การวิเคราะห์ GDP ของประเทศไทยย้อนหลัง 30 ปี (พ.ศ. 2538 – 2567) สะท้อนให้เห็นถึงวงจรเศรษฐกิจที่ผ่านทั้งจุดรุ่งเรืองที่สุด วิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ และช่วงการปรับโครงสร้างในปัจจุบัน โดยสามารถแบ่งออกเป็นรายปีและเหตุการณ์สำคัญได้ดังนี้ครับ

1. ทศวรรษแห่งวิกฤตต้มยำกุ้งและการฟื้นตัว (2538 – 2547)
เป็นช่วงที่ไทยเปลี่ยนจาก "เสือตัวที่ 5" เข้าสู่ภาวะล้มละลายก่อนจะกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง

2538 (8.1%): ช่วงท้ายของความรุ่งเรือง เศรษฐกิจขยายตัวสูงจากการลงทุนภาคเอกชนที่ร้อนแรง

2539 (5.9%): เริ่มเห็นสัญญาณฟองสบู่ในอสังหาริมทรัพย์และการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด

2540 (-2.8%): จุดเริ่มต้นวิกฤตต้มยำกุ้ง ประกาศลอยตัวค่าเงินบาท (2 ก.ค. 40)

2541 (-7.6%): จุดต่ำสุดของเศรษฐกิจไทย ธุรกิจล้มละลายจำนวนมากและต้องรับความช่วยเหลือจาก IMF

2542 (4.6%): เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวจากการส่งออกที่ได้อานิสงส์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า

2543 - 2547: ช่วงการปฏิรูปโครงสร้างหนี้ เศรษฐกิจเติบโตเฉลี่ย 5-6% ต่อปี โดยปี 2546 (7.2%) และ 2547 (6.3%) เติบโตได้ดีมากจากการส่งออกและการท่องเที่ยว

2. ทศวรรษแห่งความผันผวนทางการเมืองและโลก (2548 – 2557)
2548 (4.2%): ชะลอตัวเล็กน้อยจากเหตุการณ์สึนามิปลายปี 47 และราคาน้ำมันโลกเริ่มพุ่งสูง

2549 (5.0%): เกิดรัฐประหาร แต่การส่งออกยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก

2551 (1.7%): วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ เริ่มกระทบการส่งออกไทยในช่วงปลายปี

2552 (-0.7%): เศรษฐกิจหดตัวจากวิกฤตการเงินโลกและความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศ

2553 (7.5%): ฟื้นตัวแบบ V-Shape อย่างรุนแรงจากการกระตุ้นเศรษฐกิจและการส่งออก

2554 (0.8%): มหาอุทกภัย น้ำท่วมใหญ่นิคมอุตสาหกรรมในภาคกลาง ทำให้การผลิตหยุดชะงัก

2555 (7.2%): ฟื้นตัวก้าวกระโดดจากการซ่อมแซมเมืองและนโยบายรถคันแรก

2557 (1.0%): เศรษฐกิจหยุดชะงักจากการชุมนุมทางการเมืองที่ลากยาวและการรัฐประหาร

3. ทศวรรษแห่งสังคมสูงวัยและวิกฤตโควิด (2558 – 2567)
เป็นช่วงที่ไทยเริ่มเข้าสู่กับดักรายได้ปานกลาง (Middle Income Trap) เติบโตช้าลงอย่างเห็นได้ชัด

2558 - 2561: เติบโตประคองตัวที่ 3-4% โดยมี "การท่องเที่ยว" และ "การลงทุนภาครัฐ" เป็นพระเอก

2562 (2.1%): ชะลอตัวจากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน และเงินบาทที่แข็งค่าเกินไป

2563 (-6.1%): วิกฤต COVID-19 ปิดประเทศ ท่องเที่ยวเป็นศูนย์ เศรษฐกิจหดตัวรุนแรงเป็นอันดับ 2 ในรอบ 30 ปี

2564 (1.6%): ฟื้นตัวช้าๆ ท่ามกลางการระบาดระลอกใหม่

2565 (2.6%): เริ่มเปิดประเทศ กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับมาปกติ

2566 (1.9%): เติบโตต่ำกว่าคาด เนื่องจากการส่งออกหดตัวตามเศรษฐกิจโลก และงบประมาณภาครัฐล่าช้า

2567 (2.5%): (ประมาณการ) ฟื้นตัวจากภาคการท่องเที่ยวที่กลับมาเกือบปกติ แต่ถูกกดดันด้วยหนี้ครัวเรือนที่สูงถึง 90% ของ GDP

