มีใครสัมภาษณ์งานไม่ผ่านบ่อยๆบ้างครับ แบบทั้งงานที่หวังว่าจะได้ กับ ไม่ว่าจะสัมกี่ที่ก็ไม่ผ่านบ่อยๆกว่าจะผ่านก็สัมหลายที่

มีวิธีฮีลใจกันอย่างไรบ้างครับ แล้วก็กว่าจะกลับมาสัมผ่านนานไหมครับ

แล้ว ใครเคยคิดว่าเราเก่งมากๆในสายงาน แต่พอจะเปลี่ยนไปสัมก็มีไม่ผ่านบ้างครับ

ผมเพิ่งไม่ของredbull ตำแหน่งผจก เสียดายนะเพราะไปถึงรอบ3ทำเคสสถานการ์ณทดสอบและนำเสนอแล้วด้วย แต่ไม่ผ่าน

ข้อดีคือ ได้ประสบการณ์ใหม่สัมภาษณ์ภาษาอังกฤษเกือบ100%
ได้รู้จุดที่เราคิดว่าดี แต่คนอื่นมองว่าไม่ตรงโจทย์ ต้องกลับมาปรับปรุง เอาไว้ใช้รอบหน้า

ข้อปรับปรุงก็พวกการพรีเซนต์ที่ต้องปรับแก้ไข การวิเคราะห์ที่ต้องกระชับ ฃและตรงเป้าที่สุด การพูดเพื่อพิชให้ได้งานในเวลาสั้นๆ

เอาแค่นี้ครับ ผมมองว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ให้คนอื่นบอกข้อผิดพลาดเพื่อเราเอามาปรับใช้ในครั้งหน้า

ปกติจะเปลี่ยนงาน จะหางานที่ได้เงินเยอะกว่าเดิม พอสมควร เช่นสมมติจาก 30k ไป 50-60k

ถ้าไม่ผ่านก็ไม่เป็นอะไรนิ แสดงว่าเรายังเก่งไม่พอที่จะได้ตำแหน่งนั้น ก็ไปฝึกมาเราขาดอะไร

* เราไม่เก่งที่สุดในสายงานหรอก คนเก่งกว่าเรามีมากมาย และคนที่เก่งกว่าเราแต่ยังได้เงินเดือนน้อยกว่าเราก็มี !

ผมครับ
ทุกครั้งที่ผมจะย้ายงาน
ผมมีไปสัมขั้นต่ำ 5 บ. ส่วนใหญ่คือไม่ผ่าน
น้อยครั้งที่สัมผ่านแต่ผมไม่ไปเอง

ผมก็คิดแค่ว่าเป็นตัวเองให้มากที่สุด ไม่ผ่านก็ช่างมัน
ถ้าผ่านขึ้นมาอย่างน้อยเขาน่าจะชอบเราที่เป็นแบบนี้

ดีกว่าเราไปสัมให้ดูดีไว้ แล้วเขาคาดหวังไว้สูง
สุดท้ายถ้าไม่ผ่านโปรเราจะลำบาก

เราค่ะ

ส่วนตัว หลายบอไม่ได้บอกด้วย ว่าผ่านไม่ผ่าน เงียบหายไปเลย
ไม่รู้ว่าสัมภาษแล้วไม่ดี หรือ ว่าเงินเรียกสูงไป พอไม่บอกก็ไม่รู้เราพลาดตรงไหน

ตอนสัมภาษดีทุกอย่าง แต่ก็เงียบหายไป
เลยเข้าข้างตัวเองว่าเค้าคงสู้เงินเราไม่ไหว

แต่ก่อนผมเคยตกสัมภาษณ์งานค่อนข้างบ่อย ปกติเป็นคนไหวพริบค่อนข้างดี ความคาดหวังทำให้เรากดดันไม่เป็นตัวของตัวเองครับ บางทีส่งผลต่อบุคลิคที่คนสัมภาษณ์มองเราตกลงไป ลองลดความกดดันเป็นตัวของตัวเองมากขึ้นทุกอย่างจะง่ายครับ ฟีดแบ็คดีมากๆ คิดซะว่าไปแลกเปลี่ยนความคิดกับคนต่างบริษัท

