ปิดตำนาน สมพงษ์ เลือดทหาร คนดีลวงโลก
ปิดตำนาน สมพงษ์ เลือดทหาร คนดีลวงโลก
วันที่ 1 สิงหาคม 2540 สื่อมวลชนทั่วฟ้าเมืองไทย รับรู้ข่าวรปภ.ของสนามบินดอนเมือง นาม วิโรจน์ โทรศัพท์เข้าไปในรายการสถานีวิทยุร่วมด้วยช่วยกัน แจ้งข่าวการทำความดีสุดสะท้าน โดยบอกว่าเห็น โชเฟอร์แท็กซี่ เก็บเงินจำนวนมหาศาลคืนให้กับฝรั่ง ชื่อว่า จอห์น
ต่อมานายสมพงษ์ เลือดทหาร วัย 41 ปี โชเฟอร์แท็กซี่ซึ่งกำลังขับรถไปส่งผู้โดยสารที่ตลาดมีนบุรี ได้โทรศัพท์เข้าไปในรายการดังกล่าว บอกว่าตัวเองนั่นแหละ คือแท็กซี่คนดี โดยเจ้าตัวเล่าว่าได้เก็บเงินกว่า 8 แสนบาท พร้อมเช็คเงินสดจำนวน 18 ล้าน คืนแก่ นายจอห์น คนฝรั่งเศส
คุณค่าข่าวเพียงพอให้หนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับ และสถานีโทรทัศน์ สื่อวิทยุ นำเสนอข่าวนี้ ทั้งเกาะติดยกย่องในตัวสมพงษ์ โชเฟอร์แท็กซี่ผู้ทำความดี เห็นเงินจำนวนมาก แต่ไม่เก็บไว้ กลับส่งคืนแก่เจ้าของที่แท้จริง หลายหน่วยงานเตรียมมอบรางวัล นักการเมืองร่วมโหนกระแส
เช้าวันที่ 2 สิงหาคม 2540 ข่าวนี้ขึ้นหน้า 1 กลายเป็นข่าวใหญ่แทบทุกฉบับ ยกเว้นหนังสือพิมพ์ข่าวสด ที่นำเสนอเป็นข่าวเล็กๆ โดยตอนท้ายของเนื้อหาระบุข้อความว่า "อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวไม่สามารถติดต่อฝรั่งเจ้าของเงินดังกล่าว เพื่อสอบถามถึงรายละเอียดของเหตุการณ์และความรู้สึกที่มีต่อนายสมพงษ์ได้"
เรื่องราวของสมพงษ์ถูกระบุว่า ในวันที่ 1 สิงหาคม เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสนามบินดอนเมือง นาม วิโรจน์โทรศัพท์เข้ารายการแจ้งว่า มีแท็กซี่ทำความดี นำเงินสดเฉียด 20 ล้านพร้อมโฉนดที่ดิน ซึ่งผู้โดยสารชาวต่างชาติลืมไว้ในรถ โดยได้เอาไปคืนที่สนามบิน จนกอดกันกลม เป็นที่ตื่นตาแก่ประชาชนเป็นอย่างมาก
สมพงษ์เล่าว่า 7 โมงเช้า ของวันดังกล่าวเขารับผู้โดยสารชื่อว่านายจอห์น ที่ขึ้นรถ พร้อมกระเป๋าใบใหญ่ 2 ใบ และมีกระเป๋าถืออีก 2 ใบ หน้าโรงแรมแอมบาสซาเดอร์ ย่านสุขุมวิท เพื่อพาไปส่งที่สนามบินดอนเมือง เมื่อถึงที่หมาย นายจอห์นก็ลงจากรถไป สมพงษ์รับชาวต่างชาติคนใหม่ไปส่งย่านราชเทวี
ระหว่างนั้นผู้โดยสารพบกระเป๋าอยู่ใต้เบาะที่นั่ง จึงพยายามสื่อสารกับสมพงษ์ อย่างยากลำบาก ถามว่านี่คือกระเป๋าของใคร
โชเฟอร์รู้อย่างว่องไวว่า นี่คงเป็นกระเป๋าของนายจอห์นอย่างแน่นอน เมื่อไปถึงราชเทวี ส่งผู้โดยสารเสร็จ เขาก็เปิดกระเป๋าดู พบเงินสดและโฉนดที่ดินเป็นจำนวนมาก นั่นทำให้สมพงษ์รีบขับรถไปยังสนามบินดอนเมือง
