ออกตัวก่อนว่าผมไม่ได้ชอบ หรือ ไม่ชอบ CK นะครับ หลายคลิปที่เค้าพูด ผมก็เห้นด้วย แต่หลายคลิปก็ไม่ ซึ่งนั่นเป็นปกติของการแสดงความคิดเห็นอยู่แล้ว
ทีนี้ขอมาเข้าเรื่องว่าทำไมผมถึงคิดว่าธุรกิจของ Fastwork จะไม่ประสบความสำเร็จ ผมขออธิบายเป้นข้อๆแบบนี้ และแน่นอนว่า นี่คือแค่ความคิดเห็นส่วนตัวของผม เพราะอยากมาแลกเปลี่ยนเพื่อเปิดมุมมอง ไม่ได้จะมาโจมตีใคร
- ธุรกิจ Platform ที่เป็นตัวกลางที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ คนที่ Platform match ด้วย จะมีโอกาสเจอกันซ้ำน้อยมาก เช่น พวกแอพ Ride Hailing - เราไม่สนใจว่าต้องเป็นแทกซี่คันเดิม เราแค่ต้องการจากจุด A ไป B และแทกซี่ก็ไม่ได้อยากจะรอเรา แน่นอนว่าถ้ามีการเรียกซ้ำ เช่น ชอบคันนี้ อยากให้มารับส่งเราทุกวันเลย transaction แบบนี้ก็จะหายไปจาก Platform หรืออีก 1 ตัวอย่าง พวกแอพจองที่พัก - เราไม่ได้อยากไปนอนที่เดิมๆซ้ำๆ ซึ่งถ้าเราจะนอนที่เดิมๆ เราก็จะเป็นสมาชิกตรงกับโรงแรมนั้นๆ และจองตรง แล้ว transaction แบบนี้ก็จะหายไปจาก Platform
- อ้างอิงมาจากข้อแรก เราจะเห็นว่า Value ที่แท้จริงของ Platform ตัวกลางจริงๆแล้วคือการรวบรวมสิ่งต่างๆมาตอบสนองความต้องการความสะดวกให้ลูกค้าในเรื่องนั้นๆ และลูกค้าเห็นว่าสะดวก ก็เลยไปอยู่บนนั้นกันเยอะ และเมื่ออยู่บนนั้นกันเยอะ ฝั่งของผู้ให้บริการก็ต้องยอมจ่ายส่วนนี้เพื่อแลกกับ Transaction ที่จะเกิดขึ้น
- มาพูดถึงธุรกิจ Platform ที่ไม่ประสบความสำเร็จ เราจะสังเกตว่า Platform ไหนก็ตามที่ทำหน้าที่แค่ match ลูกค้า กับผู้ให้บริการ แล้วทั้ง 2 ฝ่ายมีโอกาสไปจ้างกันต่อเองในอนาคต traffic แบบนี้จะหายไปแล้ว Platform ก็ต้องวิ่งหา new user ใหม่ๆไปเรื่อยๆ เช่น Platform หาคนล้างแอร์ ซึ่งร้อยทั้งร้อย เค้าให้นามบัตรพร้อมราคาที่ถูกกว่าหลังล้างเสร็จกันหมด
- แต่ก็ไม่ใช่ทุกธุรกิจที่พูดมาข้างต้นจะไม่ประสบความสำเร็จเลย เพราะว่า Key สำคัญคือการที่ Platform add value เข้าไปและลูกค้ารู้สึกว่าสิ่งนั้นมีประโยชน์มากกว่าราคาที่ถูกลง เช่น E-commerce เพราะเค้าอาจจะเจอของเหมือนกันในราคาที่ถูกกว่าอีกได้ หรือถึงแม้ซื้อร้านเดิม ก็มีระบบ Escrow ที่การันตีว่าเราไม่ต้องจ่ายโดยไม่ได้ของ หรือคืนของได้ง่าย

