ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status: โลกส่วนตัว
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 31 Oct 2013
ตอบ: 375
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Oct 31, 2013 23:53
ประวัติตราสโมสรเชลซี
คนที่เชียร์เชลซียุคใหม่หรือเก่าอาจไม่ทราบกันว่า ที่มาของตราสโมสรเรานั้นมาจากไหนวันนี้
ผมเกิดข้อสงสัยจึงได้ตั้งคำถามแล้ว หาพี่กู๋ไปเจอนี่ เอามาแจกท่านทั้งหลายให้ทราบกันครับ



โลโก้นี้คือโลโก้เริ่มแรกของทีมเชลซี ผู้สูงอายุในวงกลมนั้น เป็นหนึ่งในขุนนางที่มีชื่อเสียงผู้หนึ่ง (ไม่เคยมีใครรู้ด้วยว่าผู้สูงอายุผู้นี้เป็นใคร) โลโก้นี้ไม่เคยใช้เพื่อเป็นสัญลักษณ์ บนอกเสื้อนักเตะมาก่อน อย่างไรก็ตาม จะปรากฎในตารางการแข่งขันและในจอทีวีบอกสกอร์ในสนามเท่านั้น ทำให้ The Pensioner จึงเป็นชื่อเล่นของทีมเชลซีเพื่อเป็นเกียรติ ในฐานะที่เป็นโลโก้แรกของทีมในปัจจุบัน
***คำว่า Pensioner แปลตามพจนานุกรมเป๊ะๆ คือ ผู้มีสิทธิ รับบำนาญ ในอังกฤษสมัยก่อนนั้น คนที่มีสิทธิ์ได้รับบำนาญ คือขุนนาง หากเปรียบในสมัยนี้ คือข้าราชการนั่นเอง



โลโก้ที่สองเริ่มใช้ตั้งแต่ยุคกุนซือเท็ด เดร็คในปี 1952 อดีตกุนซือผู้นี้เป็นผู้ปลุกกระแสให้คิดโลโก้ใหม่แทน The Pensioner และอีกจุดประสงค์หนึ่งก็คือเปลี่ยนชื่อเล่นทีมเป็น The Blues หากเราดูรูปให้ดี เราจะเห็น CFC -> Chelsea Football Club ซ้อนกัน เพราะเหตุนี้ ในสมัยนั้น หากใครบอกว่าพวกเขาคือชาวสีน้ำเงินจะรู้ทันทีว่าเป็นแฟนบอลเชลซี

ซึ่งชื่อเล่นใหม่นี้ก็ได้รับการยอมรับอย่างล้นหลาม จนเป็นสีศักดิ์สิทธิ์ของแฟนบอลเชลซีในช่วงนั้น




โลโก้ที่สามนี้เป็นโลโก้ที่โด่งดังมากที่สุด และเชลซีก็ใช้โลโก้นี้เป็นเวลาถึง 33 ปี โลโก้ด้านนอกนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก แขนของเสื้อนอกของพระชั้นเหนือบิชอฟในเขตมณฑลเชลซี

ส่วนสิงโตสีน้ำเงินถือไม้เท้าสีทองได้รับต้นแบบมาจากแขนเสื้อของ ขุนนางท่านหนึ่งนามว่า Earl Cadogan (Earl ไม่ใช่นามสกุล เป็นชื่อระดับชั้นขุนนาง ระดับเออร์ล) ซึ่งในสมัยนั้น ขุนนางผู้นี้เป็นประธานของทีมเชลซีรวมทั้งได้รับความเห็นชอบ จากขุนนางระดับสูงกว่าระดับบารอนให้ใช้สิงโตถือไม้เท้าได้

***ไม้เท้า มีความหมาย หมายถึงความรู้ ศรัทธา จรรยาต่อพระผู้เป็นเจ้า ก็เหมือนกับพระระดับสูงมีไม้เท้าบอกระดับชั้น อีกทั้งในสมัยก่อน ศาสนจักรรุ่งเรืองมากกว่าอาณาจักร ทำให้สัญลักษณ์อื่นใดก็ตามจากศาสนจักรนั่นเป็นสิ่งต้องห้าม

