ต่อไปคนดูสตรีมมิ่งอยู่บ้านมากขึ้น เปิดคอม เปิดทีวี ก็ดูหนังแบบเดียวกับโรงหนังได้แล้ว
อย่างผมปีนึงๆดูหนังโรงไม่ถึง 3 เรื่องด้วยซ้ำ ค่าตั๋ว ค่าน้ำมัน เวลา ค่าใช้จ่ายหนังเรื่องนึง
เอามาจ่ายรายเดือนดูได้เป็นร้อยเรื่องไม่ดีกว่าหรอ ถ้าไม่ใช่เรื่องที่อยากดูจริงๆแทบไม่ไปดูเลยผม
ไหนจะคนอื่นๆ โฆษณาอีก เดี๋ยวลุกเดี๋ยวยืน นอนดูสตรีมอยู่บ้านสบายใจกว่าอีก
ยิ่งเห็นข่าว Netflix ประกาศปิดดีล WB คิดว่ามันคือ จุดเริ่มต้นของจุดจบธุรกิจโรงหนังหรือยังครับ?

ยังไม่ล้มเร็วๆนี้หรอกยังไงระบบเสียงกับจอใหญ่แบบโรงหนังคนก็ยังชอบอยู่ รวมถึงเดี๋ยวนี้มีการตลาดที่ต้องไปที่ดูที่โรงถึงจะได้ของแถมอะไรแบบนี้ด้วยก็น่าจะพออยู่ได้

แน่นอนถามหน่อยมีหนังเรื่องไหนเต็มโรงไหม เดี๋ยวเขาก็เปลี่ยนเป็น streaming

อาจจะเห็นการลดขนาดห้องลง รองรับแค่ ราว 20-25 คน

ไม่น่าล่มครับแต่คนน่าจะน้อยลงแหละ เอาจริงๆถ้าผมไม่ได้เสี้ยนรีบดูจริงๆผมไปโรงหนังเลยนะ นอนกระดิกเท้าดูอยู่บ้านสบายกว่าเยอะเลย ทีวีเดี๋ยวนี้ไม่แพงด้วย ระบบเสียงก็ไม่ได้ซีขนาดนั้น

น้อยลงแต่คงเฉพาะกลุ่มมากขึ้น ไม่หายไปหรอก ขายไลฟ์สไตล์ขายประสบการณ์ยังไงก็จะมีคนกลุ่มนึงยอมจ่าย

ไม่ล่มไวๆนี้หรอก คนพูดตั้งแต่ยุคโควิดระบาดใหม่ๆ + Streaming กำลังบูม (ตอนนั้น Netflix หุ้นพุ่งไปเกือบเด้งนึงมั้ง) ว่าเดี๋ยวโรงหนังจะเจ๊งๆ ผ่านมาจะ 6 ปีได้แล้ว ทุกวันนี้ก็เห็นโรงหนังอยู่ได้หนิครับ

คือตราบใดที่ค่ายหนังยังรีดเงินจาก Streaming ได้ไม่เท่าโรงหนัง ยังไงเขาก็ต้องปล่อยหนังให้โรงหนังไปฉายก่อนระยะนึง แล้วถึงค่อยมาปล่อยใน Streaming เพราะต้องไม่ลืมว่า Streaming ที่เป็นระบบซับตะไคร้ ส่วนแบ่งที่จ่ายให้ค่ายหนังมันไม่มีวันเท่ากับที่ได้จากโรงหนังอยู่แล้ว (ยกเว้นบางเรื่องที่ลง Streaming ก่อนเพราะแพลตฟอร์มออกทุนให้ เช่น AppleTV หรือ Amazon ที่เป็นเจ้าของ MGM ไอที่เป็นเสือคำรามก่อนเข้าหนังอะ)

ยังไงเสีย คนเราก็ยังมีความอยากไปดูโรงหนังอยู่ ส่วนที่มีจอใหญ่ๆ (ไม่ต้องใหญ่ขนาดเท่าโรงหนังก็ได้ เกินไป) ระดับที่ไม่ต้องไปโรงหนังแล้วเนี่ย สัดส่วนมันกี่ % เอ๊ง แล้วพูดจริงๆว่าตอนนี้ค่าครองชีพบ้านเรามันสูงจนทำให้ค่าตั๋วหนัง 200-300 ไม่รู้สึกว่าแพงอีกต่อไปแล้ว (สมัยก่อนตั๋วเกิน 140 ก็มองว่าแพงกันละ) ผลคือคนเราแม่มเข้าโรงหนังกันมากขึ้น โรงหนังอาจจะรู้สึกว่ากำไรต่อหัวน้อย แต่ปริมาณมันเยอะยังไงก็รอด

ยังไม่นับอีกว่าช่วงหลังๆพฤติกรรมคนไทยแม่มบ้าสปอยล์หนังกันมากมาย ไอแพลตฟอร์มสมาธิสั้นนี่ก็ตัวดีเลยมั้ง
แล้วชีวิตมันถูกกระตุ้นให้เน้นสร้างคอนเทนท์ การสปอยล์หนังนี่แทบจะเป็นอันดับต้นๆของความง่ายในการทำ
ได้ Reach เยอะ ความเสี่ยงมีแค่โดนด่าเฉยๆ (แต่ถ้าดังพอก็จะมีลูกหาบช่วยปกป้องให้)

ลองๆไปหาดูก็ได้ ตอนนี้หนังเข้าโคตรเยอะ พวก Zootopia, Now You See Me ภาคล่าสุด ฯลฯ

ปล. แต่เรื่องลดไซส์ลงเพื่อฉายมากโรงขึ้นก็เป็นไปได้อยู่นะ เห็นโรงหนังใหม่ๆซอยเพิ่มซะจนงง

โรงหนังสมัยใหม่ไม่ได้ขายหนังครับ เค้าขาย experience

1.จอใหญ่
2.เทคโนโลยีจอสวยสด
3.ลำโพงกระหึ่ม
4.ห้องมืดสนิท
5.popcorn ขนม
6.ที่นั่ง
7.ของที่ระลึก & merchandise

สิ่งเหล่านี้ทำให้การไปดูหนังที่โรงหนังเป็นประสบการณ์ที่แตกต่างกับดูที่บ้านเยอะ

ของพวกนี้ดู streaming ที่บ้านก็ไม่มีทางได้ โดยเฉพาะระบบเสียง

ซึ่งโรงหนังผมสังเกตุก็ปรับตัวเรื่อยๆ คือไม่ได้แค่เปิดหนังฉายจบอีกต่อไปแล้ว

มันยังมีหนังที่ต้องเข้าไปดูในโรง เพื่อรับรับประสบการ์ณการชม ที่ทีวีทดแทนไม่ได้

ยกเว้นคนมีจอ 75+ นิ้ว

ยังไม่ล้มครับ แต่ก็น่าจะลดจำนวนโรงที่ฉายลงเรื่อยๆ

ไม่ล้ม แต่ต้องปรับขนาด กับจำนวนโรงลดลงครับ

ไม่ล้ม แต่ลดscale และเพิ่มคุณภาพโรงหนัง

ของไทยน่าจะดีแล้ว

แต่อย่างเมืองนอก บางประเทศคือโรงหนังเก้าอี้กากๆ จองที่นั่งไม่ได้ แบบนี้เจ๊งครับ

ถ้าเปนแบบ marvelrick ต้องโรงเท่านั้น

mpassราคาเท่าเน็ตฟลิก เบาะนุ่มๆจอใหญ่ๆแอร์เย็นๆ ออกข้างนอกเหนื่อยๆ จิ้มนั่งพักดูหนังซักเรื่องก็ได้ ถ้าทำราคาสู้ได้ยังไงก็ดีกว่า

น่าจะน้อยลงละ เพิ่มค่าธรรมเนียม MPass เว้นช่วงไม่สมัครต่อเนื่องแพงเลย