- เส้นทางของเอสเตเวาเริ่มจากอะคาเดมีครูเซโร่ ก่อนย้ายเข้าสู่ระบบเยาวชนพัลไมรัส และถูกดันขึ้นทีมชุดใหญ่ในปี 2023–24 พร้อมพาทีมคว้าแชมป์ลีกบราซิลและแชมป์รายการรัฐอย่าง Campeonato Paulista จากนั้นเชลซีบรรลุข้อตกลงคว้าตัวล่วงหน้าตั้งแต่ปี 2024 และดึงมาร่วมทีมจริงในซีซัน 2025/26 ดีลนี้มีรายงานว่าค่าตัวรวม (ค่าคงที่ + โบนัสตามผลงาน) อาจแตะระดับ 50–60 ล้านยูโร ซึ่งถือเป็นหนึ่งในดีลลงทุนกับดาวรุ่งที่ใหญ่ที่สุดของสโมสรในยุคหลัง
- ปัจจุบันเว็บไซต์ประเมินมูลค่านักเตะชั้นนำให้เอสเตเวามีมูลค่าทางตลาดอยู่ที่ราว 60 ล้านยูโร ทั้งที่เพิ่งย้ายมาเล่นพรีเมียร์ลีกได้ไม่นาน
- แมตช์ที่ทำให้ชื่อ “เอสเตเวา” ระเบิดบนเวทีใหญ่แบบเต็มตัวคือเกมแชมเปียนส์ลีกที่เชลซีเปิดบ้านถล่มบาร์เซโลน่า 3-0 เขาคือคนกดประตู 2-0 จากจังหวะโซโล่แหวกแนวรับ แล้วซัดด้วยเท้าขวาข้างไม่ถนัดแสกหน้าผู้รักษาประตู กลายเป็นประตูไฮไลต์ประจำคืน และที่สำคัญคือทำให้เขากลายเป็น “วัยรุ่นคนที่สาม” ที่ยิงได้ใน 3 นัดแรกของตัวเองบนเวทีแชมเปียนส์ลีก ต่อจาก คีเลียน เอ็มบัปเป้ และเออร์ลิง ฮาลันด์ เท่านั้น
- ในเกมเดียวกันนั้น แฟนบอลเชลซีในสแตมฟอร์ด บริดจ์ ยังร้องเพลงเชิงแซว ลามีน ยามาล ปีกวันเดอร์คิดของบาร์ซ่า ว่า “You’re just a sh** Estevao” ยิ่งทำให้ภาพ “ศึกวันเดอร์คิดริมเส้น” ชัดเจนขึ้นอีกฝั่งหนึ่ง เอสเตเวาเล่นงานแนวรับบาร์ซ่าตลอดทั้งเกม ขณะที่ยามาลเกือบไม่มีพื้นที่ให้โชว์ของ ถูกแบ็กเชลซีปิดตายจนกลายเป็นไวรัลในโซเชียลหลังเกมว่า “คืนนี้ไม่มียามาล มีแต่เอสเตเวา”
- หลังจบเกม ตำนานอย่าง เธียร์รี่ อองรี ยังออกมาชื่นชมเอสเตเวาแบบออกนอกหน้า โดยโฟกัสไปที่ “ศิลปะการเลี้ยงบอล” ที่กำลังหายไปจากฟุตบอลยุคใหม่ เขามองว่าจังหวะกระชากกินตัวหนึ่งต่อหนึ่งของเอสเตเวา ทำให้นึกถึงยุคที่ปีกระดับตำนานอย่าง ไรอัน กิ๊กส์ ไล่กระชากฟูลแบ็กทั้งเกม พร้อมทิ้งคำพูดที่น่าจำว่า “ปล่อยให้เขาเล่น ปล่อยให้เขาปั่นคู่แข่งไปเถอะ นั่นคือสิ่งที่เราควรปกป้องในฟุตบอล”
- โปรไฟล์ของเอสเตเวาในเชิงแท็กติกคือ “ปีกขวาเท้าซ้าย” สูงราว 1.78 เมตร เล่นได้ทั้งริมเส้นและเป็นตัวตัดเข้าใน (inverted winger) จุดเด่นคือ first touch และการเร่งสปีดระยะสั้น–กลางเพื่อฉีกตัวประกบ รวมถึงความเยือกเย็นเวลาเข้าไปอยู่ในกรอบเขตโทษ ซึ่งทำให้เขาถูกเปรียบเทียบกับทั้งเมสซี่และเนย์มาร์ตั้งแต่ยังเล่นในบราซิล ถึงขนาดได้ฉายา “Messinho” แต่เจ้าตัวออกมาบอกแล้วว่าไม่อยากถูกเรียกแบบนั้น เพราะ “การเป็นเอสเตเวาในแบบของตัวเองก็ดีพอแล้ว”
- มุมที่น่าสนใจคือในอดีต เอสเตเวาเคยให้สัมภาษณ์ชัดเจนว่า “ความฝันสูงสุดคือการเล่นให้บาร์เซโลน่า” เขาดูเกมของบาร์ซ่าแทบทุกนัด โตมากับการชมเมสซี่–เนย์มาร์ และพ่อของเขายังเคยไปเยี่ยมชมคัมป์นูพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกของสโมสร แต่ท้ายที่สุด บาร์ซ่าไม่สามารถสู้เรื่องค่าตัวและมีลามีน ยามาล ยืนอยู่ในตำแหน่งเดียวกันอยู่แล้ว จึงถอยออกจากดีล เปิดทางให้เชลซีทุ่มคว้าตัวไป และจังหวะดราม่าก็มาในปี 2025 เมื่อเขาได้ยิงใส่ “ทีมในฝันเก่า” ของตัวเองในเวทีแชมเปียนส์ลีกจริง ๆ
- เชลซีตั้งใจปั้นให้เป็นทั้งแกนหลักระยะยาว และอาจกลายเป็นทุนต่อรองระดับซูเปอร์สตาร์ในตลาดซื้อขาย หากเขารักษาเส้นกราฟการพัฒนาและตัวเลขในทีมชาติบราซิลได้แบบนี้ต่อไป สำหรับนักวิเคราะห์ต่างประเทศ หลายคนมองเขาในฐานะตัวแทนของปีกสายเทคนิคดั้งเดิมที่ฟุตบอลยุค pressing กำลังทำให้หายากขึ้นเรื่อย ๆ และถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เราอาจกำลังพูดถึง “หนึ่งในตัวรุกเบอร์ต้น ๆ ของโลก” ในช่วงปลายทศวรรษนี้ โดยมีสแตมฟอร์ด บริดจ์เป็นเวทีแจ้งเกิดหลักของเขา
เอสเตเวา วิลเลียน ปีกขวาชาวบราซิลวัย 18 ปีของเชลซี