กลับมาที่ Fastwork ผมเข้าใจว่าคุณ CK เองรู้เรื่องนี้ดี ถึงพยายามหาทางลด GP ลง เพราะสิ่งนี้คือปัญหาใหญ่ที่ทำให้ไม่เกิดการจ้างงานซ้ำใน Platform (เราหาคนทำ Graphic ที่ถูกใจได้แล้ว เราจะอยากไปหาคนใหม่อีกทำไม แล้วเค้าให้เราจ่ายตรงถูกกว่า เราจะกลับไปจ้างเค้าใน Platform ทำไม) ก็เลยเปลี่ยน Business Model มาเป็น Pay per click Ad มากขึ้น คำถามผมอยู่ตรงที่ ผมรู้สึกว่า Business Model ใหม่นี่แหละที่กำลังทำร้าย Fastwork เอง ถ้าใครยังจำ Kaidee.com ได้ มันคือโมเดลเดียวกัน และนั่นคือสาเหตุที่คนค่อยๆหายไปจาก Kaidee เราลงขายของฟรี แต่โพสของเราจะไม่มีทางถูกเห็นเลยถ้าไม่ซื้อ Ad ในขณะที่คนที่มีกำลังซื้อ Ad จะเหลืออยู่ไม่กี่คน กับคนที่มี Credit อีกไม่กี่คนที่จองพื้นที่บน Platform ไปแล้ว หน้าใหม่ๆ แทบจะไม่มีทางได้งาน แล้วเมื่อนั้น ความหลากหลายก็จะหายไป สำหรับธุรกิจประเภทนี้ ถ้า traffic เริ่มหาย มันคือหายนะเลยครับ จะกู้คืนมา ยากมากๆ ไม่เชื่อลองถาม Foodpanda ใครจะคิดว่าโพสๆเดียว จะปิดบริษัทได้เลย

ส่วนตัวผมยังอยากให้ Fastwork ประสบความสำเร็จนะ อย่างน้อยก็มี Platform ที่จ้างงานคนไทย สร้าง GDP ให้ประเทศ ดีกว่าให้บริษัทยักษ์ใหญ่ที่ไปจดทะเบียนที่หมู่เกาะอะไรซักอย่าง มากวาดเงินคนในประเทศ แล้วไม่เคยจ่ายภาษี แทบไม่สร้างการจ้างงานให้เราเลย

ถ้าเป็นเมื่อ 4-5 ปีก่อน ผมเห็นด้วยครับ เผาเงิน สร้าง Traffic แล้วก็ขายบริษัท แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วครับ ใครเค้าเอาเงินให้คุณเผาเล่นโดยไม่ดูแนวโน้มทำเงินครับ มันถึง stage ที่บริษัทต้องทำกำไรครับ ไปลองดูบริษัทระดับโลกที่คุณพูดถึงก็ได้ครับ นอกจากแก๊ง AI ตอนนี้ ทุกคนพูดถึง P&L กันหมดแล้วครับ

ส่วนเรื่อง บุกโลก งานบริการมันส่งข้ามทะเลไม่ได้อะสิครับ และแน่นอนว่าธุรกิจ Platform มันไม่ได้มีแค่ Fastwork ทำคนเดียว เราต้องถามว่าทำไมเค้าถึงไม่ใช้ Upwork, Fiverr, Guru, Freelancer.com แล้วมาใช้ Fastwork

อันนี้ไม่แน่ใจว่าประชดหรือชื่นชมจริงๆ ครับเนี่ย

เริ่มจาก reference ที่เอามาอ้างจากในซีรีย์เรื่องนี้มาก่อน ตัวที่พูดคือ Ross Hunneman ซึ่งในเรื่องก็เป็นตัวตลกของวงการ VC อยู่แล้ว ไหนๆ จะอ้างละครมาทั้งทีก็เอาฉากที่เป็นตัวละครที่น่าเชื่อถือมาหน่อยครับ 5555 (edit เพิ่มเติม แล้วถ้าฟังเนื้อหาที่ Ross พูดในคลิป คือเค้าต้องการให้บริษัทไม่มี Revenue คือรายได้บรรทัดแรกด้วยซ้ำ ไม่ใช่แค่ไม่มีกำไร จุดประสงค์เค้าก็พูดในคลิปชัดๆ ว่ามันเป็นเพื่อปั่น Valuation ไม่ใช่เพราะต้องการอัด R&D หรือเพื่อโตเร็วและกินส่วนแบ่งตลาด คือเป็นการทำเพื่อ Money game ล้วนๆ)

ส่วนถ้าไม่นับ reference ละคร การเอา logic เรื่องการขาดทุนมา justify หุ้นเทคทุกตัวผมว่ามันเป็นการคิดแบบกำปั้นทุบดินไปหน่อยครับ ถ้าคุณอ่านหนังสือพวก Blitzscaling, Where the Money is, Nothing but net หรืออะไรทำนองนี้ หรือถ้าตามหุ้นเทคจริงๆ คุณน่าจะเข้าใจว่าเมตริกในการวัดความสำเร็จของบริษัทเทคมันไม่ใช่แค่ว่ายอมขาดทุนก่อน เค้าต้องมี product ที่ดี สามารถสเกลได้ มี network effect และที่สำคัญรายได้ต้องโตระดับ 10-20% ++