ผมเลยครับ ชีวิตนี้ต้องมีสัมภาษณ์เกิน 30 รอบอะ ผ่านจริงๆ ไม่ถึง 10 ที่ คิดเป็นเปอร์เซนต์คือต่ำมาก ไม่ถึง 30%

ผมมานั่งวิเคราะห์ ส่วนใหญ่เป็นเพราะตำแหน่งงานที่สมัคร มันไม่ตรงกับงานเก่าแบบเป๊ะๆ ทำให้เสียเปรียบ candidate คนอื่นที่สามารถเชื่อมโยงประสบการณ์จริงได้มากกว่า หรือบางทีผมก็พูดตรงเกินไป จนทำให้ทัศนคติเหมือนไม่ตรงกับองค์กร แล้วก็บางครั้งเจอคำถามยากแล้วคิดไม่ทัน ตอบไม่ดี

ส่วนตัวผมเตรียมตัวก่อนสัมภาษณ์ทุกรอบ มากน้อยขึ้นอยู่กับว่าอยากได้ตำแหน่งนั้นมากแค่ไหน พวกคำถามพื้นฐานผมแทบไม่ต้องเตรียม เช่น จุดอ่อนจุดแข็ง เห็นตัวเองทำอะไรในอีก 5 ปีข้างหน้า พวกนี้ pattern จัดๆ เตรียมคำตอบไว้ได้เลย ตอบจนรู้สคริปต์หมดแล้ว แต่ที่ต้องเตรียมคือเนื้องานของตำแหน่งใหม่ และมีอะไรที่ประสบการณ์ที่ผ่านมาของเราเหมาะกับตำแหน่งนี้ แล้วก็ยกตัวอย่าง achievement ที่เคยทำไว้ backup

แรกๆ ไม่ผ่านเยอะๆ ก็ fail แต่ผมแก่ประสบการณ์แล้ว ผมเฉยๆ มากๆ เรียกว่าเฟลจนชิน เจอถึงขนาดผ่านสัมภาษณ์ทุกรอบ เทสก็ผ่าน กำลังจะได้ offer เจอผู้ใหญ่เบรก head count กะทันหันก็มี จนคนรอบตัวผมเฟลมากกว่าผมอีก ผมเฉยๆ เพราะเจอมาทุกรูปแบบแล้ว เคยสัมภาษณ์บริษัทเทคระดับโลก 7 รอบ สุดท้ายไม่ได้ก็เคย พูดตรงๆว่าตอนนี้ขอแค่ใบสมัครผ่านคัดเลือกให้เรียกสัมภาษณ์ก็ยากแล้ว ยื่น 10 เรียก 1 ยกเว้น referral ได้โคตรง่าย

เกริ่นมาซะยาว อยากจะบอกว่าเวลาสัมตำแหน่งนึง แข่งกันหลายคนนะ โอกาสมันไม่ใช่ 50/50 มันน้อยกว่านั้น บางทีเราคิดว่าตอบดีก็ไม่ได้งานก็เยอะ ผมรู้สึกว่ามันเหนือการควบคุม แล้วบางทีมันตัดกันที่แพ็คเกจด้วย อีกคนราคาถูกกว่าไรงี้

ผม มีช่วงหนึ่งสัมภาษณ์งานอย่างไงก็ไม่ผ่าน แต่ก็จดข้อเสียไรมาตลอดนะ หาความรู้เพิ่มเติมเรื่อยๆเลย กว่าจะสัมภาษณ์สามัญผ่านก็3รอบเหมือนกัน กว่าจะทำอะไรได้หลายๆอย่าง อยากขอให้ก้าวต่อไปครับ ล้มลุกคลุกคลานก็ก้าวต่อไป มีแต่คิดแบบนี้หละ

