แมนยูมีรายรับต่อปีสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา
https://www.manchestereveningnews.co.uk/sport/football/transfer-news/live-man-united-transfer-news-32864244
จากแมนเชสเตอร์อีฟนิ่งนิวส์
รายรับสถิติใหม่ที่ 666.5 ลป
แต่ยังขาดทุนอยู่ปนะมาณ 33 ลป ซึ่งก็ลดกว่าปีที่แล้วซึ่งขาดทุนอยู่ 113 ลป
โดยการเช้ามาของเซอร์จิ๋มที่มาปรับโครงสร้างทางการเงินเยอะมาก ก็สร้างความไม่พอใจให้หลายคน แต่สถานการณ์กลับดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
และล่าสุด sponsor 2 เจ้า
สัญญา Tezos (โลโก้บนชุดซ้อม) มูลค่า 24 ล้านปอนด์ต่อปี สิ้นสุดเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
ส่วนสัญญา DXC Technology (โลโก้บนแขนเสื้อ) มูลค่า 20 ล้านปอนด์ต่อปี จะหมดอายุหลังจบฤดูกาลนี้ (2025/26)
ก็คาดว่าจะทำเงินเพิ่มให้สโมสรอีกอย่างน้อย 44-60 ลป เป็นอย่างต่ำ
สำหรับคนที่งงว่า ทำไมผลงานไม่ค่อยได้เรื่อง แต่เงินซื้อตัวนักเตะเยอะจัดก็ต้องบอกว่า นี่แหละ หลังบ้านมันหาเงินเก่ง

อาจจะต้องลากไปที่ กฎ Financial Fair Play (FFP) ของยูฟ่าหรือ Premier League Financial Sustainability Rules มันจะคำนวณจาก
รายรับ ลบด้วย รายจ่าย (เฉพาะที่ไม่เกี่ยวกับการลงทุนในโครงสร้าง เช่น สนาม อะคาเดมี)
เพื่อดูว่าสโมสรใช้จ่ายเกินรายรับหรือไม่
โดยในช่วง 3 ปีล่าสุด สโมสรสามารถขาดทุนได้ไม่เกิน 105 ล้านปอนด์รวมกัน (หรือเฉลี่ย 35 ล้าน/ปี)
ก็จะเห็นว่าตัวเลขขาดทุนมันค่อนข้างสูงแต่แมนยูใช้วิธี Adjustment คือเอาส่วนอื่นๆมาหักเช่น
- ค่าสนาม ค่าอคาเดมี่ ซึ่งเซอร์จิ๋มแกลงตรงนี้มากเลย
- ค่าการลงทุนในบอลหญิง นี่ก็เด่นอีก บอลหญิงแมนยูผลงานดีกว่าบอลชาย
- ตัดจำหน่ายค่าตัวนักเตะไปปีต่อไป ก็ทำให้ตัวเลขขาดทุนในปีนี้ลดลง
รวมๆแล้วก็เรียกได้ว่า ทำให้ตัวเลขเป็นบวกขึ้นมาเยอะ มันเลยกลายเป็นตัวเลขที่ส่งไปยัง FA ที่ดูสวยขึ้นมา