โหวต Mazda 2 ESSENTIAL 1.3 SIGNATURE: ราคา 659,000 บาท
กับ MG4 D Long Range 629,900 บาท
ชาว SS เลือกคันไหนกันครับ
ถ้ามีเหตุผลด้วยก็จะดี
มีแผล่บให้ ขอบคุณครับ

ผมชอบญี่ปุ่น

Mazda 2

ถ้าบ้านพร้อมติดที่ชาร์จผมไปไฟฟ้าแหะ แต่ถ้าไม่มี Mazda 2 ดีกว่าไม่ต้องปวดหัวการชาร์จข้างนอก

ถ้างบถึงอยากให้ไป cx30 มากๆๆๆ ลองคุยหลังบ้านไหมอาจได้ลดสัก 1 แสน หรือมากกว่า

Mazda 2 ครับ รถพลิกคว่ำพังยับต้องขายซาก แต่ผมไม่เป็นอะไรเลยมีแค่รอยช้ำจากสาย belt กระชาก

คำถามมันคือ รถน้ำมัน VS รถไฟฟ้า เลยนี่ครับ
รถต่างชนิดกัน คนอื่นตอบแทนไม่ได้หรอกครับ เพราะความสะดวกแต่ละคนต่างกัน

ผมไม่มีที่ชาร์จ ใช้งานทีไกลๆ ผมก็ไม่เสี่ยงกับรถไฟฟ้าตอนนี้

แต่ถ้าใครอยู่บ้านติดที่ชาร์จได้ ไป-กลับแต่ละวันยังไงก็ไม่เกิน 100-200 โล ไม่ค่อยไปเขตน้ำท่วม
ผมก็เชียร์รถไฟฟ้า เพราะความจุกจิกน้อยกว่า ออฟชั่นเยอะกว่า ใช้ไฟทำอย่างอื่นได้ นั่งเปิดแอร์แช่ครึ่งชั่วโมงก็ไม่มีใครบ่น

ผมมีคุกกี้ก็กด mg ไฟฟ้าไป รถคันแรกฟรือคันเดียวใช้น้ำมันไปก่อนครับ พังมาซ่อมไม่รอนาน

MG ZS EV เพิ่งประกาศส่วนลดมหาโหดเมื่อสักครู่นี้
ราคาพิเศษ : 499,900 บาท

ข้อมูลน้อย มีแต่ราคากดโหวตไม่ถูก

ผมชอบมาสด้านะ แต่โฉมเก่าไปมุ้ย
แต่ถ้าส่วนลดเยอะ ก็คุยกันได้

อยากแนะนำเพิ่มว่า MG4 ที่เคลมว่า "รับประกันแบตตลอดอายุการใช้งาน"

อ่านเงื่อนไขดีๆนะครับ . . .

MG4,MG3 Hybrid ก็ได้

มาสด้า 2 ให้หนีไป คันที่บ้านผมอยากจะขายใจจะขาด
ขับเร็วเกิน 100 ตอนนี้ลอยจะเป็นเครื่องร่อนแล้ว

เบาะหลังคนสูงเกิน 170 อย่าได้นั่งเลย หาได้มีความสบาย

แล้วตัวเบนซินนี่อย่างอืด ขับในเมืองไม่ได้ประหยัดว้าวซ่าขนาดนั้น

ถ้าอยากเล่นรถน้ำมันไปสวิฟ,yaris ativ แทนดีกว่า
ผมว่ามันไม่ควรเป็นรถราคา 600k++ แล้ว

ความจุกจิกคือคาปาซิเตอร์ตัวละ20k++ ขับไปถ้าซวยพังตอนหมดประกันก็ต้องปิดระบบไม่ก็ต้องเปลี่ยน เจอทุกคัน
บ้านผมโชคดีแฟนเอาไปบวกต้นเสาโดนคาปาซิเตอร์พอดี เลยได้เคลมประกันภัยไปด้วย

ช่วงล่างไม่ค่อยทน 80k กิโลเริ่มกุกกักต้องเปลี่ยนชิ้นส่วนละ ซ่อมไม่ได้ถูก แต่ไม่ได้แพงจนน่าตกใจ

แต่ถ้ารักมาสด้า ลองดู CX5 มือสองก็ได้ ราคาดีจนตกใจ 500-600 ยิ่งตัวดีเซลถึงจะน้ำดันต้องยกเครื่อง แต่มาสด้าประกันตลอดอายุการใช้งานแล้ว
หรือไปจะ CX-30 ก็ได้ ถ้างบถึง ส่วนลดน่าจะเยอะอยู่

ถ้าไม่ได้ใช้รถเยอะมากๆ จนจ่ายค่าน้ำมันไม่ไหว หรือไม่ได้มีความจำเป็นในการจอดรออยู่ในรถนานๆ คือใช้ปกติทั่วๆ ไป ผมว่ารถน้ำมันก็ยังดีกว่านะครับ คิดเอาเองว่าถ้าไม่ได้ใช้รถเยอะอะไร ส่วนต่างค่าน้ำมัน/ไฟฟ้า ต่อเดือนหรือต่อปีก็คงไม่เท่าไร แต่รถน้ำมันใช้แล้วสบายใจไม่ต้องกังวลอะไร เพราะมันมีอู่ มีอะไหล่อยู่แล้ว ปัญหาของรถมีอะไรบ้าง อะไรที่อาจจะเสียหายได้บ้าง มันเรียนรู้มาหมดแล้ว ส่วนรถไฟฟ้ามันยังใหม่อยู่ (สำหรับผมนะ) ต่อให้มีศูนย์ มีอะไหล่ แต่ช่างที่เจอรถน้ำมันมาหลายสิบปี มันดีกว่าช่างที่เจอของใหม่ เรียนรู้มันมา 4-5 ปีอยู่แล้ว