ตอนต้นปี ผมมีเงินเก็บอยู่ 1แสน ตั้งใจจะเอาไปลงหุ้นเมกา เล็งพวกกลุ่มเทค เอาไว้
ที่นี้ มีหนึ่งคนที่ผมเคารพ ความคิดเค้า คนนี้เป็นคนที่ บอก ซื้อก็ควรซื้อ ไม่ควรซื้อก็ควรซื้อก็ไม่ควร ยกตัวอย่างตอนทอง 2หมื่นปลาย เค้าบอก รีบซื้อซะ เดี่ยวมีเรื่องสงคราม กินระยะเวลาไม่นาน ทองพุ่งตามที่เห็นเลย หรือจะเหรียญ xrp ตอนที่ ราคา 20 กว่าบาท คุยกัน เค้าบอกให้รีบเก้บ หลังจากนั้นสองเดือน พุ่ง ไป เตะเหรียญละ เป็นร้อย

จนถึงคราวผมไปถามว่า ผมจะเข้าหุ้นเมกาเค้าคิดว่าไง เค้าบอกว่าผม อย่าพึ่งเข้าเดี่ยวมันจะมีจังหวะลง แบบยับๆ
แล้วหลังจากนั้นแบบไม่นานจริงๆ 1เดือนกว่า ลงแบบยับๆ จริงๆ ทำให้ผมยังไม่กล้าเข้า

แล้วก็ทิ้งโปรเจ็คไว้ซะอย่างนั้น บวกงานเยอะมากด้วย ทิ้งแบบไม่ได้ดูเลย

พอมาช่วงปลายปี กลายเป็นว่าเงินไม่มีเก็บเพิ่ม แถม ลดเหลือไม่ถึงแสน เลยกะเอาไปใส่หุ้นเมกากันตัวเองใช้ พึ่งเปิดพรอ์ตได้ 2-3 วัน ใส่เงินไปบ้างแล้ว มานั่งดู โห แม่งพลาดชิบหายเลย ปีนี้คือปีทองของหุ้นเทค ขึ้น แบบทะลุทะลวง แทบทุกตัว มีหุ้นแจ้งเกิดใหม่หลายตัว ดีดแล้วดีดอีก เรียกได้ว่า ถ้าซื้อช่วงที่มันตกตอนนั้น หลายเด้ง กันถ่วนหน้า ผมมาเข้า ช่วงที่หลายตัว ดีดไปทำ ath แล้ว แต่ยังโชคดีอยุ่ๆนิด เป็นจังหวะย่อของหลายๆ ตัวพอดี

ได้แต่นึกเสียดาย ปล่อยทิ้งไว้นานเกินถ้าเข้าช่วงก่อนหน้า เรียกว่าซื้อตัวไหนก็ถูกหวย แม่มขึ้นทุกตัว

ตอนนี้ได้แต่หวังว่า ปีหน้า เทรน ai ยังคงไปต่อได้ยาวๆ แล้วจะ ทยอยเก็ยตัวสำคัญ dca เข้าทุกเดือน

เลยได้เป้าหมายใหม่ปีหน้า ที่จะถึงนี้ จะเริ่มลงทุน กับหุ้นเมกา แล้วก็ อยากให้เพื่อน ศึกษา การลงทุนนี้เพิ่ม

ผมมองว่า เหตุการณืครั้งนี้ มันมีความเหมือนและคล้าย วิกฤต .คอม ตอนนั้นคือทุกบริษัท หาทางเอาตัวเองให้มี หน้าเว็บไซตเป็นของตัวเอง เพื่อตามเทรน ครั้งนี้ผมก็ว่ามันคล้ายๆกัน ทุักบริษัท นำ ai เข้ามาใช้ในองค์กรณ์
แต่ผมมองว่า ตัว ai มันมีประโยชน์ มากกว่า .คอมนั้นเยอะ ุถ้าเราเลือกดีๆ ว่า องค์ไหนได้ประโยชน์แบบจริงๆ จาก ai จริง ศึ่งษาและวิเคราะห์ดีๆ น่าจะ จิ้มถูกตัวได้ ไม่ยาก กับยุคที่ ความรู้ และข้อมูลเต็มไปหมดเลย