แต่ถึงกระนั้น เชลซีก็สามารถใช้ได้...เท่ห์แค่ไหน

โลโก้นี้ไม่ได้ใช้บนอกเสื้อนักเตะจนเมื่อถึงปี 1960 โลโก้นี้จึงเสร็จสมบูรณ์และใช้เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นอย่างที่เห็นในรูป

ถึงแม้ว่า โลโก้นี้จะไม่ได้รับการยอมรับว่าเป็นโลโก้ประจำทีมโดยตรง แต่ทีมเชลซีก็ใช้มาตั้งแต่ปี 1960-1970 แต่ทุกๆ คนก็เริ่มจะรู้จักและจำเชลซี ในฐานะสิงโตน้ำเงินก็เพราะโลโก้นี้




ในปี 1986 เชลซีได้ปรับสี่โลโก้ให้เป้นโลโก้เดียวทำให้สินค้าของเชลซีพัฒนาและขายได้ โดยเฉพาะเสื้อและลูกฟุตบอล ในขณะที่สิงโตและ CFC ยืนพื้นและไม่เปลี่ยนแปลง อีกทั้งสีน้ำเงินก็ใช้เป็นสีของทีมเชลซีมาตั้งแต่โลโก้แรก

โลโก้นี้ใช้มาถึง 19 ปี แฟนเชลซีจึงจำเชลซีว่าเป็นทีมสิงโตน้ำเงินโดยสมบูรณ์ ถึงกระนั้นแฟนบอลและผู้สนับสนุนเชลซีกลับจำโลโก้นี้ได้มากกว่าโลโก้ที่สาม แต่เมื่อเวลาผ่านไป แฟนเชลซีกลับต้องการที่จะกลับไปใช้โลโก้แบบเก่า เพื่อจะนำทีมเชลซีสู่สมัยใหม่ การคิดค้นโลโก้ใหม่จึงเริ่มขึ้นอีกครั้ง




เวลาล่วงเลยมาจนถึงปี 2004 ทีมเชลซีจึงได้โลโก้ใหม่ คือ เดือนพฤษภาคม 2005 โดยเอาโลโก้ที่สามเป็นหลัก คือ สิงโตสีน้ำเงินถือไม้เท้าสีน้ำเงินบนพื้นหลังสีขาว ซึ่งความหมาย ของไม้เท้ายังไม่เปลี่ยนแปลง เพียงแต่เปลี่ยนสีตามสีของทีมเท่านั้น ซึ่ง ปีเตอร์ เคนยอน กล่าวว่า

"ทีมเชลซีค้นหาโลโก้เพื่อบ่งบอกถึงตัวตนของเรามานานแสนนาน เรามีประวัติศาสตร์กับสิงโตและสีน้ำเงิน สองสิ่งนี้ล้วนแล้วแต่เกี่ยวกับ เชลซีทั้งสิ้น ทีมเชลซีก็มีอายุเกิน 100 ปีแล้ว แต่ทีมเชลซีก็จะใช้โลโก้นี้ตลอดไป"

ณ ตอนนี้ ทุกคนไม่ว่าจะเป็นใคร ทีมไหน ต่างจำสิงโตสีน้ำเงิน ในฐานะที่เป็นโลโก้ของทีมเชลซีไปหมดแล้ว ครั้นจะมีการเปลี่ยนก็ได้รับเสียงคัดค้านจากแฟนบอลทั่วโลก ถึงแฟนบอลจะมีไม่เยอะเท่าแมนยู ฯ และลิเวอร์พูล แต่ก็ทำให้สโมสรไม่อาจคัดใจแฟนบอลได้ ทีมเชลซีจึงใช้สัญลักษณ์นี้มาจนถึงปัจจุบัน




***Sun newspaper เคยออกแบบโลโก้ทีมเชลซีในคราวที่ทีมเชลซีมีอายุครบ 100 ปีด้วย (อย่าเข้าใจผิดว่าเดอะซัน คนละส่วนกัน)

Credit : http://www.chelsea.in.th/c_history.php

P.S. ผมทันตัวที่ 4 เลยครับ เพราะเริ่มเชียร์นานแล้วพอควร

แล้วท่านทั้งหลายล่ะทันตัวไหนกันบ้าง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
ออฟไลน์
ซุปตาร์ฟุตบอลโลก
Status: กองแช่ง
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 02 Nov 2010
ตอบ: 13015
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Oct 31, 2013 23:55
[RE: ประวัติตราสโมสรเชลซี]
ผมมีเสื้อ โลโก้นี้



