วิเคราะห์การมาของเบนเทเก้ช่วยยกระดับหงส์จุดไหน
แม้คริสเตียน เบนเทเก้กองหน้าทีมชาติเบลเยียมยังไม่ได้เป็นผู้เล่นลิเวอร์พูลอย่างเป็นทางการแต่ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดเดอะ ค็อปจะได้เห็นดาวยิงวัย 24 ปีในชุดสีแดงเพลิงอย่างแน่นอน
เบนเทเก้เหลือแค่ตรวจร่างกายกับลิเวอร์พูลหลังแอสตัน วิลล่ายอมรับข้อเสนอ 32.5 ล้านปอนด์อันเป็นค่าฉีกสัญญาและแม้ยังมีแฟนบอลหลายคนไม่ค่อยเชื่อน้ำยากองหน้าตัวเป้าร่างใหญ่ที่มักมาดับในแอนฟิลด์วันนี้มาวิเคราะห์กันว่าอดีตดาวเตะเกงค์จะเข้ามาเสริมอาวุธตรงไหนบ้างให้"หงส์แดง"
แม้ว่าเล่นในเบลเยียมแต่จริงๆแล้วเบนเทเก้เกิดในคินชาซ่าประเทศซาเอียร์(สาธารณรัฐ คองโกในปัจจุบัน) เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 1990 โดยเป็นนักเตะเยาวชนของสตองดาร์ด ลีเอจระหว่างปี 2004-06 ก่อนระเห็จมาเก็งค์ซึ่งขัดเกลาเขาอยู่หนึ่งฤดูกาลในอคาเดมี่ก็จับลงชุดใหญ่ในปี 2007 แต่ตลอด 2 ปีลงเล่นไป 10 นัดยิงได้ 1 ประตู
และในปี 2009 ลีเอจได้ดึงเขากลับมาเล่นแต่จนถึง 2011 เขาลงสนามไปแค่ 18 นัดยิงไป 3 ลูกก่อนถูกยืมตัวไปมาจนสุดท้ายในปี 2011 นี่เองที่เขาย้ายกลับมาเก็งค์และฉายแววในซีซั่นแรกนี้เองด้วยการทำไปทั้งสิ้น 19 ประตูจาก 37 เกม
ด้วยฟอร์มที่เข้าตาทำให้แอสตัน วิลล่าซึ่งมีงบน้อยและมองหานักเตะในระดับที่ต่างจากทีมใหญ่ๆเลยควักเงินที่สูงสำหรับพวกเขาคือ 7 ล้านปอนด์เพื่อแลกกับอนาคตของเบนเทเก้
เพียงแค่ฤดูกาลแรก(2012-13)ของ'เบนท์'ในเกาะอังกฤษเขาสร้างชื่ออย่างรวดเร็วด้วยการถล่มไป 23 ประตูจากการลงสนามแค่ 39 นัด
แต่ในปีต่อมา(2013-14) เจ้าตัวประสบกับปัญหาการบาดเจ็บอย่างหนักแต่ก็ยังอุตสาห์กดไป 11 ประตูทำให้สถิติกับ"สิงห์ผงาด" ณ ตอนนี้อยู่ที่ 49 ประตูใน 100 เกมหรือยิงหนึ่งเม็ดทุกๆ 2 เกม
-ตำแหน่งและแคแรคเตอร์
เบนเทเก้เป็นกองหน้าตัวเป้าขนาดแท้ ไม่ใช่หน้าสมัยใหม่ที่หนีตัวประกบไปอยู่ริมเส้นและจะไม่ใช่ประเภทลงมาลึกเพื่อล้วงบอลในแดนกลาง ที่สิงสถิตคือหน้าเขตโทษรอบอลที่จะมาหาตัวเพื่อพักและสร้างโอกาสให้ตัวเองรวมถึงเพื่อนร่วมทีม
ฟังๆแล้วไม่ต่างจากกองหน้าร่างยักษ์ที่เคยมาดับกับลิเวอร์พูลแต่สิ่งที่เบนเทเก้ไม่เหมือนใครคือมีส่วนร่วมกับเกมมากกว่า targer man คนอื่นๆอย่างแอนดี้ แคร์โรลล์และริคกี้ แลมเบิร์ต