ผมไปเมกามาหลายปีละ เป็นหนึ่งในการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิต แต่ขอเตือนไว้หน่อยว่าถ้าจะลงกลุ่มเทคมันมีสองกลุ่มหลักๆ กลุ่มแรกคือตัวที่มันโตแล้ว เช่นพวกเจ็ดนางฟ้า กลุ่มนี้ค่อนข้างถือแล้วสบายใจ ซื้อเวลาเขามีปัญหาคิดว่ายังไงก็กลับมา ตัวอย่างก็ตอน nflx ปี 2022 ที่ตกแบบยับๆเพราะเรื่องไม่ให้แชร์บัญชี หรือที่ใกล้ๆก็ goog ช่วงปีก่อนที่โดนเล่นหนักเรื่องคนจะไม่เสริชแล้ว+คดีความ สุดท้ายก็วิ่งกลับมาบวกเป็นเด้งได้ กับอีกกลุ่มที่ต้องระวังมากๆคือตัวที่เป็นสาย growth หลายตัวยังไม่มีกำไร เช่นเซ็ตหุ้นที่คนไทยต้องมี อย่าง iren oklo ionq rklb asts eose pltr พวกนี้ลงได้แต่ให้กระจายความเสี่ยงด้วย เพราะโอเคมันขึ้นแรงจริง แต่เวลามันลงนี่เป็นหลายสิบเปอร์ได้ในวันเดียวเลย ถ้าใจไม่แข็งพอนี่ทำพอร์ตแตกได้เลย

ในนี้ ผมเสีย rklb จะจิ้มได้ ตอน 58 ดอนวันเปิดพรอ์ต แต่ ไปใส่ นางฟ้าซะก่อน เลยไม่มีเหลือให้ลง วันต่อมา 70ดอล เฉย กะว่าถ้าเข้าตัวนยี้คือเอาไปเล่นรอบ ตอนนี้คงไม่เข้าละ

พาลันเทียร์ผมโคตรเสียดายเลย กุรูหลายคนเชียร์ตอนต้นปีชิบหาย ตอนนี้ไปไกลละ P/E สูงลิ่ว

มีเล็งแบบหยอดน้อยๆสองตัวในนี้ ไม่ ionq ก็ eose กะว่าจะถือตัวไดตัวหนึ่งแบบลงน้อยๆ แต่เรื่อยๆ กำลังศึกษากับอ่านอยู่ว่าตัวไหน ของจริงและจับต้องได้มากกว่า จะเลือกตัวนั้น

ผมเน้น etf สัก 30-40% ของพอร์ต

เพราะหลังจากลงทุนมาสักพัก คิดว่าตลาดหุ้นไม่ใช่เรื่องง่าย

ไม่ต้องเสียดายขนาดนั้นก็ได้ 1 แสน นึกว่า 1 ล้าน

ตีไปเลย ทั้งปีพลาดไป 30% คือ 30k หาร 12 เดือน ก็เหมือนเงินหายไป 3 พันต่อเดือน ค่าตีหรี่ยังไม่พอ

ที่มาของกระทู้นี้คือความเสียดาย ตอนคนนึงแนะนำให้ลง-เราไม่ลงตามเพราะกลัว-สิททรัพย์ขึ้น กลับกันพอเขาแนะนำไม่ให้ลง-เราไม่ลงตามเพราะเชื่อ-สินทรัพย์ก็ดันขึ้น ผมคิดว่าchain of reasoningไม่ค่อยดีเท่าไหร่ คือการตัดสินใจไม่ลงตามความเห็นตัวเอง2-3รอบแรก ท่านใช้ตรรกะชุดนึง พอไม่ลงตามคำแนะนำก็ใช้ตรรกะอีกชุดโดยคราวนี้มาทางความเชื่อคนนี้แทน เอาจริงๆแล้วต่อให้ท่านมีเพื่อนเป็นคนจากพวกสถาบันการเงิน สิ่งที่พวกนี้จะให้ท่านจริงๆไม่ใช่การตัดสินใจ แต่เขาจะให้Factและอย่างดีที่สุดคือช่วยตัดสินใจ แต่จะไม่กล้าตัดสินใจให้ท่านเลย

เหตุผลคือ เวลามันcontinuousไม่ใช่discrete ไม่มีใครสามารถรับรู้ได้ว่าจังหวะที่เราเข้าคือตอนไหนและจังหวะที่เราจะออกคือตอนไหน สมมติท่านเจอคนที่มันเห็นอนาคต แบบอนาคตจริงๆ แต่ไม่สามารถบอกท่านชัดเจนว่าให้ลงตัวนี้เวลานี้ยันวินาทีนี้ เค้าจะได้แค่แนะนำแนวโน้มว่าลงประมาณช่วงนี้ เดี๋ยวถึงช่วงเวลานึงค่อยออก จะระบุได้คร่าวๆ ความตลกคือความคลาดเคลื่อนของเวลา เอาแค่หลักวินาที %PnLของท่านมันแทบจะกลับตาลปัตรได้เลย แล้วนี้การเข้าหรือออกแต่ละครั้งมันทำให้ภาพเราเปลี่ยนได้แบบมหาศาล โดยเฉพาะถ้าจังหวะเข้าหรือออกของท่านเป็นช่วงที่ตลาดผันผวนมากๆ

พูดมากกว่านี้เดี๋ยวจะยาว พ้อยของผมคือว่า โลกเราไม่มีใครรู้อนาคต ต่อให้จะมีทรัพยากรเช่นเงินมากกว่าใคร และสามารถmanipulateตลาดได้ ก็ทำได้แค่ชั่วคราว เรื่องนี้จริงไม่จริงท่านลองไปดูสถาบันการเงินใหญ่ๆสิ ต่อให้+ทุกปี แต่ไม่สามารถmaintainให้+มากขึ้นทุกปีได้ นั่นก็ชี้ได้แล้ว ว่าระดับproที่เค้าลงทุนกันก็ไม่รู้อนาคต ขนาดพวกนั้นมีdataมหาศาล จนมากเกินความจำเป็นด้วยบางครั้ง ดังนั้นให้ย้อนกลับมาเรียนรู้ตลาดของสินทรัพย์นั้นๆเอง เรียนรู้กลยุธ์เข้าออกเอง 2เรื่องนี้คือปัจจัยuniversal ที่จะนำท่านลงไปพวกปัจจัยเชิงลึกอื่นๆต่อ แต่ถ้าให้แนะนำไวๆ ผมมีคลิปนึงที่ท่านควรฟังอย่างมาก



เรื่องนึงที่ผมคิดว่าท่านยังไม่รู้แน่ๆคือเรื่อง Risk กับ Probability จริงๆ2เรื่องนี้ถ้าท่านแตกฉาน มันจะสอนMentalityให้ท่านใช้ตรรกะขึ้นโดยปริยาย คือจะเข้าใจการขึ้นลงของทุกสินทรัพย์ จะไม่ต้องมานั่งเสียดายกับการตกขบวน หรือ ไม่จมปลักกับการลงทุนที่พลาดแบบเกินไปครับ

ตัวที่ ผม เล็ง มัน 100 เปอเซนอะดิ 1 เท่ากับหาย ไป 1แสน กว่าผมจะเก็บได้ 1 แสนเลือดตาแทบกระเด้น

ไม่เห็นยักกะเสียดาย เอาจริงๆคือไม่มีใครพยากรณ์อนาคตได้ขนาดนี้

ปีที่แล้ว AI แม่มยังกะวุ้นอยู่เลย ไม่มีใครคิดหรอกว่า AI มันจะไปขนาดนี้ แล้วหุ้นเทคจะโดดมาร่วมวงเบอร์นี้ อย่าง Nvidia ตอนมันขึ้นไป ATH ที่ 140 เขาก็ขาสั่นกันหมด สรุปไปต่อยัน 200 หน้าตาเฉย หรือ Oracle งี้ตอนแรกก็คิดว่านอนกินค่าระบบจัดการอะไรพวกนี้ เป็นหุ้นเรื่อยๆอะ สรุปโดดมาร่วมวง AI หุ้นทะลุไป 320 จากต่ำสุด 130-140

