วันนี้ได้มีโอกาสประชุมทีม (นัดแดรกเหล้านี่แหละ) ก็ได้คุยเรื่องราวชีวิต และธุรกิจการค้า แล้วเพื่อนก็เอ่ยปากมาว่าโดนมิจลอกเงินไปประมาณ 4 แสนบาท แต่ประเด็นคือเงินที่โดนหลอกเป็นเงิน OD ซึ่งเพื่อนบอกว่าจะไม่ใช้หนี้ในส่วนนี้ ผมก็บอกว่าเห้ยไม่ได้นะมึง เค้าตามยึดทรัพย์ขายทอดตลาดเลยนะ ตอนนี้เท่าที่รู้มาคือมันถ่ายโอนทรัพย์ที่เป็นชื่อมันหมดแล้ว แม้กระทั่งรถมอไซค์ มันบอกมาว่าให้แบงค์ฟ้องล้มละลายไปเลยก็ได้ เพราะไม่มีทรัพย์สินที่เป็นชื่อมัน ผมก็มานั่งคิดว่า แบงค์เค้าจะยอมง่ายๆขนาดนั้นเลยเหรอ ท่านใดพอรู้รึมีประสบการณ์ เล่าให้ฟังหน่อยครับว่ากรณีแบบนี้ทางแบงค์จะมีมาตรการยังไง

เพื่อนผมมีหนี้บัตรประมาณ 2 แสน จ่ายขั้นต่ำมาเรื่อยๆ แบบจ่ายละก็ใช้ต่อ จนถึงจุดนึง รู้สึกไม่ไหวละ

มันตัดสินใจเลิกผ่อน รอให้แบงค์มาเจรจา สรุปจ่าย 3 หมื่นปิดจบ มันไม่มีสินทรัพย์อะไรสักอย่าง อยู่บ้านพักข้าราชการ รถก็ชื่อที่บ้าน

ก็ตามนั้นแหละครับ แบงค์ทำได้ก็คือ ยื่นฟ้อง ศาลพิพากษา ยึดทรัพย์ สุดท้ายถ้าไม่มีจริงๆ ก็ตัดหนี้สูญ/ฟ้องล้มละลาย

เพื่อนท่านถ้าทำงั้นจริง ก็ต้องแลกมาด้วย จะไปทำธุรกรรมกับแบงค์ไม่ได้ละ เงิน 4 แสน ผมว่าไม่นาคุ้มนะ อีกอย่าง ตอนไปทำ OD ไม่แน่ใจ มีใช้อะไรค้ำประกันรึเปล่า ถ้ามี แบงก็เอาหลักประกันอันนั้น ยึดขายทองชำระหนี้แหละ

ถ้าไม่มีชื่ออะไรในทรัพย์สิน แล้วก็โยกทรัพย์สินก่อนโนติส ก็ตามนั้น ทำอะไรไม่ได้ แต่ 400,000 คงไม่ได้เข้าสู่ล้มละลาย

ถ้าท่านมีเวลา ผมอยากแนะนำ https://thaidebtclub.com/index.php อันนี้ให้ท่านไป่อานเล่น ๆ ครับ

เหมือนที่ศูนย์รวมพวกไม่จ่ายหนี้ทั้งหลาย เขาคุยกันในมิติที่ว่าตัวไหนไม่จ่ายแล้วเขาลดดอกกี่ % นั้นนี่

บางคนแม่งเงินเดือน 50 - 60 K เป็นหนี้บัตรใบละ 3 - 4 แสนผมยัง งง เลยแม่งทำอะไรแบบนั้นกันได้ยังไง

อย่างอันนี้มีคนโพสไว้เงินเดือน 30K แล้วดูหนี้ที่สร้างไว้

1. สินเชื่อบุคคล กรุงไทย ยอดหนี้ 60,000 ผ่อนเดือนละ 2,500
2. สินเชื่อออมสิน ยอดรวม 60,000 ผ่อน 2,500
3. UOB CREDIT+CASH 60,000 จ่ายขั้นต่ำ รวมกัน 3,000
4. THE1 CARD 55,000 จ่ายขั้นต่ำ 4,300
5. KBANK 30,000 จ่ายขั้นต่ำ 2,500
6. CARDX 30,000 จ่ายขั้นต่ำ 900
7.Finnix 30,000 จ่ายขั้นต่ำ 1,000
8.Rabbit cash 21,000 จ่ายขั้นต่ำ 1,000
9.shopee เงินสด 5,000 บาทและซื้อของ 5,000

