รูเบน อโมริม กุนซือแมนฯ ยูไนเต็ด ปกป้อง “คำพูดตรงไปตรงมา” เกี่ยวกับแข้งอะคาเดมี่ของสโมสร พร้อมระบุว่า สโมรตอนนี้กำลังเผชิญกับปัญหา "ความรู้สึกที่ว่าตัวเองมีสิทธิพิเศษในสโมสร"


เมื่อสัปดาห์ก่อน ระหว่างถูกถามถึงการไม่ใช้งาน ค็อบบี้ เมนู หนึ่งในผลผลิตจากอะคาเดมี่ที่โดดเด่นที่สุดในทีมชุดนี้ โดย อโมริม ยกชื่อ อามาส และ โอบี มาเป็นตัวอย่าง โดยชี้ว่าทั้งสองคนยังไม่อยู่ในระดับที่ยูไนเต็ดต้องการใช้งาน

หลังจากนั้น ทั้งสองนักเตะได้โพสต์ภาพลงบนอินสตาแกรมของตนเอง ซึ่งต่อมาถูกลบไป คาดว่าเป็นการตอบโต้ต่อคำพูดของอโมริม โดย อามาส โพสต์ภาพขณะรับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเดือนกับเชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ ขณะที่ภาพของ โอบี เป็นจังหวะฉลองประตูให้ทีมชุดยู-21

เมื่อถูกถามถึงกรณีของอามาสและโอบี อโมริมปกป้อง “คำพูดที่หนักแน่น” ของตน พร้อมชี้ว่าแข้งดาวรุ่งของสโมสรรู้สึกว่าตัวเอง “มีสิทธิพิเศษ” และวัฒนธรรมภายในต้องเปลี่ยนแปลง

“ผมคิดว่ามันคือความรู้สึกว่าตัวเองมีสิทธิพิเศษที่เรามีกันในสโมสรนี้” อโมริม กล่าวในการแถลงข่าวก่อนเกมที่แมนฯ ยูไนเต็ดจะไปเยือนแอสตัน วิลล่า วันอาทิตย์นี้

“บางครั้งคำพูดที่แรง ไม่ใช่คำพูดที่ไม่ดีเสมอไป บางครั้งช่วงเวลาที่ยากลำบากก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายสำหรับเด็กๆ เราไม่จำเป็นต้องคอยยกยอหรือให้คำชื่นชมในทุกเรื่อง ทุกสถานการณ์”

“พวกคุณพูดถึงนักเตะที่ออกมาวิจารณ์สโมสรเพราะรู้สึกว่าตัวเองมีสิทธิพิเศษ จากนั้นก็มีตำนานออกมาบอกว่า ถ้าไม่ได้ลงเล่นก็ให้ออกไปเพราะทุกคนผิดหมด ไม่ใช่สิ เราต้องอยู่และสู้ ต้องก้าวข้ามมันไป และบางทีผู้จัดการทีมอาจเป็นฝ่ายผิดเอง ผมรู้สึกว่าเราจำเป็นต้องต่อสู้กับความรู้สึกแบบนี้”

“ผมเป็นคนแรกที่ยอมรับว่าผมล้มเหลวในสนาม” เขากล่าวเสริม

“ผมมีความรู้สึกแบบนั้น เราเล่นได้ไม่ดีเท่าที่ควร แต่ขอยืนยันว่า นอกสนาม ผมไม่ได้ทำให้สโมสรนี้ล้มเหลว”

“บางครั้งเราพูดถึงนักเตะจนลืมไปว่าการได้เล่นให้แมนฯ ยูไนเต็ดหมายถึงอะไร เราในฐานะสโมสรก็ลืมไปเหมือนกันว่าเราเป็นใคร นั่นคือความรู้สึกที่ผมมี”

“มันคือบรรยากาศรอบๆ ตัว เด็กๆ รู้สึกว่าตัวเองมีสิทธิ และมีอิสระที่จะตอบโต้ผู้จัดการทีมด้วยการโพสต์รูป ห้องทำงานผมเปิดตลอด แต่ไม่มีใครมาหาผม นั่นคือวิธีที่เราสามารถแก้ไขปัญหาได้”

"เราต้องเปลี่ยนแปลงในฐานะสโมสร"

“ผมไม่ได้พูดอะไรผิด ผมพูดถึงความโชคดีของการได้เล่นให้แมนฯ ยูไนเต็ด บางครั้งคุณเล่นให้แมนฯ ยูไนเต็ด แล้วได้เห็นความเป็นจริงที่แตกต่าง คุณจะเข้าใจว่าฟุตบอลมันแตกต่างกันได้มากแค่ไหน และคุณโชคดีจริงๆ ที่ได้อยู่ที่นี่ นั่นคือประเด็นของผม แต่เอานั่นล่ะ เรามาพูดเรื่องอื่นเถอะ"

