เห้อ กฎหมาย Keg ยังไม่ออกมาเลยหนิครับ

ไม่ต้องพูดถึงกระป๋องนะ

แต่ถามว่าตอนนี้มาไกลแล้วยัง มาไกลแล้ว เฉพาะปีนี้ มีโรงคราฟเบียร์เกิดเกือบ 100 แห่ง

หมายถึงเปิดกิจการ อาบ อบ นวด นาบ ???

คิดแบบอคติ ก็ใช่ แต่คิดแบบเปิด เกษตร ได้ต่อยอด เพิ่มมูลค่าผลผลิต ได้ ไม่ผูกขาดกับพ่อค้าตัวหลักแต่ฝ่ายเดียว ให้ภาพได้มากกว่า ที่เค้าคิดมากพอมั้ย

มีคนมองแบบ2 ด้วยเหรอ
ยอมให้ผูกขาดกันแบบเดิมเนี่ยนะ

แทนที่จะให้รายย่อยได้เกิด เกิดการแข่งขันกันผลประโยชน์ก็ตกกับผู้บริโภคนี่แหละ

เดี๊ยวก่อน

พวกที่ว่า เคยดู สสเท่าพิภพ ประชุมสภาบ้างยัง หรือ เอาแค่สรุปข่าว มาพูดกัน

เรื่องอื่นๆ แกก็ทำงาน อภิปราย ไม่ได้มีแต่เรื่องสุรา แค่ เรื่องสุราทำให้แกอยากมาเป็นสส

เหมือน พวกบ่น ตั้งกระทู้ ไม่ชอบ อยากเห็นการเมืองไทย หมดหวังการเมือง เบื่อพรรคนี้... สมัครมาเป็นสส หรือทีมงาน ทำงานไปเลย จะได้เป็นแบบที่ตัวเองอยากให้เป็น


ไม่แปลกใจ คนดีๆ อยากเห็นการเมืองแบบใหม่ จะหมดไฟง่าย เพราะทำอะไรไป คนพร้อมไม่พอใจ ไปต่อว่าแต่เจ้าตัวไม่เปิดเผยก็ได้

กลับกัน นักการเมืองเก่าๆ ไม่ทำเรื่องอะไรสักอย่าง วาดรูปบ้าง แต่งกลอนบ้าง ย้ายพรรคไปมา เป็นแบคกราวน์ ไม่มีผลงาน แต่พร้อมจะเกาะตำแหน่งไปเรื่อย ใช้ภาษียาวๆ ไม่เคยกดดันหรือโดนตั้งคำถาม

หาเสียงเข้ามาแบบไหน ได้รับเลือกแล้วผลักดันจนออกเป็นกฏหมายได้

จริงๆ ก็ถือว่าทำงานสำเร็จแล้วนะครับ

ถ้าให้ไปทำเรื่องอื่นอาจจะไม่ถนัด งานจบก็จบงาน ปิดจ็อบให้คนอื่นมาทำงานอื่นต่อ

นี่แหละมันคือแบบที่ถูกที่ควร ดีกว่าเข้ามาได้ตำแหน่งแล้ว ทำมั่วไปหมด เอามหารเก่าไปคุมการศึกษา เอาวิศวะไปคุมหมองี้ มันก็ไม่ใช่อะ

มันไม่ใช่แค่โอกาสเค้านิ มันเพิ่มโอกาสให้คนอื่นๆด้วย มีทางเลือกในการทำอาชีพมากขึ้น

เล่นเอง ถ่ายเอง ขายเอง นี่แหละ

ตีตลาดกลุ่ม 49 ก็มีหัวใจ

ฮะ

ออกไปทำกิจการที่ตัวเองอยากทำ คือคนอื่นก็ทำได้ด้วยไงในกติกาเดียวกัน

แต่ก่อนหน้านั้นกฏหมายมันผูกขาดไง

ถ้ากฏหมายเดิมมันดีอยู่แล้ว แต่เข้ามาแก้ให้ผูกขาด เพื่อจะได้เหลือไม่กี่คนทำได้ เหมือนไอ้2ยี่ห้อนั้นดิถึงเฮียจริง

คิดใหม่