ส่วนที่เห็นบริษัทเทคอเมริกายังมีรายงานผลประกอบการขาดทุนกัน เป็นเพราะว่าเค้าทุ่มเงินกับ R&D เยอะ ซึ่งมันเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้ทยอยตัดบัญชีได้แบบค่าเสื่อมเวลาลงทุนกับเครื่องจักรทั่วๆ ไป แล้วยังไม่นับพวกหุ้นที่ต้องออกให้กับพนักงานอีก แต่ถ้าลองดูพวกนี้จริงๆ เค้า cash flow เป็นบวกกันทั้งนั้น

พูดอีกนัยนึงคือพวกเทคเมกามัน Business model ดี product ดี จนคนโฟกัสที่การเติบโต การขยายตลาด มากกว่าการโฟกัสแค่การขาดทุนทางบัญชีครับ

กลับมาที่ Fastwork ถ้าคุณลองไปดูใน Youtube หรือโพสต์การลงทุนในเพจต่างๆ เค้าวิเคราะห์กันหมดแล้วครับว่าโมเดลนี้มันมีความไม่ยั่งยืนสูงมาก มี leak สูงตามที่เคยมีความเห็นใน SS นี้วิเคราะห์ รวมถึงจขกท นี้ด้วย ยังไม่นับว่าการทำการตลาดในไทยที่มี TAM ค่อนข้างเล็กอีก แล้วยังไม่รวมปัจจัยเกี่ยวกับตัวผู้บริหารเองที่หลายๆ คนตั้งข้อสงสัยไว้อีก เช่น ปกติผู้บริหารบริษัทเทคเค้าจะขึ้นชื่อเรื่องทำงานหนัก ขยัน แต่นี่เห็นคุณ CK ออกรายการทั้งวัน มันเลยมีคำถามให้หลายๆ เค้าเอ๊ะกันครับ

ถ้าไม่ได้เม้นปั่น ผมว่าท่านก็ไม่ใช่คนส่วนน้อยหรอกครับ คนแบบ CK มีลักษณะความมีสเน่ห์ในการพูดลักษณะเดียวกับพวก ชอน บูรณหิรัญ ผู้กองเบนซ์ อะไรพวกนี้ เค้าพูดเก่งชักจูงคนส่วนมากได้ครับ ไม่งั้น CK คงไม่มีคนติดตามจำนวนมากโดยไม่ตั้งคำถามได้ถึงทุกวันนี้หรอกครับ

ส่วนเรื่องการยินดีกับคนอื่น ถ้าอ่านโพสต์จขกท ผมว่าเค้าไม่ได้มีปัญหาเรื่องยินดีกับความสำเร็จหรืออะไรนะครับ แต่นี่มันยังไม่ได้เป็นความสำเร็จอ่ะดิครับ แต่สิ่งที่ตัวผู้บริหารออกมาพูดก็ดันมีแต่ความคลุมเครือซะด้วย

คุณดูนี่ นะ ถ้าคุณเข้าใจ คลิปนนี้ คุณจะไม่สงสัยในวิธีการทำธุรกิจของ CK เลย

นี่แหละ วิธีการที่โคตรล้ำ และบริษัท TOP โลกเลือกทำกัน ใครเขาแสวงหาผลกำไร เล็กๆกัน

สำหรับผมร้ายกาจมาก

และแม่งเลือกใช้งานบริการ ที่คนไทยเก่งโคตรๆเรื่องบริการ บุกโลก

งานบริการไทย ในสายตาชาวโลกคือ บริการดี ราคาถูก
.
เขาเก่ง และควรถูกยกย่องจากเจตนา ที่เขามีต่อผู็อื่นมากๆ


เราต่างหาก ต้องถามตัวเอง สามารถ ยินดีกับความสำเร็จของคนที่มีเจตนาดีแบบนี้ได้มั้ย


คุณไปดูประวัติการศึกษา สถานที่ทำงาน
แม่งโทรหา เจ้านายเก่า ที่ ดีทรอย คุยกันให้เห็น

