ลิเวอร์พูลเริ่มต้นได้อย่างเหนือความคาดหมาย การเก็บชัยชนะสามนัดติดในการออกสตาร์ทฤดูกาลเป็นอะไรที่แฟนๆ "คาดไม่ถึง" อย่างไรก็ตามสามนัดให้หลัง ศักยภาพที่แท้จริงของพวกเขาเริ่มปรากฏ ชัดเจน

รอดเจอร์ นักเตะหน้าใหม่ รวมถึงแผนการเล่นที่ถูกปรับเปลี่ยนไปใหม่ตามความเหมาะสม เริ่มแสดงความสั่นคลอน และถูกจำกัดความสามารถจากคู่ต่อสู้ที่เตรียมแผนรับมือมาเป็นอย่างดี และมันจะเป็นอย่างนี้ต่อไปหากพวกเขาไม่สามารถเปลี่ยน"ความเคยชิน" ที่เป็นอยู่นี่ได้


ความเคยชินที่ 1 - โรเตชั่น

นับตั้งแต่รอดเจอร์ก้าวเข้ามาสู่รั้วแอนฟิลด์ แม้ทุกอย่างจะดูเป็นระบบมากขึ้นแต่สิ่งหนึ่งที่สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปตลอดเวลาคือ "ตำแหน่งนักเตะ"

หลายคนอาจมองว่าการที่นักเตะนั้นมีความหลากหลายในตำแหน่งนั้นเป็นอะไรที่ดูน่าชม
นั่นอาจเป็นแค่เพียงมโนที่อึกอักทักกันไปเอง เมื่อหลายครั้งความไม่ชินของนักเตะในตำแหน่งที่สองก่อให้เกิดผลเสีย มากกว่าผลดี อาทิเช่น

การนำวิสดอมที่มีสัญชาติญาณตัวรับเต็มรูปแบบไปอยู่ในตำแหน่งที่ต้องช่วยเกมรุกแบบสุดฝีมือผลสุดท้าย "เกมรุกไม่ช่วย เกมรับผิดตำแหน่ง"

อัลแลน ที่ต้องเล่นทุกตำแหน่งในกองกลาง จนบางครั้งเจ้าตัวหลงลืมไปว่า ตัวเองต้องรับหรือรุก

ล่าสุดเฮนเดอร์สัน ที่ต้องผันตัวเองไปเป็นปีกขวาจำเป็น แม้ความกระเหี้ยนกระหือรือจะผลักดันให้ตัวเขามีสกิลการวิ่งที่พล่านไปทั่วแนวกราบขวา แต่ทักษะการยิงประตูและการเปิดบอลจากด้านข้างของเขาไม่ได้ตอบโจทย์เกมรุกด้านขวาเลย และสุดท้ายมันจะกลายเป็นอาวุธที่ย้อนกลับมาทำร้ายเขาเหมือนกับเดิร์กเค้าท์ ที่ต้องสูญเสียความเป็นเพรชฆาตเมื่อถูกราฟานำมาใช้ในตำแหน่งที่ต่างออกไป

ความเคยชินที่ 2 - ความรักพี่ เสียดายน้อง

ลูคัส เจอร์ราด เฮนโด้ คูติญโย่ สี่กองกลางฟอร์มดี กับสามตำแหน่งที่คู่ควร มันคงจะเป็นอะไรที่ปวดหัวไม่น้อย หากต้องเลือกตัดใครสักคนออกไปจากทีมในขณะที่พวกเขาทำผลงานได้ดี แต่บางครั้ง คุณต้องเลือกเชื่อใจนักเตะที่คุณมีในตำแหน่งนั้นๆ

หากลูคัสคือจุดยืนในเกมรับ และคูติญโย่คือแม่ทัพในเกมรุก ตำแหน่งที่เหลือควรจะเป็นการชิงดีกันระหว่างประสบการณ์และความสด เพราะอย่างที่ได้กล่าวไปแล้วในความเคยชินที่ 1 ว่าการนำเอาเฮนโด้ไปประจำกราบขวาเป็นเพียงเเค่เดิร์กเค้าท์ร่างที่ขาดสัญชาติญาณการทำประตูไปเท่านั้น

การเล่นรวมกันของเจอร์ราดและเฮนโด้ มันทำให้ผมนึกถึงทีมชาติอังกฤษที่มีแลมพาร์ดทำเกมอย่างกลางสนามและเจอร์ราดต้องผันไปเป็นปีกขวายังไงยังงั้น ผลสุดท้ายมันก็เป็นอย่างที่เห็นเพราะแม้ว่าพวกเขาจะทำได้ดี แต่มันเป็นแค่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น เพราะในที่สุดแล้วคู่แข่งก็จะสามารถผิดจุดนั้นได้อย่างมิดชิดและมันเป็นการทำลายศักยภาพที่ดีที่สุดของเขาไป

ความเคยชินที่ 3 - ความเกรงกลัวในการพ่ายแพ้

แน่นอนว่าหากคนเรากลัวที่จะแพ้ เราย่อมไม่แพ้ แต่นั่นเป็นหลักการที่เหมาะกับการนำมาใช้กับเกมฟุตบอลแล้วหรือ?