เป็นกลจให้ครับ ถือซะว่าฝึกครับ ผมก็สัมหลายที่ครับ น่าจะ20ที่++ กว่าจะได้ที่ที่เป็น จุดยืน base line ใน profile ให้เราได้ครับ
สู้ต่อไปครับ อย่ายอมแพ้

จบใหม่ๆ แรกๆตอบอย่างโลกสวย โอกาสได้ 30% ทำงานไปสัก 3-4ปี เหมือนปลดล็อคอะหลังจากนั้น
สัมภาษณ์งานที่อื่นๆได้เกือบหมดอะครับ ตอบแบบตรงไปตรงมา ไม่มีโลกสวย ผมว่าคนสัมเค้าดูออกครับ
แต่อาจจะเพราะผมมีแต้มต่อด้วย เพราะทุกครั้งที่ผมย้าย บ ณ ตอนนั้น มันค่อนข้างโอเคยุแล้วครับ ที่สัมเพราะมีโอกาสเข้ามา
เลยตอบคำถามแบบจริงใจจัดๆ ไม่ได้ไม่เป็นไร 555555

ยังไงก็อย่ายอมแพ้ครับ ตอบให้จริงใจที่สุด
ปล. อย่าตรงเกินนะ มีลูกล่อลูกชนด้วยครับ
เป็นกำลังใจมห้ครัง

สมัยจบใหม่ ผมสัมไป 10+ ที่เลยครับ แต่ไม่ผ่านเลย ไม่เรียกสัมอีก 20+
พอสัมผ่าน ตอนนั้นสัมกับแฟน ก็ไม่รู้อารมณ์ไหน ให้แฟนไปทำก่อน แต่ก็ตามไปทำมีหลังแล้วก็ออกเพราะอยู่ไม่ได้ หลังจากนั้นก็สัม 5-6 ที่ ไม่ผ่านเลย แต่ละที่ก็ บ เล็ก ๆ เงินน้อยทั้งนั้น

สุดท้ายมาได้งานโรงงานซึ่งก็ดังพอสมควร สัมผ่านชนะอีกคนแบบงง ๆ ซึ่งเงินก็เยอะที่สุดในบรรดา บ ที่เคยสัมมา แล้วก็ทำมาจนวันนี้ครับ

คิดว่าน่าจะเป็นจังหวะชีวิตแหละ สุดท้ายผมก็ได้แต่ขอบคุณ บ เล็ก ๆ เหล่านั้นที่ไม่เอาผม จนได้มาทำงานโรงงานใหญ่ ตอนนี้ชิลละ

จากที่แรกมาที่ปัจจุบัน ผมสัมภาษณ์ไป5ที่ได้ ใช้เวลาปีครึ่ง
แรกๆก็เฮิร์ทนะ เพราะมันไม่อยากอยู่ที่เก่าแล้ว โปรเฟสชั่นน่อลที่หมดใจแม่งยากจริง ถามว่าแล้วทำไงต่อ ก็หาไปเรื่อยๆ ผมจะสัมภาษณ์ ให้แฟนผมได้ยิน เพื่อให้เค้าฟีดแบคว่าเราเป็นยังไง สิ่งที่ได้คือเราพยายามเกินไป 5555 จนไม่เป็นตัวเอง หรือบางทีสิ่งที่เราเป็นกับสิ่งที่เค้าต้องการไม่ได้ตรงกัน

ในฐานะที่เป็นคนสัมภาษณ์คนแล้ววันนี้ ขอเป็นกลจ.อย่าหยุด ไม่ใช่ว่าคนที่ไม่ได้ไม่เก่งนะ แต่แค่บางทีเราต้องการหาคนที่ใช่ ณ ช่วงนั้นๆ จริงๆ

เคยตอนจบใหม่สมัครเป็นนักวิชาการคอมพ์หน่วยงานรัฐหน่วยงานนึง ตอนนั้นได้ที่ 2 โคตรเฟลเลย

แต่ก็ดีที่ตอนนั้นไม่ได้ทำให้ผมเติบโตในสายงานทุกวนนี้