คือเก่งขนาดนนี้ ยังมองกันไม่ออกอีก

หรือผมอาจจะเป็นคนส่วนน้อย ที่มองว่า แม่งโคตรเก่ง โคตรอยากเอาใจช่วย


ไม่เคยสงสัยในความสามารถเลย คนเก่งจริง ของขริง ดูวิธีการง่ายนะ จริงๆแล้ว


แต่ติดใจอย่างเดียว มึงไปได้ นาฬิกาเรีือน นี้ ที่โหดโคตรๆ มาได้ยังไง
แม่งทั้งโลกตามหานะเว้ยยยย
F.P. Journe Astronomic Souveraine – Purple Dial

ถ้าเป็นเมื่อ 4-5 ปีก่อน ผมเห็นด้วยครับ เผาเงิน สร้าง Traffic แล้วก็ขายบริษัท แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วครับ ใครเค้าเอาเงินให้คุณเผาเล่นโดยไม่ดูแนวโน้มทำเงินครับ มันถึง stage ที่บริษัทต้องทำกำไรครับ ไปลองดูบริษัทระดับโลกที่คุณพูดถึงก็ได้ครับ นอกจากแก๊ง AI ตอนนี้ ทุกคนพูดถึง P&L กันหมดแล้วครับ

ส่วนเรื่อง บุกโลก งานบริการมันส่งข้ามทะเลไม่ได้อะสิครับ และแน่นอนว่าธุรกิจ Platform มันไม่ได้มีแค่ Fastwork ทำคนเดียว เราต้องถามว่าทำไมเค้าถึงไม่ใช้ Upwork, Fiverr, Guru, Freelancer.com แล้วมาใช้ Fastwork

คือถ้าดูจากงบการเงินบริษัท ผมก็ไม่เห็นทาง Fastwork จะประสบผลสำเร็จเหมือนกัน ตัวเลขก็เรื่องนึง แต่ผมเคยดูสัมภาษณ์ ck เกี่ยวกับบริษัทขาดทุน ผมแม่มไม่เจอคำตอบที่ทำให้ว้าวเลยอะ แบบว่าไม่ได้คิดเปอร์เซ็นแพง+ฟรีแลนซ์กับลูกค้าไปดีลกันเอง อันนี้ไม่เท่าไหร่ หนักสุดคือการเพิ่มรายได้ช่องทางอื่น คือการเปิด google adsense ไม่ได้บอกว่าทำไม่ได้ หรือไม่เวิร์ค แต่มันธรรมดาเหลือเกิน และมันไม่พอในการทำเงินด้วย

ก็คู่แข่งเช่น Beneat เริ่มบริษัทมาปีเดียวกัน

ยอดเยอะกว่า 5 เท่า แถมมีกำไรแล้ว ในขณะที่บริการโฟกัสแค่ไม่กี่อย่าง จะขยายก็ทำได้

ละฟาสเวิคมันจะเก่งกาจยังไง หรือฟาสเวิคมันหายไป ก็ใช่จะมีผลกระทบอะไร

Daywork โมเดลเดียวกันเปี๊ยบ โตกว่าเท่านึง มีกำไรแล้วเช่นกัน

ส่วน Fastwork บลิสสเกลอยู่ แต่โตตามคู่แข่งที่กำไรแล้วไม่ได้เลย มันก็ตลกไหมนะ

เค้าพูดถึง Fastwork ครับที่ จขกท พูดนั้นคือแก่นของ Fastwork ในแง่ความเป็นธุรกิจประเภท Platform และความเห็นนั้นก็ใส่เหตุผลมาด้วยไม่ได้พูดถึงตัวบุคคลของ CK ว่าเป็นคนยังไง เก่งหรือไม่เก่ง

ผมตอบในมุมคนลงทุนผมก็มองแบบที่ จขกท สื่อสารนั่นแหละ ผมไม่สนเลยว่า CK จะเป็นใคร ผมสนใจตัวเลขทางบัญชี + แผนธุรกิจโดยใช้หลักการที่ง่ายที่สุดคือ SWOT เอามาเป็นพื้นฐานการพิจารณาและตั้งอยู่บนความเป็นไปได้

สิ่งที่ CK ประสบความสำเร็จแล้วแน่นอนคือ Personal Branding ของ CK ที่คนจดจำว่า Fastwork = CK และ CK = Fastwork

Upwork, Fiverr, Guru, Freelancer.com ถ้าถามคนส่วนใหญ่ในประเทศไทย
ผมว่า มีตอบว่า ไม่รู้จัก ซะเยอะ

