ตอนนี้ใครก็แนะนำลง S&P500 crypto หรือแม้แต่หุ้นไทย

โดยชวนว่า เงินเฟ้อ 4-5% ต่อปี

ฝากประจำได้แค่ 2% ต่อปี ยังไงก็เงินลดลงเรื่อยๆ

ทีนี้หุ้นบางตัวดอยกันเป็นสิบๆปี

คริปโตก็เป็นของใหม่ในโลกไม่มีใครกล้าการันตี

อย่างหุ้นไทยนี้ถ้าซื้อ กองทุน ดัชนี set50 ตอนปี 2011 ถึงตอนนี้ยังขาดทุนยับอยู่เลย

แล้วขาดทุนที มันเละกว่าเงินเฟ้อเยอะ
-40% -50% งี้

ปล ไม่ได้บอกให้ไม่ลงทุน แต่ต้องยอมรับได้ด้วยว่าอาจ ติดลบหนัก ถ้ารับได้ก็ลุย

บางทีเวลาแม่มลบหนักๆ ชอบแอบคิด รู้งี้กรุฝากออมทรัพย์ไว้ดีกว่า ไม่น่ามือบอน

ก้อฝาก 2% ต่อปีืต่อไปครับ ถ้าเกลียด

หรือจะหาความรู้จับจังหวะลงทุน แล้วได้ 100%
เลือกเอา

เขาถึงบอกให้เอาเงินเย็นมาลงทุนไงครับ ถ้าเอาเงินร้อนมาลงทุนโดน drawdown สัก20% ของพอร์ตก็นอนไม่หลับแล้วมั้ง

ที่สำคัญเลยควรมีเงินออมอย่างน้อยก้อนนึง ค่อยแบ่งเงินมาลงทุนครับ ไม่ใช่เอาเงินออมทั้งหมดที่มีไปลงทุน

กฏของการลงทุน ฟังอะไรมาก็แล้วแต่ เราเป็นคนตัดสินใจเอง
กำไรมาก็เก็บไว้เอง เวลาขาดทุนมาก็อย่าไปโทษคนอื่น

อันนี้คือจะบ่นเรื่องตัวเองใช่มั้ย?

การลงทุนปกติทุกคนมัน take your own risk ตั้งแต่เข้ามาลงทุนอยู่แล้วนะ แล้วพื้นฐานของการลงทุนทุกอย่างก็ควรมีจุด cut loss ที่รู้สึกว่าตัวเองไม่ไหว ไม่ใช่นั่งถือต่อแล้วก็ด่าคนแนะนำว่าแนะนำมาได้ไง ขาดทุนขนาดนี้

แล้วจะฟังอะไรมาก็ตามแต่ก็ต้องหาข้อมูลอีกด้านมาประกอบกันด้วย ไม่ใช่พอกำไรก็เงียบไม่ก็บอกว่าตรูเก่งทำกำไรได้ พอขาดทุนก็ด่าคนแนะนำ อันนี้มันตลก เพราะไม่มีใครมาบังคับให้เอาเงินไปลงทุนนะ ทุกคนเลือกด้วยตัวเองตั้งแต่ฝากเงินเข้าไปเพื่อจะซื้อหุ้นหรือกองทุนแล้ว

พวกมนุษย์ที่มีความคิดจะฝากเงินออมทรัพย์ดีกว่าแต่แรกอ่ะ มันไม่มีใครทำจริงอย่างที่พูดหรอก เพราะคนทำจริงไม่มานั่งหาข้อมูลเพื่อจะลงทุนแน่ๆ ก็ฝากเงินกับธนาคารไปเลยจบๆ ง่าย ไม่ซับซ้อน ไม่ต้องมานั่งโทษกูรูว่าแนะนำให้ซื้อตัวนั้นตัวนี้ทำไม

แล้วอีกอย่างที่ใช้ได้เสมอคือให้เอาเงินเย็นแบบชีวิตนี้ทิ้งได้เลยไปลงทุน อย่าเอาเงินเก็บทั้งชีวิตไปลงทุน ไม่งั้นได้เป็นไบโพลาร์แน่ๆ ลบหนักทีก็หัวร้อนที