พอดีไปเจอโพสนี้มา อันนี้ผมขอสรุปสั้นๆสำหรับใครที่ไม่ค่อยได้ตามพรรคนะครับ

คือสส.พรรคนี้ใช่ว่า สส.เดิมที่ได้ จะได้ลงต่อ จะต้องมีการรีวิว สส.คนนั้นว่า ดีไหมทำงานไหม และผู้ท้าชิงหรือตัว สส.คนเดิม ต้องมาอบรมคอร์สหรือหลักสูตรแบบโพสที่ผมแปะไว้ด้วย เอาง่ายๆ ไม่รับประกันว่าคนที่ได้เป็น สส. รอบที่แล้ว รอบหน้าจะได้ลงต่อ

อ.ศิโรฒน์แกเคยเตือนเรื่องนี้ครับว่า การคัดคนแบบนี้มีความเสี่ยงอยู่ ทำให้ชาวบ้านไม่คุ้นหน้า เปลี่ยนตัวตลอด และการรีวิว สส. แกกังวลว่าจะมีการรวมหัวกันรีวิวด้านลบแบบไม่เป็นความจริง ทำให้ไม่ได้ลงต่อ อะไรทำนองนี้ ส่วนเหตุผลที่พรรคส้มทำแบบนี้ก็เพราะ ไม่อยากให้เป็นบ้านใหญ่ หรือได้บ่อยอยู่จนรากงอกไม่ทำงาน อะไรทำนองนี้ครับ

ถ้าเป็น สส.เก่าแล้วพรรคไม่เอาต่อทั้งๆที่มีผู้สมัครแค่คนเดียวนี่ ผมว่าต้องมีอะไรแปลกๆแล้วแหละ แต่ก็ได้แต่สงสัยครับไม่รู้ว่ามันมีอะไรที่เราไม่รู้อีกมั้ย แต่ตอนนี้ผมยังคงเชื่อมั่นใจพรรคอยู่ แต่ถ้ามีข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าเชื่อถือก็พร้อมจะด่าเหมือนกัน

เหมือนที่อุบลเลย ปี 66 เขตในอำเภอเมือง แพ้เพื่อไทยนิดเดียว ล่าสุดแกบอกว่าไม่ผ่าน และมีแกสมัครคนเดียว ผมก็ไม่รู้เบื้องหลัง ก็ยังงงอยู่แล้วจะเอาใครมาลง

แบบนี้แหละดี เผื่อได้ WONDER KID

ผมว่าดีมากกว่าแย่ จุดขายของพรรคส้มคือ แตกต่าง การไม่รับประกันตัวจริงข้อเสียมีจริงเรื่องไม่คุ้นหน้า เป็นผมผมก็งงนะ ของเดิมมันติดตลาดแล้ว จะเปลี่ยนทำไม ต้องมีคำอธิบายดีๆให้ลูกค้า แต่ข้อดีก็คือเนือยไม่ได้ จะมาทำตัวเป็นเจ้าถิ่น นัดไหนเล่นไม่ดีก็ยังได้ลงต่อ ถ้าอยากได้แบบหน้าเดิมก็ไปเลือกพรรคอื่นได้ อยากได้แบบมีแรงกระตุ้นก็ไปส้ม แค่นั้น การมีคนที่ขายของต่างกันในตลาด มันเป็นเรื่องดีกับผู้บริโภค แต่เอาจริงมันก็ยากที่จะทำแบบนี้ คำตอบในทางการเมืองมันประเมินยาก บางทีมันไม่ได้มีถูกผิด มันกลายเป็นถูกใจไม่ถูกใจ คำถามที่ตามมามันคือใครเป็นคนตัดสิน ทำเรื่องแบบนี้ ทำไม่ดี มีพรรคแตกได้เลย

แล้วถ้ามีคนถามว่าไม่การันตีคนลงพื้นที่ แล้วตำแหน่งหัวหน้าพรรคล่ะ โดนโค่นได้ไหม แคนดิเดตนายกล่ะ โดนโค่นได้ไหม ถ้าได้ แล้วใครตัดสินเบอร์ 1 ของพรรค แล้วถ้าไม่ใช้เกณฑ์แบบนี้กับระดับบน ทำไม อะไรคือคำอธิบาย ขัดจุดยืนไหม อะไรแบบนี้ ลำดับในปาร์ตี้ลิสต์อีก ซึ่งระบบมันก็ต้องแฟร์ ชัดเจน ไหนจะสอบอะไรกันอีก ต้องเปิดเผยไหม

ก็ต้องรอดูคนที่มาแทนอ่ะครับ ถ้ามาแบบบ้านใหญ่ ก็น่าคิดว่าที่ไม่มีคู่แข่งนี้โดนล็อคมาตั้งแต่แรกหรือเปล่า ซึ่งถ้ามาแนวนี้จริงก็น่าเป็นห่วง + ยิ่งบ้านใหญ่แถมมีประวัติเก่าๆเหมือนคนที่มีประเด็นก่อนหน้านี้อีกมันจะดูไม่จืดเลยนะ

สส.เขตได้อารมณ์เซลขายของอ่ะ ต้องแอคทีฟตลอด เปลี่ยนจากสินค้าเป็นนโยบายส่วนกลางของพรรค

ผู้สมัครมีหน้าที่อธิบายขยายความนโยบายให้คนในพื้นที่เข้าใจ พรรคส่วนกลางก็โฆษณานโยบายกันไป

คนเลือกก็ไม่ต้องดูชื่อดูหน้า ดูสัญลักษณ์พรรคพอ เลือกเพราะนโยบาย ไม่มีบ้านใหญ่แน่นอน จะขาดก็การยึดโยงของสส.กับคนในพื้นที่ แต่เด่วก็ชิน

ถ้าจะให้ดีต้องให้สมาชิกพรรคมีส่วนในการเสนอนโยบาย เลือกนโยบาย ที่ใช้ในการหาเสียงด้วย

ส่วนสส.บัญชีรายชื่อก็ต้องมีเกณฑ์ที่ชัดบอกสมาชิกอ่ะ ว่าทำยังไงคุณสมบัตออะไร ถึงได้เป็นปาตี้ลิสท์

ไม่งั้นยูนิตี้เกิดยาก

หลักสูตร MP101 นี่คงมีแต่คนที่เข้ารับการอบรมเท่านั้นล่ะครับที่จะบอกได้ว่าหลักสูตรนี้ต้องการผู้สมัครแบบไหน

ข้อดีที่เห็นแน่ๆคือไม่ทำให้สส.ทำตัว passive เกินไปและหวังแค่กระแสจากพรรค ส่วนข้อเสียคงเป็นความชัดเจนในหลักเกณฑ์นี่แหละที่ทำให้หลายคนที่ไม่ได้ไปต่ออาจจะไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงตกรอบ

ส่วน 2 คนที่มีปัญหาดราม่าเท่าที่ฟังจากคุณช่อผมว่ามันก็เข้าใจได้นะว่าทำไมถึงได้รับเลือก