แต่ถ้าถามว่ารู้จัก FASTWORK มั้ย ผมว่าคำตอบเริ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ

ของแบบนี้อาศัยแค่เวลา กับความสามารถ CEO เจ้าของ

และในเมื่อช่วยคนไทย ทำในประเทศไทย

ทำไม ผมจะไม่สนับสนุน หละ

ตกลงจะเอาแค่โตในไทย หรือจะบุกโลกครับ ไปเคลียร์กับตัวเองก่อน จะได้คุยกันต่อได้

อันนี้ไม่แน่ใจว่าประชดหรือชื่นชมจริงๆ ครับเนี่ย

เริ่มจาก reference ที่เอามาอ้างจากในซีรีย์เรื่องนี้มาก่อน ตัวที่พูดคือ Ross Hunneman ซึ่งในเรื่องก็เป็นตัวตลกของวงการ VC อยู่แล้ว ไหนๆ จะอ้างละครมาทั้งทีก็เอาฉากที่เป็นตัวละครที่น่าเชื่อถือมาหน่อยครับ 5555 (edit เพิ่มเติม แล้วถ้าฟังเนื้อหาที่ Ross พูดในคลิป คือเค้าต้องการให้บริษัทไม่มี Revenue คือรายได้บรรทัดแรกด้วยซ้ำ ไม่ใช่แค่ไม่มีกำไร จุดประสงค์เค้าก็พูดในคลิปชัดๆ ว่ามันเป็นเพื่อปั่น Valuation ไม่ใช่เพราะต้องการอัด R&D หรือเพื่อโตเร็วและกินส่วนแบ่งตลาด คือเป็นการทำเพื่อ Money game ล้วนๆ)

ส่วนถ้าไม่นับ reference ละคร การเอา logic เรื่องการขาดทุนมา justify หุ้นเทคทุกตัวผมว่ามันเป็นการคิดแบบกำปั้นทุบดินไปหน่อยครับ ถ้าคุณอ่านหนังสือพวก Blitzscaling, Where the Money is, Nothing but net หรืออะไรทำนองนี้ หรือถ้าตามหุ้นเทคจริงๆ คุณน่าจะเข้าใจว่าเมตริกในการวัดความสำเร็จของบริษัทเทคมันไม่ใช่แค่ว่ายอมขาดทุนก่อน เค้าต้องมี product ที่ดี สามารถสเกลได้ มี network effect และที่สำคัญรายได้ต้องโตระดับ 10-20% ++

ส่วนที่เห็นบริษัทเทคอเมริกายังมีรายงานผลประกอบการขาดทุนกัน เป็นเพราะว่าเค้าทุ่มเงินกับ R&D เยอะ ซึ่งมันเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้ทยอยตัดบัญชีได้แบบค่าเสื่อมเวลาลงทุนกับเครื่องจักรทั่วๆ ไป แล้วยังไม่นับพวกหุ้นที่ต้องออกให้กับพนักงานอีก แต่ถ้าลองดูพวกนี้จริงๆ เค้า cash flow เป็นบวกกันทั้งนั้น

พูดอีกนัยนึงคือพวกเทคเมกามัน Business model ดี product ดี จนคนโฟกัสที่การเติบโต การขยายตลาด มากกว่าการโฟกัสแค่การขาดทุนทางบัญชีครับ

กลับมาที่ Fastwork ถ้าคุณลองไปดูใน Youtube หรือโพสต์การลงทุนในเพจต่างๆ เค้าวิเคราะห์กันหมดแล้วครับว่าโมเดลนี้มันมีความไม่ยั่งยืนสูงมาก มี leak สูงตามที่เคยมีความเห็นใน SS นี้วิเคราะห์ รวมถึงจขกท นี้ด้วย ยังไม่นับว่าการทำการตลาดในไทยที่มี TAM ค่อนข้างเล็กอีก แล้วยังไม่รวมปัจจัยเกี่ยวกับตัวผู้บริหารเองที่หลายๆ คนตั้งข้อสงสัยไว้อีก เช่น ปกติผู้บริหารบริษัทเทคเค้าจะขึ้นชื่อเรื่องทำงานหนัก ขยัน แต่นี่เห็นคุณ CK ออกรายการทั้งวัน มันเลยมีคำถามให้หลายๆ เค้าเอ๊ะกันครับ