0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
LiverpoolFC
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status: โลกส่วนตัว
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 31 Oct 2013
ตอบ: 375
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Oct 31, 2013 23:56
[RE: ประวัติตราสโมสรเชลซี]
กินข้าวยัง พิมพ์ว่า:
ผมมีเสื้อ โลโก้นี้



 

น่าอิจฉา เสื้อปีไหน
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ซุปตาร์ฟุตบอลโลก
Status: กองแช่ง
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 02 Nov 2010
ตอบ: 13015
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Oct 31, 2013 23:59
[RE: ประวัติตราสโมสรเชลซี]
กอลลิล่า คิงคอง พิมพ์ว่า:
กินข้าวยัง พิมพ์ว่า:
ผมมีเสื้อ โลโก้นี้



 

น่าอิจฉา เสื้อปีไหน  


ต้องกลับไปดูที่บ้านอ่ะคับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
LiverpoolFC
ออฟไลน์
ดาวเตะลา ลีกา
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 09 Jan 2011
ตอบ: 15732
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Nov 01, 2013 00:13
[RE: ประวัติตราสโมสรเชลซี]
ผมมีเสื้อปี2004 ก่อนเปลี่ยนตราสโมสร
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน



ออฟไลน์
นักเตะเทศบาล
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 17 Nov 2010
ตอบ: 3064
ที่อยู่: ที่ไหนก็ได้โตแล้ว
โพสเมื่อ: Fri Nov 01, 2013 00:19
[RE: ประวัติตราสโมสรเชลซี]
ทันยุคโลโก้ที่4 เริ่มเชียร์ตอนน้ามูมาคุมเชลซีพอดี ในปีแรกของน้ามูเชลซีใช้โลโก้นี้เป็นปีสุดท้าย
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


ออฟไลน์
นักเตะอบจ.
Status: to victory
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 19 Feb 2011
ตอบ: 7458
ที่อยู่: Ashburton Grove
โพสเมื่อ: Fri Nov 01, 2013 00:25
[RE: ประวัติตราสโมสรเชลซี]
ขอเพิ่มเติมให้หน่อยนะท่าน อันนี้ไม่เกี่ยวกับตรา แต่เกี่ยวกับสโมสร แต่ก็เกี่ยวเนื่องกัน


สโมสรฟุตบอลเชลซี (อังกฤษ: Chelsea Football Club) เป็นทีมฟุตบอลในอังกฤษ ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2448 (ค.ศ. 1905) เคยได้แชมป์ลีกสูงสุดมาแล้ว 4 ครั้ง รวมฤดูกาลล่าสุด (2009-10) เป็นแชมป์ เอฟเอคัพ 9 ครั้ง แชมป์ ลีกคัพ 8 ครั้ง, แชมป์ ยูฟ่าคัพ 10 ครั้ง และยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 1 ครั้ง สนามเหย้าของทีมคือ สแตมฟอร์ดบริดจ์ จุผู้ชมได้ 42,449 คน ตั้งอยู่ในเขตชุมชนฟูแลมบริเวณตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองลอนดอน ทีมฟุตบอลเชลซีไม่ได้ตั้งอยู่ในเขตชุมชนเชลซี แต่ตั้งอยู่บนถนนฟูลัม ซึ่งเป็นถนนที่เชื่อมระหว่างเขตฟูแลมและเขตเชลซี

สโมสรฟุตบอลเชลซีก่อตั้งเมื่อ 10 มีนาคม พ.ศ. 2448 (ค.ศ. 1905) ที่ ผับชื่อเดอะไรซิงซัน ตรงข้ามกับสนามแข่งปัจจุบันบนถนนฟูแลม และได้เข้าร่วมกับลีกฟุตบอลในเวลาต่อมา เชลซีเริ่มมีชื่อเสียงภายหลังจากที่ได้รับชัยชนะใน ดิวิชั่น 1 ฤดูกาล 1954–55
ปี 1996 แต่งตั้ง รุด กุลลิท (Ruud Gullit) เป็นทั้งผู้เล่นและผู้จัดการทีม เชลซีสามารถคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ มาครองได้ในยุคของกุลลิทนี้
ปี 1997 เปลี่ยนผู้จัดการทีมเป็น จิอันลูก้า วิอัลลี่ ( Gianluca Vialli) โดยเป็นทั้งผู้เล่นและผู้จัดการทีมในช่วงแรก ในยุคของวิอัลลี่นี้สามารถทำทีมได้แชมป์ลีกคัพ และ ยูฟ่า คัพวินเนอร์สคัพและสามารถเข้าถึงรอบรอง"ยูฟ่า คัพวินเนอร์สคัพ"ได้เป็นปีทีสองติดต่อกันก่อนที่จะแพ้รีล มายอร์ก้าในปีนั้นทีมที่ได้แชมป์คือ ลาซิโอทีมจากอิตาลีไป ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่มีการจัดการแข่งขัน "ยูฟ่า คัพวินเนอร์สคัพ"
ปี 2000 จิอันลูก้า วิอัลลี่ถูกปลดออกจากผู้จัดการทีมและแทนที่ด้วย เคลาดิโอ รานิเอรี (Claudio Ranieri) เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ ในยุคของรานิเอรีนั้น เชลซีมีผลงานติดห้าอันดับแรกของของพรีเมียร์ลีกอย่างสม่ำเสมอ
มิถุนายน ปี พ.ศ. 2546 (ค.ศ. 2003) โรมัน อบราโมวิช เข้าซื้อกิจการต่อจากเคน เบตส์ (Ken Bates) ในราคา 140 ล้านปอนด์ หลังการเข้าซื้อกิจการของมหาเศรษฐีชาวรัสเซีย เคลาดิโอ รานิเอรีซึ่งเป็นผู้จัดการทีมในขณะนั้นยังคงได้คุมทีมต่อไป ภายใต้การเปลี่ยนแปลงทีมอย่างมากมาย มีการซื้อนักเตะชื่อดังหลายรายเข้ามาเสริมทีมโดยใช้เงินไปอีกมากมายกว่าร้อยล้านปอนด์ เมื่อสิ้นสุดฤดูกาลแข่งขันเชลซีไม่คว้าแชมป์ใดมาได้เลย สามารถทำอันดับ 2 ของพรีเมียร์ลีก และ เข้าสู่รอบ 4 ทีมสุดท้ายยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก เมื่อจบฤดูกาลแรกหลังจากเข้าซื้อกิจการของมหาเศรษฐีชาวรัสเซีย ทางทีมจึงได้ปลด เคลาดิโอ รานิเอรี่ ออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม และได้เซ็นสัญญาให้ โชเซ่ มูรินโญ่ ( José Mourinho) เป็นผู้จัดการทีมต่อมา
ปี พ.ศ. 2547 (ค.ศ. 2004) เปลี่ยนผู้จัดการทีมเป็น โชเซ่ มูรินโญ่ ซึ่งสร้างสีสันให้กับวงการฟุตบอลอังกฤษในสมัยนั้นเป็นอย่างมากกับบทสัมภาษณ์และทัศนะของ มูริญโญ่เอง
ปี พ.ศ. 2548 (ค.ศ. 2005) ได้เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกหลังจาก โรมัน อบราโมวิช เข้าซื้อกิจการของสโมสร และครบร้อยปีจากการตั้งสโมสร
ปี พ.ศ. 2549 (ค.ศ. 2006) ได้เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกอีกครั้งสองสมัยติดต่อกัน
20 กันยายน พ.ศ. 2550 มูรินโญ่ถูกไล่ออกจากตำแหน่ง หลังจากทำผลงานไม่ดี 3 นัดติดต่อกัน แพ้ แอสตันวิลลา 0-2 เสมอแบล็กเบิร์นโรเวอร์ส 0-0 และไล่ตีเสมอโรเซนบอร์ก 1-1 [2] และเปลี่ยนผู้จัดการทีมเป็น อัฟราม แกรนท์ (Afram Grant)
11 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 สิ้นสุดฤดูกาลแรกของ อัฟราม แกรนท์ ไม่สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ หลังจากรับงาน อัฟราม แกรนท์ พาทีมเชลซีต่อสู้แย่งแชมป์กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จนถึงนัดสุดท้าย แต่ไม่สามารถทำได้โดยนัดสุดท้ายทำได้เพียงเสมอกับ โบลตัน (Bolton) 1-1 โดยถูกตีเสมอในนาทีสุดท้ายของการแข่งขัน สิ้นสุดฤดูกาลเชลซีทำแต้มได้ 85 แต้ม โดยแชมป์ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด) ทำได้ 87 แต้ม