โชเฟอร์แท็กซี่พบเจ้าของกระเป๋านั่งอย่างหมองตรม ที่หน้าอาคารผู้โดยสารในประเทศ เมื่อสมพงษ์เจอนายจอห์น เขาได้เอากระเป๋ามาคืน ทำเอาฝรั่งโผกอดยกร่างหนุ่มไทยด้วยความดีใจ ท่ามกลางสายตาประชาชนที่จ้องมอง รวมถึงยามที่ชื่อว่าวิโรจน์ ซึ่งได้โทร.เข้าไปเล่าเรื่องราวนี้ในรายการวิทยุด้วย
คนดีทำความดี กลายเป็นเรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจ ทำให้สังคมไทยยิ้มได้ สื่อเชิดชู นักการเมือง และหน่วยงานราชการยกย่อง เปรียบเสมือนการกู้หน้าประเทศในช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง แท็กซี่หนุ่มได้รางวัลในฐานะคนดีมากมาย รับโล่เชิดชูเกียรติ บัตรรักษาพยาบาลฟรีตลอดชีวิต รายการโทรทัศน์แย่งกันสัมภาษณ์กันอุตลุด
ทว่านักข่าวของหนังสือพิมพ์ข่าวสด พบข้อสงสัย โดยในการประชุมของกองบรรณาธิการมีการตั้งคำถามว่า "ฝรั่งชื่อจอห์น หายไปไหน ทำไมไม่มีผู้รู้เห็นเหตุการณ์ออกมาปรากฎตัว"
ข่าวสดรีบส่งทีมงานลงไปที่สนามบินดอนเมือง เมื่อหาข้อมูล ไม่พบว่ามีใครรู้เห็นเหตุการณ์ดังกล่าว ไม่ว่าจะรปภ. เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ เมื่อเช็กไปยังโรงแรมแอมบาสซาเดอร์ ก็ไม่พบว่ามีคนชื่อจอห์นเข้าพักแต่อย่างใด
1 อาทิตย์หลังเป็นข่าว สมพงษ์ได้รับการยกย่อง ส่วนข่าวสดก็แกะความจริง จนพบว่า ที่สนามบินดอนเมือง ไม่มีรปภ.ชื่อว่านายวิโรจน์ นอกจากนี้เมื่อนำคลิปจากรายการร่วมด้วยช่วยกัน จากบุคคลที่อ้างว่าเป็นนายวิโรจน์มาตรวจสอบ พบว่า น้ำเสียงคล้ายกับนายสมพงษ์ เลือดทหารมาก โดยเฉพาะการสะกดคำว่า การ์เดนรีสอร์ต อันเป็นชื่อของอู่แท็กซี่นายสมพงษ์
ทั้งสมพงษ์และวิโรจน์ พูดน้ำเสียงเดียวกันเลยว่า "กา-เด๊น-รี-สอด"
เมื่อตรวจสอบประวัติคนดีผู้นี้ มีประวัติที่โรงพักประเวศเคยรับแจ้งมากมาย ทั้งเคยหลอกชาวบ้านอ้างว่าเป็นตำรวจ เบ่งกินฟรี ยืมเงินแล้วไม่จ่าย ขับรถชนคนแล้วหนี แถมยังไปหลอกหญิงแต่งงานด้วย ทั้งที่ตัวเองก็มีภรรยาอยู่แล้วอีก
ข่าวสดบุกไปสัมภาษณ์ เจ้าสาวนางสาวอุบล (สงวนนามสกุล) ที่โดนสมพงษ์หลอกแต่งงานด้วย เธอมีภูมิลำเนาที่นครสวรรค์ แต่ได้เดินทางไปทำงานที่เมืองจีน และได้บินกลับมาแฉพฤติกรรมนายสมพงษ์ พร้อมโชว์ภาพงานแต่งงานของตัวเองกับแท็กซี่ฉาวรายนี้ด้วย โดยเจ้าตัวเล่าว่าขณะอยู่กินกันนั้น จอมแสบได้ยืมเงินคนอื่นเป็นแสน แล้วหนีไปให้ตนชดใช้หนี้ทั้งหมดแทน
ด้านนางภิรมย์ (สงวนนามสกุล) ภรรยาตัวจริงของแท็กซี่ผู้นี้ ยอมรับว่าโดนผัวหลอกขอเงินไปแต่งงานกับผู้หญิงอื่น
ระหว่างนั้น สมพงษ์อ้างว่า หนังสือพิมพ์ข่าวสดมีเบื้องหลัง ขณะที่มีคนลงขันตามหาตัวรปภ.วิโรจน์ เป็นเงินกว่า 5.3 แสนบาทแล้ว แน่นอนว่าไม่มีใครพบตัวยามคนนี้ เพราะเขาไม่มีตัวตนนั่นเอง ทำให้เงินดังกล่าวยุติการระดมในทันที สุดท้ายข่าวสดได้ฉีกหน้าบุรุษผู้นี้ จากผู้มีน้ำใจสู่นักตุ๋นแสบในฉับพลัน
คนดีสะท้านฟ้าตกสวรรค์ในพริบตา เมื่อข้อมูลถูกแฉอย่างต่อเนื่อง สมพงษ์ เลือดทหาร จึงกลายเป็นจอมลวงโลกทันที ทางตำรวจไม่รอช้า เข้าจับกุมเขาใน วันที่ 1 กันยายน 2540 หรือ 1 เดือนที่ถูกยกย่อง ทางชายหนุ่มตัดสินใจรับสารภาพทั้งหมด ว่าเป็นคนสร้างเรื่องโกหกนั่นเอง
สมพงษ์อ้างว่าที่ทำลงไปทั้งหมดในวันดังกล่าว ทีแรกแค่คิดแกล้งเล่นทำอะไรสนุกๆ แต่ไม่นึกว่า มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ โดยได้ใช้นิ้วอุดจมูกปลอมเสียงเป็นวิโรจน์หลอกคนไทยทั้งประเทศ
ศาลพิพากษาสมพงษ์ เลือดทหาร ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน 1 ปี 6 เดือน เขาติดจริงแค่ 1 ปี 2 เดือน เพราะเป็นนักโทษชั้นดี จึงพ้นคุกออกมา ใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ไม่ว่าจะทำอะไร ชายคนนี้ไม่อาจหลีกหนีพ้นเรื่องราวที่ทำลงไปในอดีตได้ ดังที่เจ้าตัวเล่าไว้ว่า ก่อนเป็นข่าว ไม่มีใครรู้จักคนชื่อสมพงษ์ เหมือนเราได้ตำแหน่งขึ้นมา แต่ว่าความรู้สึกมันดีไหม มันไม่ดีหรอก..มาทำแบบนี้ มันฆ่าตัวเอง ฆ่าครอบครัว ฆ่าพี่น้อง
สู้เราอยู่กันแบบสมพงษ์คนเดิม สมัยก่อน...น่าจะดีกว่า
อดีตจอมลวงโลกบอกว่า ตนรับสารภาพเพราะสงสารลูกกับเมีย โดยกรณีนี้ถือเป็นบทเรียนสำคัญของสื่อมวลชนไทย ที่รีบงับเรื่องราวโดยไม่ตรวจสอบ จนพลาดท่าให้พื้นที่แก่สมพงษ์ เลือดทหาร จนต้องมาแก้ข่าว รวมถึงคนมีชื่อเสียง หน่วยงานรัฐที่เผลอมอบรางวัลให้ สุดท้ายก็ต้องริบคืน เงินที่มอบจากหลายฝ่าย ก็ต้องขอคืน
นี่คือเรื่องอื้อฉาวที่เกิดขึ้นในปี 2540 แต่ยังมีเหตุแบบนี้เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าในสังคมไทย จนถึงปัจจุบัน
ชีวิตของอดีตคนขับแท็กซี่หายไปจากหน้าสื่อ
จนกระทั่งวันนี้ ทางลูกชายได้แจ้งมาว่า เมื่อเวลา 20.06 น. ของวันที่ 7 ธันวาคม 2568 พ่อได้เสียชีวิตลง ปิดฉากชีวิตด้วยวัย 64 ปี 6 เดือน 3 วัน ปิดตำนานสมพงษ์ เลือดทหาร ในที่สุด
สุดท้ายนี้ ขอย้อนรอยคำพูดของเจ้าตัวที่เคยให้สัมภาษณ์ยอมรับในสิ่งที่ก่อ ต่อหน้าสื่อมวลชนไว้ว่า
"ผมกล้ากระทำความผิด..ผมก็ต้องกล้ารับ..อย่าไปรบกวนลูกและเมียผมอีกเลย...
"ครอบครัวผมได้บทเรียนอันสาสมมากพอแล้ว"
https://www.facebook.com/photo/?fbid=1360874399402638&set=a.648490497307702