บทสรุปภาพรวม 30 ปี
ค่าเฉลี่ยที่ลดลง: จากเดิมที่เคยโตได้ 7-8% ปัจจุบันศักยภาพ (Potential GDP) ของไทยลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 2-3% เท่านั้น

เครื่องยนต์เปลี่ยนชุด: จากเดิมที่พึ่งพาการลงทุนภาคเอกชน (ก่อนปี 40) เปลี่ยนมาพึ่งพาการส่งออก และปัจจุบันพึ่งพาภาคบริการและการท่องเที่ยวเป็นหลัก

ความท้าทายใหม่: ปัญหาหนี้ครัวเรือน สังคมสูงวัย และความสามารถในการแข่งขันด้านเทคโนโลยี เป็นปัจจัยที่ทำให้ GDP ในช่วงปีหลังๆ เติบโตได้ยากขึ้น

บทความจาก Gemini
ถ้าแก้ปัญหาสงคราม สแกมเมอ ทุนเทา คอรัปชั่นไม่ได้
มีหวัง ไม่เกิน2.5 ไปตลอด
ไม่แปลกใจเวียดนามจะแซงไทยในอีกไม่เกิน 5ปี 10ปี

ต้มยำปลากระป๋อง กำลังจะมา อสังหา สร้างแต่ไม่มีคนซื้อ คนที่ซื้อก็พวกทุนเทา เหมาโครงการ

สมัยก่อนเจอลูป รปห จะเอาอะไรมาโต มาสมัยนี้เขียนรัฐธรรมนูญให้การเมืองแมร่ง Chaos ซะเลยแล้วใช้สานรัดนูนดักฟันนักการเมืองที่ประชาชนเลือกเข้ามาอีกที

ปรสิตรอบทิศ หลอกขายฝันเลี้ยงไข้คนไทยไปวันๆ สภาพนี้รอแตก อยู่ที่ว่าเมื่อไร

เวลาเหลือน้อยแล้วพอคนเกิด 202X แตะ 50 มันน่าจะลงแบบรถไฟเหาะ

เมื่อไหร่จะรวมเศรษฐกิจเงาเข้ามาในระบบได้ซักที ถามว่าตอนนี้แย่ไหมก็แย่แหละ แต่คนที่มีเงินจากเศรษฐกิจนอกระบบก็มีเยอะ (ไม่ใช่สีเทา) พอไม่ได้รวมเข้ามามันทำให้ประเทศดูแย่มากๆ ไม่ใช่ว่าเราต้องการตัวเลขสวยๆ แต่การลงทุนเพิ่มเติมจากต่างประเทศเค้าก็ดูอัตราการเจริญเติบโตของ gdp ด้วย

ก็รอดูละครปาหี่กันต่อไป ตราบใดที่รัฐบาลยังหน้าตาแถวๆนี้ ไม่มีทางฟื้นคืนอะไรได้

ส่วนเวียดนามจะแซงไทยในอีกไม่เกิน 5ปี 10ปี เลขนี้ผมว่าเป็นอดีตไปแล้ว

สำหรับผม ผมมั่นใจเลยว่าไม่กี่ปีนี้แหละ เค้าแซงแน่นอน

ไอ่เลข 5ปี10ปีนั่นอะ จะกลายเป็น gdp per capita ที่ตามเราทัน

ในอีก 5ปี10ปี ดูแผนเค้า ดูการวางหมาก การวางยุทธศาสตร์ FDI FTAs ประชากร ...

ทุกสิ่งทุกอย่างชัดมากๆ ว่าเค้าจะแซงเราชนิดไม่เห็นฝุ่น

เวียดนามตอนนี้ก็เหมือนจีนคือระดับผู้นำเค้าค่อนข้างจริงจังในทุกเรื่อง คอรัปชั่นก็จัดการ เศรษฐกิจก็ดึงนักลงทุนไปได้เยอะ ด้วยเป็นคอมเวลาจะทำอะไรมันเลยไม่ต้องมีอะไรมาก ทำได้ในทิศทางเดียวกันเลย ส่วนของไทยมันสมบูร ข้างบนก็อะไรไม่รู้ เหมือนย้อนยุคไปสมัยอยุธยา นี่ถ้ามีตระกูลอื่นสร้างฐานอำนาจแก่งแย่งแบบสมัยนั้น คงเปลี่ยนราชวงศ์ไปแล้วมั้ง

อีลิทผู้คุมประเทศ ทหาร

เน้นความมั่งคั่ง อำนาจในเครือข่ายตัวเอง

GDP เศรษฐกิจ จะยังไงก็ไม่สน ขอแค่ปกป้องอำนาจ ความมั่งคั่งเครือข่ายตัวเองพอ

ประชาชนพร้อมปกป้อง ชาติ ศาสนา อิม