21 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 เข้าชิงแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกเป็นครั้งแรกของสโมสร กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่กรุงมอสโค ประเทศรัสเซีย ในเวลา 120 นาทีเสมอกัน 1-1 ต้องเตะลูกจุดโทษตัดสิน เชลซีแพ้ไป 10-9 ประตู
24 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 ผู้บริหารสโมสรมีมติปลดอัฟราม แกรนท์ ออกจากตำแหน่ง
1 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 สโมสรเชลซีแต่งตั้ง หลุย เฟลิปเป้ สโกลารี่ ขึ้นเป็นกุนซือเชลซีอย่างเป็นทางการ
9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 สโกลารี่ทำผลงานได้ไม่ดี หลังจากนำทีมเสมอต่อ ฮัลล์ 1-1 ตามหลังแมนฯ ยูผู้นำอยู่ 7 แต้ม ผู้บริหารสโมสรได้มีมติปลดออกจากตำแหน่ง
12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 มติสโมสรแต่งตั้ง กุส ฮิดดิ้งค์ กุนซือชาวฮอลแลนด์ผู้จัดการทีมชาติรัสเซียเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ โดยฮิดดิ้งค์จะทำหน้าที่ควบ 2 ตำแหน่ง ทั้งผู้จัดการทีมชาติรัสเซียและผู้จัดการเชลซี และกุส ฮิดดิ้งค์ นี้พาเชลชี คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ สมัยที่ 5 โดยเอาชนะเอฟเวอร์ตันในนัดชิงชนะเลิศ
1 มิถุนายน พ.ศ. 2552 สโมสรเชลซีแต่งตั้ง คาร์โล อันเชล็อตติ ขึ้นเป็นกุนซือเชลซีอย่างเป็นทางการ
ปี พ.ศ. 2553 ได้แชมป์พรีเมียร์ชิพ นับเป็นแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 4
ปี พ.ศ. 2553 คว้า ดับเบิ้ลแชมป์ เป็นครั้งแรก ของสโมสร โดยคว้า แชมป์ พรีเมียร์ลีก และ FA-CUP
22 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 คาร์โล อันเชล็อตติ ถูกปลดจากตำแหน่งหลังทำผลงานฤดูกาลที่ 2 ของเขากับเชลซีได้น่าผิดหวัง โดยเชลซีไม่สามารถคว้าแชมป์ได้เลย[3]
22 มิถุนายน พ.ศ. 2554 สโมสรประกาศแต่งตั้ง อังเดร วิลลาส-โบอาส โค้ชชาวโปรตุเกสเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่[4]
4 มีนาคม พ.ศ. 2555 อังเดร วิลลาส-โบอาส ถูกปลดออกจากตำแหน่ง เนื่องจากผลงานไม่ดีตามการคาดหวัง และแต่งตั้งให้ โรแบร์โต ดิ มัตเตโอ เป็นผู้จัดการทีมชั่วคราวจนจบฤดูกาล[5]
5 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 โรแบร์โต ดิ มัตเตโอ ผู้จัดการทีมชั่วคราวของเชลซีได้นำทีมคว้าแชมป์ เอฟเอคัพ ได้เป็นสมัยที่ 7 ของสโมสร โดยชนะ สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล ไป 2-1 จากลูกยิงของ รามีเรส และ ดร็อกบา[6]
19 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 เชลซีคว้าแชมป์ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ได้เป็นสมัยแรก โดยชนะ สโมสรฟุตบอลบาเยิร์นมิวนิก ในการดวลจุดโทษไป 4-3 โดยเสมอในเวลา 1-1 ซึ่งเป็นแชมป์ที่สองในฤดูกาล 2011-12 ของเชลซี[7]
21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 เชลซีไม่ชนะใครมา 5นัดติดต่อกัน ทั้งในพรีเมียร์ลีกและยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก โรแบร์โต ดิ มัตเตโอ ผู้จัดการทีมของเชลซี จึงถูกปลดออกจากตำแหน่งทันทีหลังจากแพ้ให้กับ สโมสรฟุตบอลยูเวนตุส ด้วยสกอร์ 3-0 ในรอบแบ่งกลุ่มยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก สาเหตุที่ทำให้ถูกปลดอย่างรวดเร็วเนื่องจาก โรมันอับราโมวิช ประธานสโมสร ไม่ชอบสไตล์การทำทีมของ โรแบร์โต ดิ มัตเตโอ ในวันรุ่งขึ้น สโมสรประกาศแต่งตั้ง ราฟาเอล เบนีเตซ โค้ชชาวสเปนเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่
สแตมฟอร์ดบริดจ์