แม้ว่าไม่ชอบลงมาต่ำเพื่อเอาบอลจากแดนกลางแต่เบนเทเก้ก็ไม่รีรอที่จะพยายามขยัดลดจาตแหน่งเเดิมเพื่อครอบครองบอลให้เกมเดินหน้าเพราะเห็นสูงใหญ่แบบนี้แต่เล่นบอลกับเท้าได้ดีดังนั้นการมีตัวช่วยบนภาพพื้นดินอย่างโรแบร์โต้ ฟิร์เมียโน่,ฟิลิปเป้ คูตินโญ่หรือแม้กระทั่งอดัม ลัลลาน่าจะทำให้เขาสามารถมีทางเลือกได้มากกว่าลูกกลางอากาศที่เป็นจุดขาย
-สถิติ
เบนเทเก้ยิงไป 13 ประตูจาก 26 เกมให้วิลล่าเมื่อซีซั่นที่แล้วซึ่งถือเป็นสถิติที่ดีเลยทีเดียวเมื่อพิจารณาจากทีมๆนึงที่ดิ้นรนหนีตกชั้นและไม่น่าจะมีโอกาสทำประตูชาวบ้านชายช่องอย่างเป็นกอบเป็นกำซักเท่าไหร่
สถิติการง้างเกือกยิงของเขาอยู่ที่ 2.8 ต่อเกมซึ่งน้อยกว่ามาริโอ บาโลเตลลี่ที่อยู่ที่ 3.5 แต่ยิงได้แค่ลูกเดียว อันนี้บอกชัดเจนว่าฉวยโอกาสทำประตูได้มากกว่าและเป็นจุดที่ทำให้"หงส์แดง"พลิกจากที่ส่อแววชนะเป็นแพ้เมื่อฤดูกาลที่แล้วมากมาย
ระเบียบวินัยของเบนเทเก้ก็เข้าขั้นดีเพราะฤดูกาลที่แล้วโดนไปแล้ว 1 เหลือง 1 แดง
ผ่านบอลสำเร็จ 66.7 % และได้ 3 แมน ออฟ เดอะ แมทช์
-จุดแข็ง
จากการที่เล่นลูกกลางอากาศได้ดีทำให้หลายคนจับตามองการขึ้นเกมของเบรนแดน ร็อดเจอร์สในฤดูกาลใหม่นี้และจะทำให้นาธาเนี่ยล ไคลน์และโรแบร์โต้ โมเรโน่เติมเกมรุกมาเปิดบอลจากริมเส้นมากขึ้นกว่าเดิม
เบนเทเก้จบสกอร์ด้วยลูกหัวได้สุดยอดเอามากๆซึ่ง"หงส์แดง"ยังขาดจุดนี้อยู่เวลาเจอคู่แข่งที่รับลึกและมีแผนการเข้าทำคือเคาะบอลบนพื้นจนถูกจับทางได้เสมอ
นอกจากนี้ดาวยิงทีมชาติเบลเยียมยังสามารถทำประตูจากเท้าขวาที่ทรงพลัง,ยิงไกลตลอดจนถึงลูกฟรีคิกที่ไม่ธรรมดา
เมื่อพิจารณาจากความสามารถต่างๆแล้วเบนเทเก้ไม่ใช่กองหน้าร่างยักษ์ที่จะมาคอยยืนปักรอเล่นแต่ลูกหัวแน่นอน
-จุดอ่อน
ไม่มีนักเตะคนไหนไม่มีจุดอ่อน การที่เบนเทเก้รูปร่างใหญ่และเล่นกับทีมสวนกลับอย่างวิลล่าทำให้เขาถูกทิ้งเป็นหน้าตัวเดียวและในหลายๆครั้งที่หายไปจากเกม
แต่หากย้ายมาเล่นในแอนฟิลด์ปัญหานี้สามารถแก้ได้ด้วยการมีตัวช่วยเขาทั้งนักเตะคล่องแคล่วและมีจมูกในการทำประตูไวๆอย่างคูตินโญ่หรือฟิร์เมียโน่ที่คอยเล่นอยู่รอบๆเบนเทเก้ก็น่าจะทำห้จุดอ่อนที่ว่านี้ดีขึ้น
นอกจากนี้เขายังโดนจับล้ำหน้าบ่อยมากสืบเนื่องมาจากการที่เขาลงมาช่วยเกมรับน้อยนั่นเอง โดยครั้งหนึ่งมาร์ค วิลม็อตส์กุนซือทีมชาติเบลเยียมเคยให้สัมภาษณ์นิยามเบนเทเก้ว่าเหมือน"เสา"หลังพ่ายเวลส์เมื่อต้นปีในศึกยูโร 2016 รอบคัดเลือก