รอยร้าวเล็กๆ

ที่อโมริมก็ถูกต้องนะ บางทีเด็กๆ ก็ต้องเรียนรู้ที่จะผิดหวัง และรับมือกับมันให้ได้

เห็นด้วยเลยอันนี้

อ่านดูก้อสัมปกติ ไม่ได้มีอคติหรืออะไรเลย

อันนี้เจ๋งจริง
กล้าพูดในสิ่งที่คนอื่นไม่กล้าพูด
และมันคือความจริง

อาหมัด เก่งมากขนาดที่จะต้องแอคขนาดนั้นไหม ไปทีมอื่น จะได้ลงตัวจริงไหม ถ้าให้ผมเทียบ ก็ประมาณ ซาวินโย่ของเรือ คือ วูบวาบ แต่จังหวะสุดท้ายก็ไม่มีอะไร
ดาวรุ่งผีหลายคนโดนสปอยจนคิดว่า ตัวเองเก่งระดับโลก ไมนู ตอนขึ้นมาใหม่ๆ แฟนผีอวยขนาดว่า 100ล้านปอนด์ก็ยังไม่พอ

ถ้าเจ๋งรื้อระบบเก่าของแมนยูทิ้งได้ ผมจะยอมรับว่าเค้าคือโค้ชดาวรุ่งคนใหม่ที่น่าจับตา

ตัวเด็กแอ็คทุกตัวเลยพอได้ขึ้นชุดใหญ่ ไล่มาตั้งแต่ยานาไซจ์จนถึงวันนี้

ก็มีโครงการอวยเด็กเวอร์ปีละคนอะผลงานแย่แค่ได้อวยเด็กก็พอชื่นใจได้บ้าง

พูดโดนใจจัดอันนี้ อยากย้ายเดินไปบอกเลย แกน่าจะเป็นคนแฟร์อยู่นะ

อันนี้เหนด้วยกะริม น่ะแบบ สื่อชอบอวยเยอะเกินเหนเลยในทวิตอ่ะแบบ ตัวอย่างง่ายๆ เช่น กรานาโซ่ยิงตีลังกายิงได้ต้องเอารุป รุนี่ย์ ยิงหรือโด้ ยิง มาวางคู่แล้ว พิมบอก นิวโด้ แล้ว แล้วชมฉ่ำ แล้วเด็กมันเสพสื่อเข้าถึงสื่อง่าย ก้อแบบหลงตัวและว่าตัวเองเก่งและทำให้เหลิงแหละ อย่าลืมว่าเด็กที่พึ่งเดบิมมาแต่ละคน 18-19 เอง
วัยกำลังโตยิ่งหลงง่าย ดังนั้นคนที่พอเบรกได้คือสโมสรหรือไม่ก้อ ริม ที่เปนผู้จัดการทีม คอยเบรกเด็กๆ
และนี้แหละเปนจุดที่แมนยูต้องรับมือเปนทีมให้ความคาดหวังสูง พอแพ้สื่อรุมทึ้งแหละ

ใช่เลย
เห็นด้วย และแม่งควรพอได้แล้ว

กูเด็กปั้น = กูต้องได้ลง คือระบบสู่ความชิบหาย
กูเคยเป็นตัวจริง = กูต้องตัวจริงตลอดไป

ไม่สู้ ไม่สนอะไรเลย

โดยเฉพาะ พวกครอบครัวที่ออกมาอวยแบบ ไม่สน4สน8

แม่งจะทำให้พังไปหมด

ไม่ต้องดูไหนไกล ดูแค่คาเซมิโร่ของเรานั่นแหละ คว้าแชมป์มาเท่าไหร่แล้ว ก่อนหน้านี้โดนดรอปสำรองด้วยซ้ำ เคยมีข่าวมั้ยว่าระดับคาเซมิโร่โดนดรอปและไม่พอใจ เจ้าตัวเองพอได้โอกาสก็ทำเต็มที่จน ผจก.ทีมต้องกลับมาใช้เค้า นี่แหละมืออาชีพแล้ว กับคนที่คิดว่าตัวเองเจ๋งตั้งแต่อายุยังไม่เลย 20 เลย กูต้องได้เล่นตลอด mindset โคตรเด็กลูกคุณหนูบ้านเราเลย

อันนี้พูดโคตรถูก ชิบหายมากี่รุ่นแล้ว

พูดถึงเด็กแต่เหมือนหลอกด่าพวกตำนานไปด้วย

อันนี้เจ๋งสมชื่อจริง เด็กดาวรุ่งทุกวันนี้แม่มทำตัวเป็นเทวดา ใหญ่กว่าสโมสร ทุกคนต้องอวย ต้องเอาใจ
พอไม่ได้ดั่งใจ อะไร ๆ ไม่เป็นไปตามที่หวัง แม่มก็ป่วน โพสบางอย่างในโซเชียลเพื่อให้ติ่งหรือนักข่าวไปดราม่าใส่เจ้านายหรือสโมสร
ไม่ใช่แค่ฟุตบอลน่ะ ในโลกการทำงานทั่วไปก็เห็นเรื่อย ๆ เด็กสมัยนี้ไม่พอใจอะไรก็โพสลงเน็ตหาแนวร่วม

ความจริงแล้วการได้เป็นนักเตะแมนยูู มันควรเป็นความภูมิใจ ความยิ่งใหญ่ และต้องไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ
ถ้าไม่ได้ลง ก็ต้องสู้ต่อ พยายามหาโอกาสพิสูจน์ตัวเองที่นี่ให้ได้ ไม่ใช่คิดแต่จะไป ถอดใจง่ายเกิน โคตรเปราะบาง