การครองบอลอย่างอดทน ที่รอดเจอร์ปลูกฝังให้กับลูกทีมถูกทำลายไปหมดสิ้นยามที่พวกเขาได้ประตูขึ้นนำลิเวอร์พูลกลับมาตั้งรับอย่างอดทน เพื่อรักษาสกอร์นั้นไว้ และในท้ายที่สุดเมื่อเขาไม่สามารถรักษาไว้ได้ความมั่นใจสิ่งที่ถูกกลืนกินไปคือ "ความั่นใจของพวกเขาเอง"

ความเคยชินชิ้นสุดท้าย - ความหลงลืมความกระหายชัยชนะ

หากคุณกำลังนั่งดูลิโอเนล เมสซี่ หรือหลุยส์ ซัวเรสเล่นฟุตบอลอยู่ พวกเขาจะวิ่ง วิ่ง และวิ่งจนกว่าเสียงนกหวีดจะหมดลง ไม่ว่าผลการแข่งขันในเวลานั้นจะเป็นเช่นไร นิสัยเหล่านี้มันคือความกระหายในชัยชนะ ที่ไม่ปรากฏมานานแล้วในเกมที่ลิเวอร์พูลลงแข่ง

นัดล่าสุดพวกเขาไม่สามารถทำได้แม้แย่งบอลจากตีนของผู้เล่นทีมเยือน ผู้เล่นหลายคนเดินเหยาะ แหยะ อย่างใจเย็นเพื่อฆ่าเวลาให้ตายนาทีแล้วนาทีเล่า โดยไม่มีทีท่าว่าจะสู้ ทัศนคติแบบนี้ต้องถูกทำลาย ก่อนที่จะสายเกินไป

การกลับมาของซัวเรสจะเพิ่มความกระชุ่มกระชวยในแง่ของเกมรุกและรับ แต่การคาดหวังว่าคนๆ เดียวจะทำอะไรได้มากนั้นเป็นความคิดที่ผิดต่อเกมฟุตบอล หากลิเวอร์พูลต้องการจะกลับไปโลดแล่นบนเวทียุโรป พวกเขาต้องสู้มากกว่าที่เคยพวกเขาต้องสู้กันทุกคน ทั้งผู้จัดการทีมและนักเตะ และอย่าปล่อยให้ความเคยชินนั้นมาทำร้ายความหวังที่พวกเขามี มิเช่นนั้น วลียอดฮิต "ปีหน้าเอาใหม่" คงมาเยือนเราเร็วมากก เหมือนเช่นหลายปีที่ผ่านมา

"ความเคยชิน ถูกเปลี่ยน เป็นความเฉื่อย
ความล้าเหนื่อย จะพานพบ ประสบเขา
ในบั้นปลาย ท้ายทาง อาจมอมเมา
ถือถ้วยเปล่า แชมป์ว่าว เพราะความชิน"

แต่ผมชิน กับ หงส์ อยู่ กลางๆตารางมากกว่า

เขียนใด้ดีครับ เป็นอีกมุมมองหนึ่ง

เขียนได้ดีมากเลย ครับ

เชอะ แสดงว่าเพิ่งดูบอลมา 4-5 ปีหลัง เมื่อก่อนเค้าอยู่หัวตารางหรอกนะ

มันคงไม่ใช่ความเคยชินนะ มันเป็นเพราะการวางแผนกับแทรคติกมากกว่า ผมเคยบอกแล้วว่า BR เป็นโค้ชที่ดีในทีมระดับกลาง จึงทำทีมให้อยู่ในระดับกลางได้สบาย ถ้าอยากให้ทีมอยู่ในระดับสูงคุณคงต้องมีเงินมากกว่านี้ เพื่อจ้างโค้ชกับนักเตะที่ดีกว่าทุกวันนี้ในบางตำแหน่ง เอาเงินที่จ่ายออกไปเพื่อซื้อผู้เล่นที่ผมยอมรับว่าไม่ได้เรื่อง มารวมกันแล้วซื้อหนังเตะเกรด A มา 1 คนดีกว่า เสริมทีมตามระบบก็เข้าใจ แต่ 5 นัดยิงไม่ได้ เลี้ยงไม่ผ่าน ก็นั่งสำรองดีกว่า เอามาทำไมมากมายสุดท้ายไม่รู้ว่าจะเป็นไง แต่ยังไงก็ตามเชียร์กันต่อไป

เยี่ยมครับ

ของบางอย่างอาจจะต้องใช้เวลานานเพื่อพิสูจน์ว่าเป็นของจริงหรือไม่
อัสปาสอาจจะเป็นนักเตะที่ไม่ดีในตอนี้แต่ไม่แน่ว่าต่อไปจะดีไม่ได้
เช่นเดียวกับรอดเจอร์ที่ผมมองว่าแกมีโอกาสพัฒนาตัวเอง เพียงแค่
"พูดให้น้อยลง แล้วทำให้เยอะขึ้น"

โดน