บทสรุปเส้นทางอาชีพ: 1 ปีแห่งมรสุมและการค้นพบ
1. จุดแตกหักจากที่เก่า (เงินเดือน 51K)

สถานการณ์: ทำงานในสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ (Toxic) อย่างรุนแรง โดน Gaslighting กดดัน และด่าทอจนเสียสุขภาพจิต ต้องพบแพทย์และเก็บหลักฐานไว้ป้องกันตัว

จุดเปลี่ยน: แม้ผลงานดีมาตลอด (KPI 4/5 เป็นที่ 1 ของทีม) แต่ถูกเล่นเกมการเมืองภายใน ปรับลดเกรดเหลือ 1/5 ในปีสุดท้าย ในขณะที่คนใหม่ได้คะแนนดีกว่าทั้งที่มาทำงานแค่ 3 อาทติย์ ทีมงานโดนบีบออกวิธีนี้หล่ะ 3-4 คน สุดท้ายคุณตัดสินใจลาออกเพื่อรักษาตัวเอง

2. การหลงทางและความมั่นใจ (Presales - เงินเดือน 55K)

ประสบการณ์: ย้ายสายงานไปเป็น Presales 5 เดือน ปิดโปรเจกต์ใหญ่รวมมูลค่ากว่า 40 ล้านบาทได้ถึง 2 งาน

ความรู้สึก: แม้ผลงานดี แต่รู้สึก "ว่างเปล่า" ไม่ตอบโจทย์จิตวิญญาณของคนเป็น System Engineer ประสบการณ์ 12 ปี ประกอบกับความมั่นใจในตัวเองสูง (Ego) จึงตัดสินใจลาออกโดยยังไม่มีงานรองรับ

3. บทเรียนราคาแพง (ช่วงว่างงาน 4.5 เดือน) 2 เดือนแรกปล่อยเลย เดี๋ยวไปเรียนนู่นี่นั่น เก่งขึ้นรับแน่นอน มั่นใจมาก

วิกฤต: ความมั่นใจที่เคยมีถูกทดสอบด้วยความจริง สมัครงานเรียกเงินเดือน 50-60K สัมภาษณ์กว่า 10 ที่แต่เงียบหาย

ผลกระทบ: เงินเก็บหายไป 100,000 บาท ระหว่างนี้พยายามพัฒนาตัวเอง (สอบ Cert Microsoft AZ-900 จนผ่าน) และเริ่มลดเพดานความคาดหวังลงเพื่อให้ได้งาน

4. การเริ่มต้นใหม่ที่มั่นคง (ผู้ช่วย ผจก.ไอที - เงินเดือน 43K)

โอกาส: สมัครงานที่ระบุฐานเงินเดือน 35-38K แต่ด้วยเคมีที่ตรงกันและประสบการณ์ที่สั่งสมมา HR จึงเจรจาจบที่ 43K (สูงกว่าเพดานที่ประกาศรับ)

ปัจจุบัน (ทำมา 3 เดือน):

เนื้องาน: ท้าทาย ได้ใช้ทักษะแก้ปัญหา หัวหน้ามอบหมายงานยากแต่ทำได้

สภาพแวดล้อม: สังคมดี ไม่ Toxic เป็นพี่เลี้ยงให้น้องในทีมได้ องค์กรมั่นคงสูง (ผูกขาดตลาด/กึ่งรัฐวิสาหกิจ)

Work-Life Balance: เอื้อต่อการเรียนต่อ ป.โท ตามแผน

ประเด็นหลัก คือไปรู้กระบอกเงินเดือนคนเก่า ว่าเค้าได้ 50K แต่พี่เค้าอายุมากกว่า เรา 10 ปี และคนก่อนหน้า ได้ 45K

ก็เลยมาปรึกษาและระบายครับอยากเห็นมุมมองคนอื่นๆ

ลดแค่นี้จิ๊บๆ ครับ ผมเคยจะได้เงินเพิ่มจาก 60k ไป 100k ยังไม่เอาเลย เพราะที่ปัจจุบัน work life balance ดีกว่า ไหนจะ โบนัสเยอะกว่า 3-4 เท่า ไหนจะ ปรับเงินทุกปี และกองทุนเยอะด้วย 5555555
เพราะฉะนั้น เลือกอันที่ทำให้อนาคตและสุขภาพเราในอนาคตดีกว่าครับ

ชิลๆ แฟนผมเคยจาก 54k ย้ายไป 30k เหมือนมาพักใจ แต่เงินหายไปโคตรเยอะก็ลำบากอยู่

ของท่านลดไป 7000 แล้วสังคมดี สุขภาพจิตดี อันนี้คุ้ม

ปัจจุบันย้ายไปอีกที่แล้วได้ 40k

ผมเทียบกับเพื่อนๆในกลุ่มนี่เงินเดือนต่ำเตี้ยเรี่ยดินเลย

แต่ได้หยุดเสาร์อาทิตย์ วันลาพักผ่อน ป่วย เพียบ
อาหารกลางวันที่ทำงานเลี้ยงอีก
เลิกงานไม่มีโทรมาตอแย วันลาอาจมีบ้าง พอช่วยได้ก็ช่วย

