง ยานูไซจ์ ออสก้า รามิเรส อยู่ที่กรรมการจะตามทันมั้ย

เขียนได้ดีครับ อ่านง่ายด้วย

ลูกที่สามไม่น่าพุ่งเลยจริงๆ

ชอบๆ

เพ้อ

GJ แฮนด์ แขนก็มีผลชัดเจนนะครับ แถมกางแขนอีก ผมไม่เถียงว่าถ้าดูตามฟอร์มแล้วลิเวอร์พูลสมควรเป็นผู้ชนะ แต่ถ้ากรรมการตัดสินด้วยบรรทัดฐานเดียวกันตลอดเกม

ผมรู้สึกว่าควรมี 2 จุดโทษของลิเวอร์พูล กับ1ใบแดงราฟาเอล

กับ 2 จุดโทษ ยูไนเต็ด กับ1 แดงฟลานาแกน

บางทีการเสียประโยชน์จากการตัดสินหลายๆจังหวะเข้า มันก้ส่งผลถึงวิธีการเล่นนะ ยิ่งในเกมที่ละเอียดอ่อนขนาดนี้ เหมือนที่คนเขียนบอกว่าประตูแรกสำคัญ แต่ผมว่าที่สำคัญกว่า คือ2 จังหวะที่แมนยูควรได้จุดโทษบ้างแล้วไม่ได้นั่นแหละ เพราะหลังจากนั้นกลายเป็นนักเตะแมนยูที่ปล่อยให้อารมณ์ครอบงำ (สังเกตดูตอนโดน1-0 ยังบุกใส่ได้หลายครั่งอยู่)เล่นใช้อารมณ์ ไม่ช่วยกันเข้าทำ ไม่ช่วยกันไล่ ส่วนกุนซือก้อย่างที่รู้ๅกันแทนที่จะควบคุมสถานการณ์ แม่งก้นั่งหน้าเครียดแล้วรอโทษโชคชะตาต่อไป อาเมนน

วิเคราะห์ได้ดีครับ

ช่วยเสริมข้อ 5 ให้ หลังจากที่ได้ฟังทางอังกฤษวิเคราะห์มานะครับ

- ที่ฟลานาแกนไม่โดนเหลืองสองเนื่องจากราฟาเอลไม่โดนเหลืองสองครับ เหมือนกับว่าผู้ตัดสินขีดเส้นในใจไว้แล้วระดับนึงว่าถ้าไม่เกินเลยจริงๆจะไม่แจกครับ เลยรอดตัวไปทั้งคู่ครับ

- จังหวะฟาวล์ของรูนี่ที่ชนกับสเคอเทลแล้วไม่ได้ฟาล์ว อันนั้นเป็นเพราะรูนี่วิ่งเข้าไปชนครับ จากภาพช้าจะเห็นเลยว่าสเคอเทลหยุดจังหวะไปแล้วก่อนปะทะ แต่รูนี่โถมตัวเข้ามาหวังเรียกฟาล์ว ซึ่งคาดว่ากรรมการเห็นตรงนี้เช่นกันเลยไม่ได้ให้ฟาล์วครับ
ส่วนข้อที่เหลือที่ไม่ได้เขียนก็เห็นด้วยตามนั้นครับ


ป.ล.จังหวะแฮนด์บอลของราฟาเอลกับจอห์นสันไม่เหมือนกันนะครับ ของราฟาเอลเป็นการตั้งใจเจ้าตัวมองเห็นและยกมือไปปัดบอลอย่างชัดเจน อาจจะด้วยสัญชาตญาณ แต่เป็นการขัดขวางบอลที่กำลังมุ่งหน้าไปทางประตูครับ ส่วนของเกล็นจังหวะนั้นเป็นจังหวะที่บอลกำลังจะออกครับ และตัวเกล็นเองกำลังเช็คตำแหน่งของมาต้าอยู่แล้วบอลก็ลอยมาสะกิดที่มือเอง ซึ่งอาจจะมองได้ว่าบอลทูแฮนด์เลยไม่ฟาล์วครับ(อันนี้ทางอังกฤษวิเคราะห์มานะครับ แต่โดยส่วนตัวแล้วผมว่าผู้ตัดสินมองไม่ทันครับ จังหวะนั้นขนาดดูภาพช้าในบางมุมยังดูยากเลยครับเพราะโดนบางจริงๆแล้วเป็นมุมที่ค่อนข้างอับด้วยเลยมองยาก แต่ผมว่าถ้ากรรมการเห็นน่าจะได้จุดโทษครับ เพราะให้มาแล้วลูกนึง ดังนั้นจะแจกให้อีกลูกนึงในเคสเดียวกันก็ไม่น่าจะยากเท่าไหร่ครับ)