ถ้าไม่ได้เม้นปั่น ผมว่าท่านก็ไม่ใช่คนส่วนน้อยหรอกครับ คนแบบ CK มีลักษณะความมีสเน่ห์ในการพูดลักษณะเดียวกับพวก ชอน บูรณหิรัญ ผู้กองเบนซ์ อะไรพวกนี้ เค้าพูดเก่งชักจูงคนส่วนมากได้ครับ ไม่งั้น CK คงไม่มีคนติดตามจำนวนมากโดยไม่ตั้งคำถามได้ถึงทุกวันนี้หรอกครับ

ส่วนเรื่องการยินดีกับคนอื่น ถ้าอ่านโพสต์จขกท ผมว่าเค้าไม่ได้มีปัญหาเรื่องยินดีกับความสำเร็จหรืออะไรนะครับ แต่นี่มันยังไม่ได้เป็นความสำเร็จอ่ะดิครับ แต่สิ่งที่ตัวผู้บริหารออกมาพูดก็ดันมีแต่ความคลุมเครือซะด้วย

วิธีนี้มันจะใช้ได้ต่อเมื่อ product ของคุณมันเป็นสิ่งใหม่ในตลาด และต้องการความเร็วในการครองตลอดเพื่อ market share เพื่อที่จะสามารถนำมาเป็นที่หนึ่งแล้วไล่ทุบคู่แข่งที่กำลังจะเกิดไม่ให้ตามทันเราง่ายๆ

มันถึงสามารถเผาเงินไปก่อนแล้วไปขายฝันกับนักลงทุนได้ ยกตัวอย่างเช่นธุรกิจ delivery ตอนบุกตลาดไทย ทำไมคนยอมเผาเงินกันก็เพราะจะแย่งหัวหาดไง หรืออย่าง OpenAI ก็เหมือนกัน ทั้งตัวธุรกิจยังไม่กำไรเลยนะ ยังขาดทุนทุกครั้งที่มีคนใช้ แต่นั่นแหละมันเป็นการลงทุนกับอนาคต Sam ก็ต้องหาโมเดลหา product ใหม่ๆมาเผื่อทำกำไรให้ได้ แต่การมาก่อนทำให้ชื่อของ OpenAI คือหัวหาด

แต่ทุกธุรกจิที่ใช้โมเดลนี้สุดท้ายต้องมีโมเดลการหาเงิน ไม่งั้นมันอยู่ไม่ได้ ไม่มีนักลงทุนที่ไหนในโลกยอมเอาเงินมาให้เผาทิ้งไปได้ตลอดโดยที่ไม่เห็นโอกาสทำกำไร แล้วใช่ว่าวิธีนี้มันจะเวิร์คเสมอไป มี startup หลายเจ้าที่ไปไม่รอดจนต้องพับโครงการไปเยอะ เอาที่ดังมากๆก็ WeWork ไง เน้นลงทุนไปก่อนกำไรว่ากันทีหลัง สุดท้ายเจ๊งเพราะทำกำไรไม่ได้

กลับกัน ธุรกิจ freelance agency ไม่ใช่เรื่องใหม่ ไม่ใช่อะไรทุกคนไม่เคยเห็น มีคู่แข่งอยู่ทุกที่บนโลก คู่แข่งนอกประเทศไทยยิ่งน่ากลัวกว่าเยอะ ไปถามบรรดาฟรีแลนซ์ในไทยก็ได้ ถ้าคนไหนได้ภาษาอังกฤษและสามารถรับลูกค้าต่างชาติได้ ไม่มีใครใช้ fastwork หรอก

แล้วที่คนชอบตั้งคำถามอ่ะเพราะมันชอบมาสอนนั่นนี่เป็นกูรูไง แต่ธุรกิจตัวเองทำให้ประสบความสำเร็จก่อนยังไม่ได้เลย แค่ freelance agency เองนะ ไม่ใช่เรื่องใหม่ในโลกใบนี้ ไม่ได้เป็นคนแรกในไทยหรือในโลกด้วยซ้ำ

คุณจะเชื่อตัวศาสดาคุณก็เชื่อไป แต่คนอื่นเขาดูจากผลงาน ไม่ใช่แค่คำพูดออกจากไปวันๆว่าฉันมีไอ้นั่น ฉันมีไอ้นี่ ฉันรวยมากๆบริษัทจะขาดทุนแค่ไหนก็ไม่เป็นไร

และถ้าไปรดับโลก งานบริการไทยจะถูกกว่า เรามีแค่กำแพงภาษา ที่งานบริการเรายังไปไม่ได้

และถ้าตาม CK บ่อยๆ ก็จะรู้ว่า เขาพยายามใช้ AI เทคโนโลยี ต่างๆ มาทะลายกำแพงภาษาอยู่

Vision ดี

Goal ดี

ถ้ามองปัจจุบันแอบขายฝันเยอะไปหน่อย

แต่ก็พูดยาก เพราะนักธุรกิจบางทีก็คงมีมุมของเค้า

ส่วนตัวมองดูสภาพปัจจุบัน คิดว่าเผาเงินเยอะ ถ้านักลงทุนจะโฟกัส Fastwork

บางคนยอมลงทุนกับ CK อาจจะเพราะอยากได้ตัวมาช่วยไอเดียมากกว่า

ตอนนี้ยังมองว่า CK > Influ มากกว่าเป็น CEO Fastwork ด้วยซ้ำ

แถบออกรายการพูดส่วนใหญ่มีแต่แรงบรรดาลใจ กับ การลงทุน

เลยขอมอง FASTWORK ว่าจะสเกลระดับโลกยาก

ส่วนในไทยจะเป็นยังไงก็คงคล้ายๆ Fiverr นั่นแหละ

อ่านจากที่เมนท์ผมว่า​ ชาว​ ss​ ก็ทำงานอยู่ในวง​ vc​ หรือ​ startup​ อยู่นะ

ซึ่งตอนนี้มันเป็นไปตามที่ทุกคนเมนท์เลย​ คือโมเดลแบบ​ fast​work​ มันไม่ได้​ใหม่แล้วการใช้แทคติกแบบที่ทำๆมามันไม่ได้ต่อยอดรายได้และกำไรของ​ unit​ economic​ หลักในระยะยาวเลย​

ต้องไปพึ่งรายได้ที่สองสามสี่จาก​ ecosystem​ หรือเผลอๆ​ งาน​รับจ้างขึ้นเวทีของ​ ck​ ยังได้ผลตอบแทนมากกว่าอีก​ หรือแพลตฟอร์มหลายๆเจ้าที่กะโตเป็น​ b2c b2b2c สุดท้ายต้องไปจับ​ b2b กันหมดถึงจะไปรอด

Fastwork Thailand เป็น Platform ขาย service ในไทย คุณบอกว่าคนไทยโคตรเก่งเลยเรื่องบริการ อันนี้ผมไม่เถียง ถ้าในธุรกิจ hospitality ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแม่บ้าน จูงหมา หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่บริการพวกนี้มันไปบุกโลกไม่ได้ เพราะตัวคนให้บริการยังอยู่ในไทย Product ที่ Fastwork Thailand deliver ได้คือ online service ทั้งหลายแหล่ ตัดต่อ อัดเสียง ออกแบบเวป นั้นนี้ ซึ่งตรงนี้ผมไม่ได้ว่าคนไทยไม่เก่งแต่ บนFiverr Upwork พวกนี้ก็มีพวกโหดกว่า ราคาถูกกว่าเยอะแยะ ที่นี้จะไปบุกโลกยังไง ยิ่งหลายๆบริการพวกนี้ตอนนี้ AI แทบจะเข้ามาทำแทนได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบเวป คิด marketing content เอาง่ายๆว่า ในมุมมอง VC Investor ทั้งหลายแหล่ ถ้าจะให้มาลงเงินกับ Fastwork เพราะ "คาดหวังว่า" วันนึง Fastwork จะเป็น Google นั้นนี้แบบที่่ตัวเจ้าของพูด นักลงทุนต่างๆคงเกาหัวแล้วบอกว่า อะไรที่ Fastwork มีและแตกต่างกับ คู่แข่ง ในตลาดโลก ซึ่งตลาดใหญ่กว่าไทย เม็ดเงินไม่จำกัด โมเดล ภาษาไทย ก็น้อยนิด กว่าAI จะ Transalate และแปลได้แบบเป๊ะๆแบบที่เข้าใจงานกัน น่าจะอีกนาน เอาแค่การใช้ ChatGPT ภาษาไทย vs ภาษาอังกฤษยังต่างกันลิบลับ

ข้อสอง ตัวเจ้าของเขาก็พูดเองว่าเขา รวย เขาจะเผาเงินเท่าไรก็ได้ เขาจะเอา FW ไปสู่ตลาดโลกด้วยตัวของเขาเอง เขา"ไม่ต้องการ" เงินลงทุน เขาต้องการ partnership มากกว่า เลยไม่รู้ว่ามันตรงกับ Bluesky valuation ในคลิปนี้ตรงไหน ผมคงเป็นคนส่วนใหญ่ที่ไม่เข้าใจมากกว่า

ผมเป็นคนแรกๆที่เห็น CK และคิดว่าไอ้หนุ่มนี้ พูดถูก อายุเราไล่เลี่ยกัน การศึกษามาเหมือนกัน ผมมาทำธุรกิจหลังเรียนจบ แต่ CK ลงทุนตั้งแต่เด็ก ตามที่เขาบอกแถม เป็น CPA ทำงาน Big4 ทำ M&A department ไปสักพัก ด้านการเงินลงตัวแล้ว hit financial freedom goal แล้ว กลับมาช่วยคนไทยดีกว่า อารมณ์ เดียวกับผมตอนกลับไปเมืองไทยเลยผมมองว่าเมืองไทยไปได้ไกลกว่านี้ ถ้าประชากร มีคุณภาพมากขึ้น เสียดายผมไม่ถูกหวย Crypto เด้งใหญ่ๆ เพราะไม่ได้เล่น มัวแต่ตั้งหน้าตั้งตาทำธุรกิจ วันนี้ CK จนใช้กี่ชาติก็ไม่หมดแล้ว ส่วนธุรกิจผมเจ๊ง ผมคงไม่เก่งเท่าเขาแน่ๆ แต่หลังๆพอ CK เริ่มกลายเป็น Viral จัดเหมือนเริ่มมันส์มือ ทำตัวชี้ว่าทำแบบนั้น ไม่ถูก โง่มากๆ ซึ่งอันนี้ผมว่าจริงๆแล้ว ไม่ว่าจะคนชาติไหนๆ ที่เจอมา ไม่มีคนที่มีความรู้ความสามารถที่ไหน เขาจะกล้ามาชี้ตัดสิน อันนี้ถูก อันนี้โง่ เป๊ะๆๆๆๆ โฉ๊ะๆๆๆแน่นอน เอาง่ายๆ หน้าที่ ของC suite ทุกตำแหน่งคือการตัดสินใจ บนความไม่แน่นอน ในการตัดสินใจของบริษัท Movement ต่างๆ 90% ของการตัดสินใจ มาจาก gut feeling Data ทำหน้าที่ได้เพียงแค่ช่วย minimize the risk ในชีวิตที่ผ่านมา จากตามดู ตามศึกษาประวัติคนประสบความสำเร็จมาเยอะ ไม่เห็นมีใคร มั่นใจ และตัดสินคนอื่นแบบ CK สักคน พวกผู้ใหญ่ที่รวยเป็นพันล้าน หมื่นล้านที่เคยเจอมา ไม่มีใครเขาตัดสินคนอื่นว่า ทำแบบนั้นไม่ถูก ทำแบบนี้โง่มาก สักคน โรคที่ high achiver เป็นกันมากคือ imposter syndrome อันนี้ไม่ขออนุญาตินับรวมพวก Crypto bro ที่จับผลัดจับผลูรวยแล้ว ออกมาสอนคนอื่นป่าวๆ ว่าต้องทำแบบนั้นสิแบบนี้สิ ตาม Tiktok Youtube นะ ผมคงเจอคนรวยมาไม่เยอะมั้ง เลยรู้สึกว่าคนที่ประสบความสำเร็จน้อยมากๆที่จะคิดว่าตัวเองรู้ทุกอย่างบนโลก ที่ผมเจอมามีแต่ ยิ่งรู้ยิ่งรู้ว่าไม่รู้ ไม่งั้น Bill Gate หรือ Buffet คงไม่บ้าอ่านหนังสือทุกวัน

ผมแถมให้อีกอัน ที่น่าสงสัยอยู่อย่าง FW พึ่งซื้อ Domain fastwork.com มาใน ราคา ล้านกว่าบาท !!! ผมเป็นเจ้าของ ร้านขนม ABC ถ้าผมมีเงินเป็นพันล้านๆ ขาดทุนปีละเท่าไร ก็ได้ผม คงซื้อ Domain ร้านขนม ABC.com ตั้งแต่วันแรกที่ผมตั้ง Mission ของบริษัทเลยด้วยซ้ำ เพราะ ล้านกว่าบาท ผมหายใจ แปบเดียวก็ได้คืนแล้ว