ผมมองว่าคนที่มองขาดคือพวกหุ้นสายโรงงานไฟฟ้ากับพวก AI บางตัวตอนที่มันถูกจัดๆ​(Pennystock จนตอนนี้จะ 60-70 ก็มี)

คือมันคงมีคนคิดแหละว่าสไตล์ทรัมป์มันคงอัดให้ตลาดหุ้นเฟ้อเยอะๆเพื่อดึงคะแนนนิยม เพราะอย่าลืมว่าปีหน้ามันก็เลือกตั้งกลางเทอม แล้วตอนปี 2020 นี่ทรัมป์เองก็ทำมาแล้วตอนช่วงโควิดระบาด ตอนนั้น SPY ร่วง 20-30% แรกๆ แกเลยอัญเชิญ J.Pow มา ปริ้นตังแจกขนาดนั้นสรุปตลาดหุ้นพุ่งแทบจะ To the moon ทั้งๆที่อัตราว่างงานแม่มเพิ่มแทบจะทุกวัน

ทุกวันนี้ก็ยังใช้ได้เหมือนเดิมกับประโยคที่ว่า "รู้อะไรไม่เท่า รู้งี้"

เรื่องการจัดการกับจิตใจ และความรู้สึกนั่นแหละ เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้คุณอยู่รอดในโลกการลงทุน

จังหวะใหม่ๆเดี๋ยวก็มาครับ มันผ่านไปแล้ว

ของผมนี่เรียกว่าตัดสินใจถูก มีเงินโปะบ้านแบบหมดเลยจากโบนัสปีก่อน

แต่ตัดสินใจไม่เอาไปปิดบ้าน เอามาลงหุ้นเมกาต้นปี เพราะเห็นจากทรัมป์สมัยแรก

สรุปตอนนี้ บวกได้มามากกว่าดอกเบี้ยบ้านที่เสียมากโข

เป็นปีแรกที่ไม่ลง ESG อะไรเลย เพราะได้เยอะจากหุ้น / ทอง

เสียดายที่ไม่ได้เข้า ดีกว่าเสียดายที่เข้าแล้วเสียหมด อย่างน้อยต้นก็ยังอยู่

รู้ไรไม่สู้รู้งี้

มันเป็นหนึ่งในสิ่งที่นักลงทุนทุกคนต้องเจอ และท่านก็จะได้เจออีกในอนาคต

วิธีที่พอจะช่วยได้คือการ DCA

-ของผมเริ่มเล่นมา 3 เดือน ตอนนี้ ติดลบประมาณ 6 หมื่น เฉพาะ SMCI ดอยอยู่ 4 หมื่น เซ็งเลย แต่ยังดีที่เป็นเงินเย็น เลยปล่อยมันไป

เรียนรู้วิธีการจากคนอื่นได้ แต่อย่าไปซื้อตามคนอื่นบอก ถ้าจะซื้อตามเค้าตลอด ก็ฝากเค้าลงทุนไปเลย

ถ้าซื้อตามแล้วเสีย ในหัวคุณจะโทษเค้าทันที ต่อให้ก่อนซื้อจะคิดไว้แล้วว่าถ้าขาดทุนก็เพราะเราเชื่อคนอื่นเองก็เถอะ

ถ้าทิ้งแบบไม่ได้ดู แปลว่าคุณไม่ได้สนใจจริงๆ
ถ้าสนใจจะดูอย่าบอกไม่มีเวลาเลย มันไม่ได้ใช้เวลาขนาดนั้น
ยุคนี้มีโทรศัพท์กับ internet ก็เปิดได้ทุกที่แล้ว
คุณเปิดเล่น SS ใช้เวลามากกว่าอีก

มีเงินเย็นไม่ต้องกลัวหรอกถ้าเล่นหุ้นมหาชน ลงไปแค่ไหนกำไรถ้าแค่ถอนทุนออกมาไม่ต้องยื่นภาษี เอากำไรวิ่งต่อ ซื้อแล้วตามข่าวอยู่ห่างๆ ก็พอ ไม่ต้องไปเคลียดกับมันมาก