ผมนี้โอโหเลยยยย

มันไม่ได้ฟ้องล้มละลายง่าย ๆ นะสิ ถ้ายอดเยอะฟ้องล้มละลายได้ แต่ถ้ายอดน้อยจะฟ้องขอตัดยอดจากเงินเดือน

ถ้าไม่มีอะไรจะเสียแล้วจริงๆ ก็แล้วแต่เค้าเลยครับ ทำได้ไหมทำได้แน่นอน แต่ก็อย่างที่หลายความเห็นว่าไว้นะครับว่าเครดิตมันก็เสียไปด้วย ผมจำได้เลาๆ (ไม่ชัวร์นะครับ) พวกบูโรนี่สามปีก็หลุดไป แต่ส่วนเรื่องตัวเลขหนี้ผมไม่แน่ใจว่าสิบปีหรือเปล่ากว่าจะแทงศูนย์

ผมเคยเจอเคสนึงลุงที่สนิทกันกับที่บ้าน แกล้มละลาย คิดว่าตัวเองไม่เหลือทรัพย์สินอะไรแล้วก็ปล่อยจอย บ้านที่อยู่เป็นชื่อญาติด้วย แล้วก็ผ่านเวลามาจนมีหนังสือปลดแกจากการเป็นผู้ล้มละลายแล้ว ดันไปสืบเจอว่าตัวเองยังมีที่อยู่แปลงนึงก็เลยขายเอาเงิน ทีนี้ล่ะครับขายเรียบร้อยปุ๊บมีเงินเข้าบัญชีปั๊บ กระบวนการทวงหนี้ของเจ้าหนี้เดิมก็มาทันที ผมจำรายละเอียดเป๊ะๆไม่ได้เพราะหลายปีแล้ว เหมือนจะโดนทั้งขึ้นทั้งล่องเลย คือฝั่งเจ้าหนี้ก็มาทวงหนี้เดิม ฝั่งคนที่ซื้อไปก็มาฟ้องข้อหาฉ้อโกงอีก สรุปกว่าจะเจรจากันได้คือนานอยู่ เงินที่ได้มาก็คืนให้เจ้าหนี้ไปหมดไม่มีมีลดแม้แต่บาทเดียว ส่วนคนที่ซื้อไปผมไม่แน่ใจว่าเจรจาอีท่าไหนตกลงกันได้ยอมถอนฟ้องไป

ติดบูโร ทำธุรกรรมไม่ได้ บูโรจะยังไม่ปลดชื่อออกนะครับ จนกว่าลูกหนี้จะต้องชำระหนี้ที่ค้างให้หมด แล้วเจ้าหนี้ถึงจะเเจ้งเปลี่ยนสถานะในบูโรว่าชำระหนี้เสร็จสิ้นแล้ว เเต่ชื่อก็ยังค้างอยู่ในระบบบุโรประมาณ 3 ปี

ฝ่ายธนาคารก็ฟ้องดำเนินคดีทางแพ่งต่อไปตามกฎหมาย ไม่เจรจา ไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา ธนาคารก็ยื่นออกหมายบังคับคดี ซึ่งบังคับดคีมีอายุความ 10 ปี ผมเคยเจอคิดว่าธนาคารไม่ตามเเล้ว ลืมว่าตัวเองเป็นหนี้ อนาคตรรวยขึ้นรายได้มาขึ้น ดันลืมไปซื้อที่ดิน หรือว่าโดนยึดในปีที่ 9 จะเข้าปีที่ 10 ก็มี

ผมแนะนำไปคุยกับธนาคารเถอะครับ อนาคตไม่แน่ไม่นอน ถ้าธนาคารตรวจเจอว่าตั้งใจถ่ายโอนทรัพย์สินก่อนโดนฟ้อง จากคดีแพ่ง จะกลายเป็นคดีอายาเอานะครับ

บุคคลธรรมดา ต้องมีภาระหนี้สินมากกว่า 1 ล้านบาทขึ้นไปครับ ถึงจะโดนฟ้องล้มละลาย

ถ้าติดว่าชีวิตนี้จะไม่ทำธุรกรรมอะไรแล้วก็ตามใจเพื่อนท่านเลยครับ เพราะมันมีเยอะจริงๆที่ใช้วิธีนี้แล้วรอเจรจาจ่ายไม่กี่ตังเพื่อจบง่ายกว่า

อย่าไปว่ามันเลยครับ คนรวยๆ มีเงินกินใช้ก็ เลือกล้มละลายกันเยอะครับ เป็นหม่อมเจ้ายังทำเลย
อันนั้นหน้าเกลียดกว่าเยอะ อันนั้นมีเงินมีทรัพย์สิน แต่ยังเบี้ยวธนาคารเลือกล้มละลาย แอบถ่ายทรัพย์สิน ไปชื่อคนอื่น

ส่วนเพื่อนท่าน มีไม่เท่าเค้าจะเลือกทำก็ไม่แปลก


นั้นแปลว่าเค้าเลือกทางนี้แล้ว เลือกทางที่ว่า ต่อจากนี้ 10 ปี เค้าจะไม่ สามารถ ขยายธุรกิจอะไรของตัวเองได้
ไม่มีทรัพย์สินเป้นชื่อตัวเอง กับทำงาน ที่ได้รับเงินเดือนนอกระบบ ถ้าเค้าพอใจกับชีวิตที่เค้า จะมีแค่นี้ ไปตลอด10ปี ก็ได้แต่ปล่อยเค้าครับ

คุกมั้ย

ตามนั้นเลยครับถ้าคิดว่าโยกย้ายหมดแล้ว

แล้วภายใน 10 ปี ธนาคารตามสืบอะไรไม่ได้

ก็จะกลายเป็นหนี้เสียของ ธนาคารไป

เมกานี้หนักมาก หนี้เสียโคตรเยอะ

ทำได้ครับ ขึ้นศาลก็อายุความ 10 ปี ห้ามมีทรัพย์เด็ดขาด กรมบังคับคดีกับเจ้าหนี้สืบยับแน่ครับ

ถ้าหนี้สินเกิน 1 ลบ. สามารถฟ้องล้มละลายได้สำหรับบุคคลนะครับ

เกิน 1 ลบ. ต่อ 1 เจ้าหนี้นะครับ ไม่ใช่หนี้รวม เจ้าหนี้รายนั้นฟ้องล้มได้

แต่ส่วนใหญ่จะฟ้องล้มตอนใกล้จะหมดอายุความ ก็ประมาณ ปีที่ 9-10 ก็จะล้มละลายต่ออีกประมาณ 3-5 ปีแล้วแต่ศาลสั่ง

ประมาณนี้ครับ

มีวงเงินระดับ 400,000++ เครดิตทางการเงินที่ผ่านมาคงทำไว้ดีมาก การเลือกที่จะไม่จ่ายยอดนี้จากวงเงิน OD น่าจะเป็นแบบไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันหรือเปล่าครับ เอาจริงๆคือยอดหนี้แค่นี้เองเสียดายเครดิตทางการเงินที่ผ่านมาแทน

ถ้าไม่อยากโดนตามยึดทรัพย์สินก็อย่าขาดจ่ายเกินสามเดือน จ่ายสามเดือนครั้งไปเรื่อยๆแบ้งค์ก็ทำอะไรคุณไม่ได้

แต่ถ้าปล่อยเกินสามเดือนแบ้งค์จะเริ่มให้ทนายทำการสืบทรัพย์ยึดทรัพย์สามกฎหมาย

แต่ถ้าไม่มีอะไรให้ตามยึดก็ปล่อยตัวตามสบาย แบ้งค์อยากทำอะไรก็ทำไปไม่ต้องสนใจ