เรื่องคือว่าผมมีหุ้นในบ.เล็กๆบ.นึงอยู่5% ตั้งแต่วันจัดตั้งบ. และเรียกชำระไปแล้ว 25% เมื่อต้นปี
ซึ่งก่อนหน้านั้นผมยังทำงานอยู่ที่นี่มาระยะนึงและลาออกไปเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว
ช่วงก่อนลาออก ก็มีคุยกับประหุ้นส่วนใหญ่ก็ตกลงกันว่าให้ผมถือหุ้นต่อโดยไม่มีปัญหาอะไร

จนวันนี้พึ่งได้รับการติดต่อมาใหม่ว่าผมจะเอายังไงกับหุ้นที่ผมถือ
คือเค้าก็พูดคร่าวๆว่า เค้าจะปันผลกำไรปีนี้ให้ตามสัดส่วน แล้วหลังจากได้ปันผลไปก็จะให้ผมขายตามราคาที่ชำระไป

ซึ่งผมก็ไม่บอกไปว่า ผมไม่ได้ตั้งใจจะขาย และไม่มีเหตุอะไรที่จะขายเลย
ถ้าอยากจะซื้อก็เสนอราคามาได้เลยแล้วมาว่ากัน

หลังจากตอบไปแบบนั้น เค้าก็บอกว่างั้นปันผลก็อุบไว้ก่อน ปีนี้จะไม่มีปันผล
แล้วเดี๋ยวจะเพิ่มทุนในปีหน้าและต่อๆไป

ผมก็โอเค ตามสบายเลยไม่ได้เดือดร้อน ถ้าจะให้ลงเงินเพิ่มก็บอก หรือถ้าจะเพิ่มทุนแล้วลดสัดส่วนก็เอาเลย
จบบทสนทนา


เลยอยากปรึกษาว่า ควรจะเดินยังไงต่อไปดีเพื่อให้ได้ผลกำไรมากที่สุดครับ

ในใจผมก็มีตัวเลือกต่อรองว่า ผมขอปันผลสัก 2-3รอบ แล้วค่อยขายละกัน หรือยังไงดีครับ

ทรงนี้ ถือ มันจะเพิ่มทุนเพิ่มไรก็ถือ สัดส่วนลด แต่มูลค่าไม่ได้ลดลง ทรงนี้เหมือนร้อนรน

แสดงว่ากิจการดี

ผมไม่ได้แม่นขนาดนั้นนะ แต่เป็นผมผมขายทิ้งถ้าได้ราคาเหมาะสม

ช่องโหว่ ทางตุกติกมันเยอะ

พอถือหุ้นสัดส่วนน้อย มันทำไรลำบาก ถ้าเค้าจ่ายเงินออกรูปแบบอื่นท่านก็อด ถ้าเค้าเล่นแร่แปรธาตุการถือหุ้นอะไรงงๆ เดี๋ยวท่านจะกลายเป็นหุ้นกากๆไปแทน หรือสุดท้ายถ้าบริษัทมันมูลค่าสูงขึ้นๆ เค้าอาจจะโอนทุกอย่างไป บ ใหม่ ปิด บ นี้ทิ้ง จะเอาผลประโยชน์ก็ต้องทำเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาลก็ยาวๆปวดหัวอีก

สัญญาณความตุกติกมันมาละครับ ตั้งแต่ท่านเลือกจะไม่ขาย ก็เลื่อนจ่ายปันผล เดี๋ยวไปหาทางอื่นแทน แปลว่าตอนนี้เค้าไม่อยากให้ท่านได้สักแดงเดียว นอกจากเออถ้ายอมขายหุ้นละจบๆกันไปแบบนี้พอให้ได้

ผมแนะนำให้รีบขายครับ

ถือหุ้นส่วนน้อยในบริษัทเล็กๆ นี่ไม่มีประโยชน์เลย
ผู้ถือหุ้นใหญ่สามารถทำอะไรได้มากมายโดยที่คุณโต้แย้งอะไรไม่ได้เลย

เช่นเปลี่ยน นโยบายของบริษัท เป็นไม่มีการปันผล ให้เอากำไร
ทั้งหมดใส่เข้าบริษัท เหมือนจะดีทำให้บริษัทมีมูลค่ามากขึ้น

แต่มีนโยบายให้ค่าจ้างพิเศษแก่กรรมการ(ซึ่งคือผู้ถือหุ้นคนอื่นที่ไม่ใช่คุณ)
แปลว่าจะผ่านไป 5 ปีหรือ 10ปี คุณจะไม่ได้อะไรเลยจากการถือหุ้นไว้
และมูลค่าของบริษัทก็อาจจะไม่ได้เพิ่มมากขึ้นด้วย(เพราะเอาเงินออกไป
จ่ายค่าจ้างพิเศษให้แก่กรรมการหมด)

หรือ เค้ามีมติเพิ่มทุน กรรมการคนอื่นไม่มีปัญหา
เพราะเค้าได้รับเงินค่าจ้างพิเศษทุกปี
แต่คุณไม่ได้อยู่คนเดียว(เพราะไม่ได้ทำงานในบริษัทแล้ว)
จะให้คุณเอาเงินก้อนไปลงเพิ่ม คุณจะเอาไปลงจริงเหรอ
เอาออกก็ไม่ได้นะ จมไปฟรีๆ

ถึงวันนึงคุณยอม อยากขายหุ้น
ยังอาจจะไม่มีใครยอมซื้อหุ้นจากคุณ(ในราคาที่สมเหตุสมผล)
เพราะเค้ารู้แล้วว่าถึงคุณถือหุ้นอยู่ก็แทบไม่มีประโยชน์อะไร
อย่างดีก็ขอซื้อคืนในราคาที่คุณจ่ายไปเหมือนตอนนี้แหละ

คำแนะนำของผมคือลอง ตีราคาที่สมเหตุสมผลคำนวนปันผลในปีนี้
แล้วรีบขายดีกว่า เช่นปีนี้ปันผลให้คุณ 10000 บาท
คุณก็ตีราคา หุ้นไว้ซัก 3-5 เท่าของปันผลที่ได้
ลงไปเสนอขายให้ผู้ถือหุ้นรายอื่นดู
(ถ้าเงินที่ลงทุนมากกว่านั้น ก็อาจจะคิดเป็น ราคาที่ลงไป+ปันผล 3-5 เท่า)

ฟังจากที่ จขกท.เล่าคร่าวๆเหมือนจะเป็นแบบนั้นจริงๆท่าน

แล้วทรงคือไม่อยากแบ่งแล้วอ่ะ คนแบบนี้โคตรจัญไร ตอนจะตั้งบริษัทเงินยังไม่มีก็ไปเร่ขายหุ้นเพื่อระดมทุน

พอบริษัทเริ่มไปได้ดี เสือกไม่อยากแบ่งอยากฮุบกำไรไว้คนเดียวแล้วไปบังคับให้ขายหุ้นในราคาทุนด้วย เชี่ยมาก

——————————————-

ตอบ จขกท.ครับ ทรงนี้คือผู้บริหารไม่มีธรรมมาภิบาลตั้งแต่เริ่ม ส่วนตัวขออนุญาตแนะนำครับ

ว่าให้เจรจาให้เค้าจ่ายปันผลตามแผนเดิม แล้วคุณขายหุ้นคืนให้หมดในราคาทุน+พรีเมียม (คงต้องคำนวนเรื่องกำไรต่อหุ้นให้ดี ว่าราคาที่เหมาะสมที่คุณจะขายคืนให้คือเท่าไร แต่ไม่ใช่ราคาทุนแน่ๆ) ครับ

ไม่อย่างนั้นถ้าเค้าเล่นแร่แปรธาตุจ่ายเงินกำไรออกทางอื่นที่คุณไม่มีส่วนได้ส่วนเสียหรือตรวจสอบไม่ได้ จากที่จะได้กำไรจะกลายเป็นขาดทุน

ไปแทน สมมติง่ายๆเลยครับ แค่ซื้อของแพงกว่าราคาตลาดสัก 30-40% โดยราคาที่แพงกว่าตลาดนี้ทยอยแปรรูปเข้ากระเป๋าพวกเดียวกัน

ซึ่งส่วนเกินนี้จะไปทำให้กำไรต่อหน่วยลดลงไปหรืออย่างแย่ๆเลยอาจพลิกเป็นขาดทุนด้วยซ้ำ

ดังนั้น จขกท.ลองทบทวนผลได้ผลเสียอย่างรอบคอบดูอีกทีครับ ว่าจะไปทางไหน

แต่ถ้า จขกท.มีเส้นสายจะลองพิจารณาขายหุ้นส่วนนี้ให้เจ้าใหญ่เงินหนาที่ไม่ใช่พวกผู้บริหารก็ได้ครับ อันนี้ได้สะใจด้วย