เวลาผมขับรถมาทำงานช่วงเช้า ส่วนมากจะใช้เวลาประมาณ 1 ชม.

กับบางทีตอนวันหยุด เวลาไปเดินห้าง ก็มีไปซื้อหนังสือพวกพัฒนาตัวเองมาอ่านบ้าง (แต่อ่านไม่ค่อยจะจบ)

หลักๆ ที่ฟัง หรือ อ่าน อย่างเช่นพวก productivity / social detox อะไรแบบนี้

แต่บางทีฟังไปฟังมา ก็รู้สึกเหนื่อยจัง นี่มาทำงานทุกวัน ก็เครียดเรื่องงานแล้ว ยังต้องมาเครียดว่า

เห้ย นี่มึงห้ามขี้เกียจนานนะเว้ย คือ ขี้เกียจได้ แต่อย่าทำเป็นนิสัย

คิดอะไรออก มึงต้องจดๆๆ ใส่สมุด ตอนเช้าต้องทำ to do list เขียน bullet journal บลาๆๆ

ก่อนนอนห้ามดูมือถือนะ ต้องอ่านหนังสือ เดี๋ยวเจอแสงสีฟ้าจากหน้าจอทำให้นอนไม่ดี

หรือ ตื่นมาห้ามจับมือถือก่อน คนที่สุดยอดจะต้องนั่งสมาธิก่อนซัก 10-15 นาที ค่อยไปจิบกาแฟ ออกกำลังกาย

ที่พูดมาทั้งหมด ถ้าใครทำได้หรือทำเป็นปกติ ก็ดีอยู่แล้วแหละครับ

แต่ ... บางที ผมก็มาคิดๆ ว่า ชีวิตกรู ทำไมมันต้องยากลำบาก หรือเป็น pattern ขนาดนี้ด้วย

บางทีเหมือนพอไม่ได้ทำละก็คิดว่า นี่กรูใช้เวลาโดยเปล่าประโยชน์จังเลย

(แต่เวลาที่ฟังคลิปพวกนี้ หรือ อ่านหนังสือพวกนี้ ในวันหยุด มันก็กินเวลาเหมือนกัน ถ้าเอาไปทำงานคงดีกว่า)

ผมเลยถ้าอยากทำค่อยทำละกัน แต่ก็ยังพยายามจะทำให้ดี เท่าที่ทำได้

หรือ ผมอาจจะฟังหรืออ่านพวกนี้มากไปจนเกิดอาการแบบ overwhelmed ก็ได้

ท่านเคยเป็นแบบนี้กันมั้ย

ช่วงไหนเป็นก็พักบ้างครับ อย่างผมก้ฟังพอดแคสตอนขับรถกับฟิตเนส
อ่านนสตอนว่างๆระหว่างวัน นั่งสมาธิบลาๆ แต่ช่วงไหนรู้สึกเครียด กดดันเกิน ก้พักบ้างดู ซีรีย์ดูอะไรไป พอไฟกลับมาก้ค่อยมานั่งทำต่อ บางทีขับรถไกลๆก้เปิดเพลงฟังบ้าง อย่าไปกดดันตัวเองมาก

จริงท่าน บางทีกดดันตัวเองเยอะ ก็มีเครียดๆเหมือนกัน

บทจะเท ก็เทยาวววว เลย

ท่านคงได้ยินมาบ้างว่า วินัย คือ อิสระ ถ้าจำไม่ได้ก็ลองหาฟังดูครับ


แต่ละอย่างมันก็มีประโยชน์ของมันจริงๆ ขึ้นอยู่กับว่า ท่านอยากได้ผลของมันหรือไม่

เช่น จด to do หรือว่างแผน ผลคือ เบาสมอง ไม่ต้องมาวนคิด ทั้งทางตรงและทางอ้อม

ตื่นเช้าออกกำลังกาย = ได้ทั้งร่างกาย และฝึกกล้ามของจิตใจ

ไม่จับมือถือบางเวลา = ได้สิ่งที่มีค่ากลับคืน และได้ประโยชน์ให้สมองและร่างกาย

อ่านหนังสือ = ได้แนวคิด หรือทบทวนตามหนังสือที่อ่าน ได้พักสายตาจากแสงบางชนิด ได้บริหารสมอง ได้ความเติมเต็มในใจบางเรื่อง


ถ้าฟังแนวๆนี้ ผมชอบคำพูดประมาณว่า "การออกกำลังกาย ฯลฯ เมื่อเรามองย้อนกลับไป เราจะไม่มีวันเสียดายมัน แต่ถ้าไม่ทำ เมื่อวันนึง เราอาจจะเสียดายที่ไม่ได้ทำมัน " ประมาณนั้น


และส่วนตัวผมมักคิดว่า ได้เลือกทำตามผลที่อยากได้จริงๆ มันรู้สึกเป็นอิสระมากกว่า ได้ทำ เพราะถูกชักจูง
(ชักจูงไม่ใช่จากใครหลอก จากตัวเราความอยากระยะสั้น ความโลภ ความเพลิน ประมาณนั้น)

อ้อ และก็ทำเท่าที่ทำได้แบบท่านว่านั่นแหละ ไม่ต้องดีเลิศอะไร แค่เหมาะสมกับเราก็พอ ไม่เบาไปไม่หนักไป แล้วก็เริ่มง่ายๆ

ไม่เคยฟังและแม่งไม่ชอบฟังด้วย ผมว่าอะไรพวกนั้นแม่งเปลือกโคตรๆอะ

คนภูมิต่ำๆผมว่าฟังหรืออ่านพวกนี้เยอะๆ สุดท้ายน่าจะจบที่คลีนิกจิตเวช

ไม่มั่นใจในตัวเอง กดดันตัวเอง

ชีวิตตัวเองแต่ให้คนที่ตั้งตนว่าเป็นกูรูนิดๆหน่อยมา ขีด กรุย กำหนด ทางชีวิตให้ ตลก

ผมเจอเยอะทรงนี้ ระดับหัวหน้า ระดับบอสๆที่ทำงานผมนี่แหละ แหม ฟังอย่าง อ่านอย่าง ใช้ชีวิตอีกอย่าง

โม้อีกอย่าง ยิ้มอ่อนเลย เห็นแต่ละที

การกดดันตัวเอง ว่ากันว่า กดดันระดับที่พอดี ย่อมดีเสมอ

ส่วน เทยาววว เท่าที่ได้ยินมา สรุปได้ว่า ส่วนใหญ่มันมาจาก 2 สาเหตุ
1. ทำหนักไป ต้องดีเลิศในการกระทำนั้นๆ ผลคือ ลึกๆแล้วร่างกายไม่ไหว จิตใจไม่ไหว ทำให้ไม่อยากเริ่ม
2. หวังผลเร็วไป ปลูกต้นไม้ต้องใช้เวลากว่าจะได้กินผล หลายคนพอทุ่มเทปลูกเต็มที่ พลวนดินทั้งวัน(เกินพอดี) ผ่านไป 2 อาทิตย์ไม่ออกผล ก็ล้มเลิก

สรุปคือ ทำไปวันๆก็พอ (ทำไปวันๆแบบไม่ใช่ทำไปวันๆนะ 555+)

ผมเห็นด้วยนะ คำพูด แนวคิด บางคำบางช่อง ฟังแล้วได้แค่เปลือกก็มี ฟังแล้วได้อะไรมากมายก็มี ทั้งๆที่เรื่องเดียวกัน ฟังบางเวลาก็ไม่ได้อะไร เมื่อเวลาผ่านไป กลับลึกซึ่งเฉย

คำๆเดียวกัน มีคนได้แค่เปลือก บางคนได้การเปลี่ยนแปลงที่ดีมากมาย

หลายคนฟัง แต่แค่ฟัง ไม่ทำ สุดท้ายผลลัพท์มันไม่ได้อยู่ที่การฟัง แต่มันอยู่ที่การกระทำ ฟังมากแค่ไหน ถ้าทำเหมือนเดิม ผลก็เหมือนเดิม ก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่ไม่ฟัง

เพราะฉนั้นถ้าท่านเลือกที่จะไม่ฟัง หรือ ไม่ชอบฟังก็ไม่แปลก ดีแล้ว คนเราชีวิต และจิตใจจะดีได้ ก็ไม่ได้มีแค่ช่องทางเดียว

อันนี้ผมเห็นด้วยกับท่าน

แต่บางที ตัวผมเอง (ย้ำว่าตัวเอง) ฟังแล้วมีไฟนะ แต่บางทีไม่ได้ทำ ก็ไม่เกิดผล แทบยังกดดันตัวเอง

แต่บางทีก็เคยทำ พอทำแล้วรู้สึกดีนะ แบบเห้ยนี่เราก็ทำได้นี่หว่า อะไรทำนองนี้

ถ้าท่านอยากเป็นศูนย์กลางจักรวาล เป็นคนที่เก่ง ที่เท่ห์ที่สุด ก็ต้องเติมไฟให้ตัวเองตลอดฮะ


แนะนำคลิปนี้ของหมอแทน หมอคนนี้สุดยอดมาก

รวมถึงคลิปเก่าๆเรื่องแนวคิดในการพัฒนาตัวเองของคุณหมอ

the groth radio

ฟังได้ครับ นำมาปรับใช้ได้บ้างครับ ไม่ต้องทำตามนั้นเป๊ะๆหรอกครับ กดดันตัวเองเปล่าๆ

Lifestyle แต่ละคนไม่เหมือนกัน จะให้ใช้ชีวิต Pattern เดียวกันหมดไม่ได้หรอกครับ