หยุดเสาร์อาทิตย์ได้ทำอะไรที่ตัวเองอยากทำ
เงินเดือนถ้าไม่เป็นหนี้อะไรเลย นี่ถือว่าเหลือๆอะ

โดยรวมทางเวลาแล้วมีความสุขมาก
เงินก็เหลือ แฮปปี้

เผื่อเป็นอีกทางของคนอีกกลุ่มที่ต้องการเงิน

ผมย้ายงานจาก วิศวกร wfh ฟลูไทม์ บางเดือนอยู่บ้านทุกวันยังมีรับเงินเต็ม บางทีไปวันหยุดอย่างเดียวโอทีฉ่ำๆ


ย้ายมางานที่เข้าออฟฟิตทุกวัน แต่ได้เพิ่มมาแค่ 10%

แต่10% ที่แลกมา มันได้โอกาสต่อยอดไปงานที่ต่อไป

อยู่ที่เดิมที่ wfh สบายๆ ต่อให้มี ปสก อีก10ปีตรงนั้นผมมองว่าก็เท่าเดิม ไม่โต

ให้คิดเป็น % ครับ อย่าดูที่จำนวนเงิน


อันนี่ตังหาย 7000 แต่พอเป็น % แล้วไม่ได้สูงมาก

เงินเดือนขนาดนี้ เลือกสุขภาคจิต สำคัญกว่า

ลดมาไม่เยอะมาก ถ้าไม่มีภาระอะไรหนักๆ
ถือว่าแลกกับความสบายใจไปก่อน

อนาคตค่อยหาลู่ทางขยับขยายต่อไป

เรียนจบค่อยย้ายอีกทีก็ได้

ที่ปัจจุบันเนี่ยแหละ เงินเดือนลดแต่ได้ WFH มาแทน ชีวิตโคตรดี ผมทำงานไหนก็ได้ขอแค่ได้ wfh ก็พอเพราะผมมี skill หลายด้านอยู่ ฉะนั้นบริษัทไหนติดต่อมาแล้วสามารถ wfh ได้ผมก็รับพิจารณาหมด

เอาเป็นเรื่องๆนะครับ
1. เงินเดือน 43k vs 45k ของคนก่อน
ถ้าท่าน happy กับเงินนี้ ไม่ต้องเทียบกับคนอื่นครับ มีคนที่เงินเดือนมากกว่าเราเสมอ
ผมคิดเสมอว่า เซ็นสัญญาแล้ว เราพอใจกับเงินเดือน เงื่อนไขแล้ว ผมไม่เทียบอะไรกับคนก่อนหรือคนในออฟฟิศเลย
ถ้าอยากอัพเงินเดือน ค่อยว่ากัน บ. ใหม่ หรือโปรโมท

2. เงินเดือนลดลงแล้ว happy ขึ้นผมว่าดีแล้วนะ
ผมเคยย้ายงานเพราะหัวหน้า toxic แบบต้องหนีตาย ย้ายไปที่ใหม่เลยโดนกดเงินเดือนแหละ
ได้เพิ่มมา 2-3k เองซึ่งก็รู้สึกว่าเสียดายโอกาส แต่พอย้อนกลับมาคิดก็คิดว่าดีแล้วที่เลือกจะไม่ทนกับปัญหาแล้วหนีออกมา

3. ถ้าไม่ห้าวจริง อย่าลาออกจากงานตอนยังไม่มีงานเลยครับ
ผมเคยคิดจะทำแหละ หลายครั้งด้วย แต่ยั้งใจไว้ได้
คิดว่าถ้าตกงานยาว อาจจะเครียดกว่าทนทำงาน toxic ก็ได้นะ อย่างน้องเราก็แฮปปี้ตอนเงินเดือนออกนะ

ผมเคยลดเงินเดือน 5000 แลกกับflexible time อย่างว่างานconsultภาครัฐ ใสๆเลย เคยแบบwfh2อาทิตย์ติดๆก็มี หยุดตามราชการอีกต่างหาก แต่ข้อเสียก็มีช่วงงานรุมๆก็แทบไม่ได้นอนกับไม่มีโบนัส แต่รับงานนอกแทนได้ สบายๆ สุขภาพจิตสุขภาพกายผมดีขึ้นเยอะอะ

เงิน 7,000 ที่ต่างกัน หาซื้อสุขภาพจิตที่ดี สิ่งแวดล้อมการทำงานที่ดี

ไม่มีขายครับ ตราบใดที่เงินไม่ต่างกันเกิน 1 เท่า 2 เท่า ผมเลือกสุขภาพจิตแน่นอน

อาจจะดูเหมือนถอยหลังลงมาหน่อย แต่เป็นกำลังใจให้ครับ

การทำงานมีเรื่องหลายอย่างที่เราคุมไม่ได้ เป็นจังหวะ+โอกาส มีขึ้นมีลง

แต่ใจเรา ถ้ามันลงแล้ว หาทางขึ้นยาก ดีแล้วครับที่เลือกจิตใจมาก่อน