‘หอการค้าอเมริกันในเขมร’ โวย ไทยปิดกั้นการขนส่งทางทะเล กระทบธุรกิจสหรัฐฯ-พบเมือง‘ รุนแรง ชี้ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ชี้ ถ้าไทยดำเนินการ จะถือเป็นการโจมตีพลเรือนและการยกระดับความขัดแย้งอย่างร้ายแรง

เวปไซต์ข่าว “คิรี โพสต์” ของกัมพูชารายงานว่า หอการค้าอเมริกันในกัมพูชา (แอมแชม AmCham) เตือนว่า การที่ไทยขู่จะปิดกั้นการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงและกำหนดให้ท่าเรือกัมพูชาเป็น "พื้นที่เสี่ยงสูง" นั้นถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ

นาย เคซีย์ บาร์เน็ตต์ ประธานหอการค้าอเมริกันประจำกัมพูชา กล่าวว่า ประธานหอการค้าอเมริกันในกัมพูชาได้เตือนว่า การขัดขวางการขนส่งระหว่างสหรัฐ และกัมพูชาจะเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ โดยภาคธุรกิจของสหรัฐฯ ในกัมพูชาได้เรียกร้องให้วอชิงตันดำเนินการกับคำขู่ของกองทัพไทยที่จะกำหนดให้ท่าเรือกัมพูชาเป็น "พื้นที่เสี่ยงสูง" และ "ปิดกั้นการขนส่งทางทะเล" โดยเตือนถึงผลกระทบรุนแรงต่อครอบครัวและธุรกิจของสหรัฐฯ ในกัมพูชา

ในแถลงการณ์ของหอการค้าอเมริกัน ในกัมพูชา ที่ส่งถึง บริดเจ็ตต์ วอล์คเกอร์ รักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำกัมพูชา เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม แอมแชม ได้แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อแถลงการณ์ของกองทัพไทยเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ที่ขู่ว่าจะกำหนดให้ท่าเรือกัมพูชาเป็น "พื้นที่เสี่ยงสูง" และ "ปิดกั้นการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงและสินค้าอื่นๆ ทางทะเล"

แถลงการณ์ระบุว่า “การปิดกั้นการขนส่งเชื้อเพลิงจะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อ
ครอบครัวและธุรกิจของชาวอเมริกันในกัมพูชา ธุรกิจของชาวอเมริกันจะปิดตัวลง และครอบครัวชาวอเมริกันจะประสบปัญหาในการตอบสนองความต้องการด้านการขนส่งและพลังงานขั้นพื้นฐานในชีวิตประจำวัน รวมถึงการศึกษาและการรักษาพยาบาล”

หอการค้าอเมริกัน (AmCham) ระบุว่า การค้าส่วนใหญ่ระหว่างสหรัฐฯ และกัมพูชาเป็นการขนส่งทางทะเล ดังนั้น การกำหนดให้ท่าเรือของกัมพูชาเป็น “ท่าเรือที่มีความเสี่ยงสูง” จะส่งผลให้ค่าประกันภัยและค่าขนส่งสูงเกินไป ซึ่งจะทำลายการค้าที่กำลังเติบโตระหว่างสหรัฐฯ และกัมพูชา

แถลงการณ์ยังระบุอีกว่า “นอกจากนี้ยังจะผลักดันให้คนงานในภาคการผลิตที่ยากจนและเปราะบางที่สุดกว่าหนึ่งล้านคนตกอยู่ในความยากจน” โดยเน้นย้ำว่า การที่ไทยคุกคามท่าเรือและการขนส่งเชื้อเพลิงของกัมพูชาเป็น “การยกระดับความขัดแย้งที่ไม่จำเป็นและโหดร้าย” ซึ่งจะสร้างความทุกข์ทรมานอย่างมหาศาลแก่ประชาชนพลเรือน

เขากล่าวเสริมว่า หากดำเนินการดังกล่าว จะถือเป็นการโจมตีพลเรือนและการยกระดับความขัดแย้งอย่างร้ายแรง

ทั้งนี้ ตามรายงานของหอการค้าอเมริกัน มีธุรกิจที่ชาวอเมริกันเป็นเจ้าของจดทะเบียนในกัมพูชาประมาณ 865 แห่ง และอีกหลายร้อยแห่งทำงานร่วมกับผู้ผลิตในกัมพูชาเพื่อผลิตสินค้าให้กับแบรนด์อเมริกัน บริษัทเหล่านี้เป็นตัวแทนของการลงทุนจากสหรัฐฯ ในกัมพูชาหลายพันล้านดอลลาร์ โดยจัดหาสินค้าและบริการคุณภาพสูงในราคาที่เหมาะสมให้กับครอบครัวและผู้บริโภคทั้งชาวกัมพูชาและชาวอเมริกัน

รายงานระบุว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และกัมพูชามีความแข็งแกร่งขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2025 ด้วยการลงนามในข้อตกลงการค้าแบบต่างตอบแทน

จากข้อมูลของกรมศุลกากรและสรรพสามิตของกัมพูชา ระหว่างเดือนมกราคมถึงพฤศจิกายน 2568 กัมพูชาส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐอเมริกาคิดเป็นมูลค่าประมาณ 1.15 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.02 แสนล้านบาท) โดยมูลค่าการค้าทวิภาคีอยู่ที่ 1.18 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.07 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้น 27.7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว