ครม.มีมติสั่งหน่วยงานรัฐ “หยุดส่งลิงก์ทุกช่องทาง” ปิดช่องสแกมเมอร์
.
คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติสั่งให้หน่วยงานราชการและองค์กรภาครัฐทุกแห่ง "หยุดส่ง SMS และอีเมลที่มีการแนบลิงก์" ไปยังประชาชนทุกกรณี
.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ที่ประชุมได้มีมติ “รับทราบ” รายงานความคืบหน้าการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะปัญหา SMS แนบลิงก์หลอกลวง ตามที่นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) นำเสนอ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในประเด็นเร่งด่วน หลังพบว่ามิจฉาชีพยังคงใช้ช่องทางดังกล่าวโจมตีประชาชนอย่างต่อเนื่อง แม้รัฐและเอกชนได้เพิ่มมาตรการคัดกรองแล้วก็ตาม
.
โดยก่อนหน้านี้ ครม.มีมติเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2568 ให้การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็น “วาระแห่งชาติ” เหตุจากภัยออนไลน์รูปแบบใหม่ ไม่ว่าจะเป็นกลโกงดิจิทัล การฟอกเงิน การค้ามนุษย์ และอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่กระทบต่อความมั่นคง เศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นของประชาชนอย่างรุนแรง โดยมีมูลค่าความเสียหายรวมทั้งประเทศเพิ่มต่อเนื่องทุกปี
.
ต่อมาในการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้หน่วยงานหลัก ได้แก่ กระทรวงดีอี กระทรวงยุติธรรม กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตลอดจนหน่วยงานกำกับดูแลสำคัญ รวมถึงหน่วยงานด้านการเงินและโทรคมนาคม เร่งบูรณาการความร่วมมือ ทั้งเชิงป้องกัน ปราบปราม และสร้างการตระหนักรู้ เพื่อให้ประชาชนเท่าทันภัยหลอกลวง และให้วาระด้านอาชญากรรมไซเบอร์เดินหน้าอย่างเป็นรูปธรรมมากที่สุด
.
แม้รัฐจะเดินหน้าหลายมาตรการ แต่สถานการณ์อาชญากรรมออนไลน์ยังคงทวีความรุนแรง ประชาชนจำนวนมากตกเป็นเหยื่อ ขณะที่วิธีการหลอกลวงซับซ้อนขึ้น โดยเฉพาะการส่ง SMS และอีเมลแนบลิงก์ที่แฝงมัลแวร์หรือพาไปยังเว็บไซต์ปลอม ทำให้หลายรายสูญเงินในบัญชีแบบไม่รู้ตัว ส่งผลให้รัฐบาลต้องยกระดับมาตรการเชิงรุกเพื่อปิดช่องโหว่ต้นทาง
.
กระทรวงดีอี รายงานว่า ได้จัดประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหลายครั้งต่อเนื่อง ได้แก่ ครั้งที่ 6/2568 เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ครั้งที่ 7/2568 เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม และครั้งที่ 8/2568 เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน โดยมีนายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี เป็นประธาน พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงาน กสทช. สมาคมธนาคารไทย สำนักงาน ปปง. กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงาน ก.ล.ต. และสมาคมโทรคมนาคมฯ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนมาตรการเชิงระบบ
.
นอกจากนี้ หลังมีผลบังคับใช้พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 และพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ทำให้การขับเคลื่อนมาตรการต่าง ๆ มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะการจำกัดช่องทางที่มิจฉาชีพใช้เข้าถึงประชาชน
.
.
อ่านต่อ:
https://www.bangkokbiznews.com/tech/gadget/1208335
.
.
#กรุงเทพธุรกิจ #InsightforOpportunities #กรุงเทพธุรกิจUpdate