"เบนเท้เก้โดดเดี่ยว ผมเลยหันมาใช้หน้าคู่แต่พวกเขาทั้งสอง(เบนเทเก้และโรเมลู ลูกากู) ต้องการลูกเปิดจากริมเส้นมากกว่านี้ เราสั่งให้พวกเขาวิ่งไปที่เสาแรกแต่ทั้งคู่ยืนเหมือนเสา เรามีอะไรที่ต้องทำการบ้านกันอีก"
-เขาจะเข้ากับลิเวอร์พูลได้อย่างไร
เบรนแดน ร็อดเจอร์สกำลังหาทางแก้ไขแนรุกอย่างหนักตลอดปีสองปีที่ผ่านมานับตั้งแต่หลุยส์ ซัวเรซย้ายไปบาร์เซโลน่า โดยทั้งบาโลเตลลี่,ฟาบิโอ บอรินี่และริคกี้ แลมเบิร์ตต่างก็ไม่เวิร์คส่วนดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ก็เจ็บมากกว่าไม่เจ็บ
แต่ตอนนี้เบนเทเก้เตรียมเป็นตัวจริงแบเบอร์เพราะสไตล์ต่างจากทุกคนที่สโมสรมีเหลือคำถามแค่ว่าใครจะมาเล่นคู่ด้วยไม่ว่าจะเป็นแดนนี่ อิงส์และดิวอร์ค โอริกี้เพื่อนร่วมชาติ อันนี้ยังไม่นับสเตอร์ริดจ์ที่กว่าจะฟิตเต็มร้อยก็น่าจะเดือนสองเดือนหลังเปิดซีซั่น
เบน ฟรีคิกฟันธง : ต้องดูว่าร็อดเจอร์สจะมีแผนสองสำหรับการเข้าทำมากกว่าการเคาะบอลหรือฝากบอลไปที่คูตินโญ่,เฮนโด้หรือฟิร์เมียโน่แล้วใช้วิธีแทงทะลุช่องให้กองหน้าสอดเพราะการเล่นแบบนี้มันเคยเวิร์คสมัยซัวเรซ,สเตอร์ริดจ์และสเตอร์ลิ่ง
ฤดูกาลที่แล้วสเตอร์ลิ่งที่ถูกจับไปเล่นหน้าก็หลุดทะลุบ่อยแต่ด้วยความที่ยิงไม่เป็นใช้โอกาสเปลืองก็เลยไร้ประโยชน์แถมลูกล่อลูกชนการเบียดปะทะไม่มีเลยทำให้บรรดามิดฟิลด์รังสรรค์โอกาสได้น้อยกว่าที่เป็นเนื่องจากทางเลือกมีน้อยริมเส้นก็ไม่รู้จะครอสให้ใคร
อีกจุดที่ต้องไม่ลืมคือเบนเทเก้เล่นกับวิลล่าซึ่งถูกมองว่าเป็นทีมเล็กดังนั้นเวลาเจอทีมใหญ่หรือทีมระดับที่เหนือกว่าพวกเขาจึงใช้วิธีสวนกลับ เป็นเหตุผลทำให้เบนเทเก้มีพื้นที่เล่นเยอะจะพลิกบอลจะพักบอลเพื่อถ่ายออกให้เพื่อนตอนสวนกลับจึงง่ายกว่ามาเล่นให้"หงส์แดง"ที่จะต้องเจอกับคู่แข่งมาอุดและรายล้อมไปด้วยตัวประกบหลายต่อหลายชั้น จังหวะสวนกลับคงนับครั้งได้อาจต้องรอช่วงเวลาแบบยิงได้เร็วแล้วคู่แข่งดันสูงหรือไม่ก็จำพวกลูกเตะมุมของคู่แข่งที่โดนสวนกลับ
ในใจลึกๆค่อนข้างเข็ดกับกองหน้าตัวใหญ่รวมถึงกึ๋นของบีร็อดที่มีแต่แผนเดียวการเล่นจับทางง่ายแต่ขอลองดูอีกซักตั้งเพราะราฮีมที่ชอบเสียบอลบ่อยและบางตำแหน่งที่เล่นบอลใช้สมองน้อยก็ออกไปเกือบหมดแล้ว คงต้องดูกันว่า"หงส์แดง"จะดูดีขึ้นอย่างไรกับทัพนักเตะที่เสริมเข้ามาแต่ที่แน่ๆโปรแกรมสุดโหดในฤดูกาลใหม่ไม่น่าจะช่วยลิเวอร์พูลเท่าไหร่คงต้องประครองตัวก่อนไปใส่ของเบาเพื่อเรียกความมั่นใจอีกที