สแตมฟอร์ดบริดจ์ (Stamford Bridge) เป็นสนามฟุตบอลแห่งเดียวของเชลซีตั้งแต่เริ่มก่อตั้งมาตั้งอยู่ในเขตฟูแลม ในลอนดอน โดยเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2420 โดยในช่วง 28 ปีแรกที่เปิดใช้ ได้ใช้เป็นส่วนหนึ่งของสนามกรีฑาด้วย สนามสแตมฟอร์ดบริดจ์ออกแบบโดยสถาปนิกชาวสก็อต จุคนได้กว่า 42,000 คน

ผลงาน

แชมป์ ดิวิชั่น 1 เดิม กับ เอฟเอ พรีเมียร์ลีก: 4 ครั้ง
1955, 2005, 2006, 2010
ฟุตบอลลีกดิวิชั่นสอง: 2 ครั้ง
1984, 1989
เอฟเอคัพ: 7 ครั้ง
1970, 1997, 2000, 2007, 2009, 2010, 2012[11]
ลีกคัพ: 4 ครั้ง
1965, 1998, 2005, 2007
คอมมูนิตีชิลด์ (เดิมคือ ชาริตีชิลด์)
1955, 2000, 2005, 2009
ฟูลล์ เมมเบอร์ส' คัพ
1986, 1990
ยูฟ่า คัพวินเนอร์สคัพ
1971, 1998
ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ
1998
เอฟเอ ยูธ คัพ
1960, 1961, 2008, 2010
รองแชมป์ฟุตบอลเอฟเอคัพ
1951, 1997, 1994
แชมป์ (มะกิตะ/อัมโบร โทรฟี่)
1994, 1997
ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก
แชมป์ 2012
รอบรองชนะเลิศ 2004, 2005, 2007, 2009
รองแชมป์ 2008
ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก
รองแชมป์ 2012
เวิลด์ ฟุตบอล ชาลเลนจ์
2009
5
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะหมู่บ้าน
Status: TWICE SANA
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 2055
ที่อยู่: NO SANA NO LIFE
โพสเมื่อ: Fri Nov 01, 2013 00:31
[RE: ประวัติตราสโมสรเชลซี]


ผมเริ่มเชียร์ตั้งเเต่ที่มีโลโก้นี้

อันดับเเรกที่ทำคือ เเกะกระจก

แก้ไขล่าสุดโดย THE-TRIBEZ CFC เมื่อ Fri Nov 01, 2013 00:31, ทั้งหมด 1 ครั้ง
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

ออฟไลน์
นักเตะท้ายซอย
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 28 Oct 2013
ตอบ: 1540
ที่อยู่: อยากรู้ PM จิ
โพสเมื่อ: Fri Nov 01, 2013 00:57
[RE: ประวัติตราสโมสรเชลซี]
ทันแค่ 3-4-5
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไม่พอใจ ก็เลิกเล่นเวปเค้าดิ๊
ไม่ชอบเค้าก้ อย่ามาเล่นเวปเค้าดิ๊
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ง.
Status: “To be, or not to be, that is the question”
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 07 Jul 2009
ตอบ: 2511
ที่อยู่: เมืองอุรายาสึ
โพสเมื่อ: Fri Nov 01, 2013 01:04
[RE: ประวัติตราสโมสรเชลซี]
เคยมีเสื้อ Autoglass ของรุ่นที่ 4 อะ

เตะบอลตอนสมัยป.1 เลยทีเดียว

1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel