ปัจจุบันก็มีหนี้สิ้นจากการซื้อบ้าน เหลือ ล้าน8 รถ6แสน กยศ9หมื่น และบัตรเครดิต 7หมื่น

ตั้งใจจะเคลียร์บัตหมดภายในปีนี้ครับ ส่วนอย่างอื่นก็ตาม step ของแต่ละเดือน ยกเว้นบ้านที่มีโปะบ้างครับ

และปีหน้าวางแผนจะเริ่มลงทุนในการเก็บเงินเพื่อการเกษียณครับ เพราะตอนนี้อายุ 35 ปี และมีทองรูปพรรณอยู่ 4 บาท ตอนแรกตั้งใจ ต่อจากนี้จะเก็บทองแท่ง และโบนัส หรือมีเงินเก็บก็จะซื้อทองแท่งเก็บไว้ แต่ไม่แน่ใจเราตัดสินใจถูกผิดแค่ไหน

เลยมาศึกษาการลงทุนเกี่ยวกับ กองทุนรวม S&P 500 และ Nasdaq 100 หรือ RMF

แต่ทุกอย่างคือเราแค่อยู่ในขั้นตอนศึกษา หาความรู้จากหลายๆทาง ทั้งใน SS, Tiktok, Facebook, Page, Podcast ต่างๆ ยังไม่กล้าทำอะไรครับ มีโหลดและเปิดบัญชี DIME ไว้แล้ว

ตอนนี้เลยมาวางแผนว่า ทุกเดือนเราเหลือเท่าไร และจะลงทุนเท่าไร คิดว่า น่าจะได้เดือนละ 3-5 พันบาท หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับแต่ละเดือนอีกทีครับ เพราะมีภาระทางบ้านพอสมควร นอกจากตัวเอง ก็พ่อแม่ครับ

แต่ก็อยากวางแผนอนาคตไว้ยามแก่ชรา ไม่ให้ลำบากคนอื่นๆครับ (มีลงทุนทำสวนทุเรียนกับภรรยาอยู่ครับ เพิง่ 2 ปีแรก ที่ ศรีสะเกษ (ทุเรียนภูเขาไฟ) ยังต้องใช้เวลาอีกหลายปี และไม่แน่ใจจะงอกเงยมากน้อยแค่ไหนในอนาคตครับๅ๗ๅ

พี่ๆ น้องๆ ที่ลงทุนกันเป็นประจำ ตอนนี้วางแผน และทำอะไรกันไปบ้างแล้วครับ

- ศึกษาให้ดี ต้องรู้ให้ละเอียด ว่าเราซื้ออะไร

- มีเป้าหมายสำหรับเงินทุกกอง และใช้เหตุผลเดียวกันในการซื้อ-ขายแต่ละครั้ง

- เงินที่จะลงทุนต้องเป็นเงินเย็น (คิดง่ายๆว่าถ้าเงินก้อนนี้หายไป เราไม่กระทบอะไร นั่นแหล่ะใช้ได้)

- ถ้าเป็นเงินที่ยังต้องใช้ แนะนำให้ฝากไว้ที่ที่สภาพคล่องสูง

กลุ่มเพื่อนมัธยมผมมีเทพๆหุ้นเลย 2 คน

เวลาคนถามมันเรื่องหุ้น มันชอบบอก ตลาดทุนไม่ได้เหมาะกับทุกคน

ถ้ามีเงินแนะนำให้ปิดหนี้ให้หมดก่อน แล้วค่อยมาคุยกัน แม่งบอกแบบนี้เสมอเลย

แต่ผมก็ดื้อนะ ทะยอยใส่ NVD Nasdaq S&P AMD

ซื้อหนังสือพี่พอลพัทรพลมาอ่าน ซื้อหนังสือ Money psychology มาอ่าน ตามคำแนะนำของคนในบอร์ด

แต่ยังไม่ได้อ่านเลย 55+ แม่งอ่าน mindhunter ก่อนซะงั้นกู

ลองใส่เงิน 5000-10000 ลองซื้อๆขายๆ หุ้น กองทุน หรือ เทรดทองเล่นๆ ในสินทรัพย์ที่สนใจ จะกำไรขาดทุนไร อีกเรื่อง ลองเล่นตามที่หาข้อมูลมา หรือจะเล่นแบบตามใจก็ได้ เล่นสัก 3 เดือน ก้อนนั้นแหละ อยู่ให้ถึง ไปสัมผัสตลาดก่อน แล้วจะเข้าใจว่าควรจะยังไง อย่าคิดว่าศึกษามาหมดทุกอย่าง ต้องมาโดนตลาดจริงก่อนจะคิดออก

ผมว่าการเก็บเงิน คล้ายๆกับการออกกำลังกายนะ คือต้องทำให้มันเป็น lifestyle เด็กๆ ย่าผมสอนให้เก็บเงินหยอดกระปุก ผมก็จะเก็บเศษเหรียญยอด ตลอดพอโตมาทำธุรกิจ ผมก็จะยอดแบงค์ 500-1000 ที่ได้มา ได้มาปุ้บผมหยอดเลย ที่เหลือก็เอาไปลงทุนในธุรกิจต่อ มันทำให้เรามีวินัย ที่นี้จะเก็บต่อก็ง่าย เก็บก่อน ใช้สำคัญมาก ควรตั้งเป้าเลย เงินมา 1000 เดือนนี้ เก็บก่อนเลย ก่อนจะใช้ ตอนนี้ไม่ค่อยได้ศึกษาไรมาก ลงพวก SP500 แล้วก็เก็บเงินก้อนกะว่าจะเริ่มธุรกิจใหม่เร็วๆนี้ ถ้ารอบนี้กลับมามีเงินอีกเวลาทำธุรกิจยุ่งมากๆอาจจะลง T-bill เป็น Safe heaven investment standard กับ SP500 ไว้ก่อนที่เหลือค่อยว่ากัน เพราะถ้าทำธุรกิจ ผมชอบเอาเงินมาลงทุนเพิ่มมากกว่า ไม่ถนัดใช้เงิน Investor

S&P เหมาะกว่าครับ

Nasdaq อย่าพึ่งเลยผันผวนสูงอยู่นะจะรับได้ไหม ถ้าดูกราฟไม่เป็นอย่าเลย

ชอบคำว่า "ตลาดทุนไม่ได้เหมาะกับทุกคน" และยืนยันกับ จขม.ด้วย ถ้าสนใจลงได้ แต่ก็ต้องรับความเสี่ยงและศึกษาเยอะๆ

ส่วนตัวเน้นเงินต้นครบครับ (ฮา) หาแหล่งลงทุนที่ได้ปันผลสัก 5% ต่อปี ค่อยๆ ลงไป ภาระยิ่งกว่า จขม.อีก รายได้ก็น้อยนิด หลักการผมเลยง่ายๆ ออมก่อนใช้+เงินเย็นที่เอาไว้ใช้ฉุกเฉิน ง่ายๆ เลย

เสี่ยงน้อย พันธบัตร
เสี่ยงกลาง ทอง
เสี่ยงสูง กองทุน หุ้น
เสี่ยงสูงสุด คริปโต

กองทุนเมกาที่ท่านว่า ส่วนตัวเป็นกองที่ดี สะดวกใจก็ลงได้เลย

แต่ก่อนจะลงไม่ทราบว่าท่านมีเงินสดติดไว้หรือยังครับ สัก 3-6 เดือนของเดือน ถ้ายังเก็บก้อนนี้ไว้ก่อนครับ ถึงแล้วค่อยไปเรื่องลงทุน

ลงทุนอะไรก็ดีทั้งนั้น เสี่ยงทั้งนั้น แต่จะดีกว่าถ้าได้ลงทุนในสิ่งที่ชอบสิ่งที่สนใจ เพราะมันจะทำให้สนุกและมีความมุ่งมั่นตั้งใจ ผลลัพธ์จะออกมาดีกว่า แต่ถ้าเน้นผลตอบแทนสูงๆ ก็ต้องเจอความเสี่ยงสูงๆด้วยเช่นกัน ฝากไว้ให้คริส

แชร์มุมมองนะครับ

ก่อนเริ่มลงทุน อยากให้ลองวางแผนรากฐานของการลงทุนก่อนครับ
เช่นมีเงินสำรองฉุกเฉิน 3-6 เดือน หรือให้ดีก็ 6-12 เดือนเลยครับ
วางแผนประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ สำหรับตัวเราเอง
หากเกิดการเจ็บป่วยขึ้นมาให้บริษัทประกันมารับความเสี่ยงนี้แทนเราครับ

ที่ต้องทำสองอย่างนี้ก็เพื่อ หากเกิดเราตกงาน หรือมีเรื่องจำเป็นต้องใช้เงิน
เราก็เอาเงินสำรองฉุกเฉินมาใช้ เกิดเจ็บป่วยต้องนอนโรงพยาบาลก็มีประกัน

ลองคิดดูว่าถ้าเราไม่มีปิดความเสี่ยงตรงนี้ก่อน เราจะต้องไปดึงเงินจากการลงทุนมาใช้จ่ายแทน ผลตอบแทนที่เราคาดหวัง อัตราดอกเบี้ยทบต้นก็จะน้อยลงไปครับ

และก็อย่างที่หลายๆท่านบอก ตลาดทุนไม่ได้เหมาะกับทุกคน ลองศึกษาดูก่อนก็ได้ครับ จริงๆการวางแผนเกษียณก็มีผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ช่วยได้นะครับ

หากเข้ามาในตลาดทุนแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ทำให้อยู่รอดและถึงเป้าหมาย
คือ สติ Mindset และก็การเรียนรู้อยู่ตลอดเวลาครับผม

ดีใจที่ได้แชร์มุมมองนะครับ

DCA BTC more than 10 Year >> 1 BTC = 10M$

เก่งนะเริ่มจาก1 ส่วนใหญ่เริ่มจากก 0 นำคนอื่นก้าวนึงละ

Bitcoin คือคำตอบ คุณไม่ต้องไปดูกราฟอะไรให้วุ่นวาย ได้เงินมาซื้อทุกเดือนแล้วปิดแอพ ทำแบบนี้ไป 5ปีไม่มีคำว่าขาดทุนแน่นอน

ส่วนมากถ้าคนมาถามเรื่องการลงทุน สิ่งแรกที่ผมมักจะถามกลับไปเลยคือ การทำงาน ณ.ที่ปัจจุบัน มีให้สมัครกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไหม และให้สมัครได้เท่าไหร่ บริษัทสมทบให้กี่ %
บางคนไม่เคยสมัครกองทุนพวกนี้ในบริษัทเลย แต่ไปลงทุนเอง ผมมองว่าเสียประโยชน์มากๆ เสียประโยชน์ยังไง ผมจะคำนวนให้ฟัง
สมมุติการสมัครกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบริษัท ให้สมัครสูงสุด 10% ของเงินเดือน และบริษัทสมทบให้สูงสุด 10%
คิดเล่นๆว่า เงินเดือน 50000บาท
คุณลงแค่ 10% = 5000บาท บริษัทสมบท 5000บาท คุณได้แน่ๆแล้ว 10% นี่คือต่อที่ 1
ส่วนที่ 2 คุณเอาไปลดภาษี ส่วน 10000 แรกลดยอดรายได้ ส่วนเกินต่อมาแต่ไม่เกิน 15% ของรายได้และไม่เกิน 5แสนบาท ก็ไปลดหย่อนต่อได้อีก นี่แค่ส่วนที่ลดหย่อนภาษีต่อที่ 2
เมื่อคุณคิดเล่นๆ แค่ 2อย่างนี้ 10%+ฐานภาษี ติต่างว่า ฐานรายได้ต่อปีคือ 600000 หักลดหย่อนหมดแล้ว เหลือ 300k++ ก็เสียฐาน 10%
รวม 2อย่างนี้ก็ 20% แล้วจ้า ยังไม่ต้องหวังผลประโยชน์จากกองที่ลงทุน แล้วยิ่งเงินเดือนมากขึ้น ฐานมากขึ้น % ยิ่งสูง

ส่วนที่ 3 ปัจจุบันในกองทุนก็ให้เลือกกองทุนเองได้ด้วย เช่นพวก S&P500 ก็มี หรืออื่นๆ นี่ก็ผลประโยชน์ที่บวกไปอีก

ข้อดีไปแล้ว ข้อเสียบ้าง คือ เงินก้อนนี้ถ้าถอนออกก่อนอายุ 55 เสียภาษี และต้องมองว่าเงินก้อนนี้เป็นเงินที่จะเก็บจริงๆ จะถอนปุ๊บปั๊บเป็นเหมือนเงินในบัญชีไม่ได้ ต้องรอรอบเดือน ถ้าเกิดช็อตเอาออกไม่ได้ทันที

ปิดหนี้บัตรก่อนเลย ยากมากที่จะลงทุนอะไรแล้วได้เท่าดอกเบี้ยบัตรต่อปี

เผลอๆเป็นผมขายทองมาปิดบัตรก่อนด้วยซ้ำ ทองยากแล้วที่จะขึ้นอีก 17-18% ต่อปี

ต่อมาก็ลองดูดอกเบี้ยบ้าน กี่%ต่อปี รีไฟแนนซ์ได้ไหม ดอกเบี้ยรถ ลดต้นลดดอกไหม

แล้วมาดูว่าภาษีเงินได้ฐานเท่าไหร่ ถ้า%สูงก็ดูกองทุนลดหย่อนภาษี

ถ้าอยากได้ความรู้เยอะ เล่นหุ้นรายตัว ได้ความรู้มากกว่า เพราะมันบังคับให้เราต้องศึกษา

ถ้าซื้อกองทุน ก็ง่ายหน่อย อย่างถ้าอยากซื้อ S&P500 ตอนนี้แนะนำของ SCB ตัวที่มี E ล้านแรกไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมรายปี