คอนอร์ แบรดลีย์ แบ๊กขวาของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เชื่อว่าสไตล์การเพรสซิ่งนั้นเหมาะสมกับทีมมากกว่าสไตล์อื่นๆ และเชื่อว่าชัยชนะเหนือแอสตัน วิลล่า จะสร้างความมั่นใจก่อนเกมหนักๆ ที่รออยู่
.
ความเปลี่ยนแปลงของลิเวอร์พูลที่ทำให้เก็บชัยชนะเหนือแอสตัน วิลล่า คือการเพรสซิ่งที่กลับมาทำได้ดุดันอีกครั้ง และมีส่วนกับทั้ง 2 ประตูที่ทีมทำได้ในเกมนี้
.
แบรดลีย์ บอกว่า “ผมคิดว่าการเพรสซิ่งมันเหมาะกับเรามากกว่า เมื่อใดก็ตามที่คู่แข่งพยายามเล่นบอลจากแดนหลังใส่เรา การเพรสซิ่งคือสิ่งที่เราทำได้ดีที่สุด และการเพรสซิ่งของเราในเกมกับวิลล่ามันยอดเยี่ยมมากๆ ตั้งแต่แดนหน้าทั้งอูโก้ เอกีตีเก้ กับโม ซาลาห์ รวมถึงพวกเราที่สนับสนุนจากแดนหลัง ผมคิดว่ามันช่วยกำหนดทิศทางของเกมได้”
.
เมื่อถามถึงความมั่นใจที่ได้จากชัยชนะเหนือวิลล่านั้น แบรดลีย์ บอกว่า “แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะเป็นช่วงที่ยากลำบาก การกลับมาสู่เส้นทางแห่งชัยชนะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับความมั่นใจ เห็นได้ชัดว่าเราพร้อมสำหรับวันอังคารที่จะเป็นเกมใหญ่อีกครั้ง”
.
“มันเป็นสัปดาห์ที่ยิ่งใหญ่ เราทำภารกิจแรกสำเร็จแล้ว แต่เรายังมีเกมใหญ่รออยู่ทั้งกับรีล มาดริด และแมนซิตี้ ที่เราตั้งตารอจะลงเล่น ต้องฟื้นฟูร่างกายให้ดีและหวังว่าจะทำผลงานออกมาได้ดีเช่นกัน”

https://www.facebook.com/photo?fbid=1349853473161466&set=a.207250207421804

- จะมาเล่นต่อบอลทำชิ่ง คุณต้องโละผู้เล่นทั้ง 11 คนทิ้งบอกเลย ขนาดเปลี่ยนแค่ 3-4 ตัวยังแปลกๆเลย

Wirtz , Isak จะเล่นได้ไหมแผนนี้
ห่วงอยู่สองคนนี่ละ ถ้าฉายแสงก่อนหมดปี จะดีใจมาก

จริง ๆ น่าจะเล่นได้นะ
เวียตซ์ สมัยอยู่เลเวอร์ก็วิ่งเยอะ ทีมก็เพรสเอาบอลมาครองอยู่เกือบตลอด
อิซัค เคยอยู่นิว ซึ่งก็เป็นทีมที่เพรสใส่หงส์จนเล่นยากตลอด

ก็ถูก เพราะตัวที่ซื้อมาใหม่ เวิร์ทเรทอาจจะดูไม่ทะลุปรอทเท่าไหร่

เวียตซ์นี่ถ้าเอาแค่เรื่องวิ่ง ผมว่าโคตรทะลุเลยนะ เป็นคนที่วิ่งต่อเกมเยอะมาก 11km+/เกม (ห่วงแค่เรื่องการเข้าปะทะ)

เท่าที่ดูมานะ ทีมต่างๆเล่นกับลิเวอร์ โยนบอมใส่ คือจบ แต่ถ้าสู้ด้วยการต่อบอลใส่ ชะตากรรมอย่างที่เห็น วิลล่าเมื่อคืนก่อน 2 เม็ด

เวียตเล่นได้อยู่แล้ว วิ่งเยอะจนคนล้อว่าเป็น Cardio King แต่ต้องปรับการเทคนิคการแย่งบอล อยากให้บ๊อบบี้มาสอนมาก

มันไม่ใช่เราเหมาะ แต่คู่แข่งไม่ยอมให้เล่นแบบอื่น เจอทีมบ๊วยคงไม่มีใครอยากวิ่งไปขวิด แต่พอเป้นลิเวอร์ทุกคนทุกทีมพร้อมพุ่งเข้าปะทะ เจอแบบนี้มัวแต่พริ้วแล้วหลักการ ทฤษฎี คงไม่ได้รับประทาน โดนบี้จมสนามหญ้า เห้นคนจะวิ่งใส่ เราต้องใส่ก่อน อย่างน้อย 70% ที่เหลืออยากจะเล่นบอลทรงดีๆค่อยว่ากันหลังจากทุบกันจนคู่แข่งยอมแล้ว นักเตะที่จะเล่นสวยๆใส่คู่แข่งแล้วรอดในยุคๆนึงมันมีไม่กี่คน โด้ เมส พวกนี้เข้ามั่วหาย พวกนี้พูดได้ว่าอยากเพรสก้เข้ามาเลย แต่เราไม่มีแบบนั้น ก็แค่นั้น

ส่วนเวียตซ์ ผมดูนัดที่ผ่านมา แกมี mindset เรื่องการเพรสและพยายามนะ แต่ไม่รู้ว่าคนสอนสอนแกมาไงหรือฝึกมาไง มันดูไม่สามารถกดดันใครอะไรเลย ผมติดตรงนึงแน่ๆคือแกไม่เอาเรื่องปะทะเลย แกจะหนีจะอ้อมหลบตลอด แล้วก้เอาแต่ยืนห่างคุมพื้นที่ ทั้งที่แกเป็นตัวแรก ซึ่งที่อื่นทำได้ แต่ที่นี่มันยังไงก็ต้องปะทะ เสียดสี ชะลอ อย่างแย่ตำแหน่งเวียตซ์อยู่ยอดของโซนก็จะเจอหลังคู่แข่ง มันต้องไม่ให้หลังเขามองไปข้างหน้าหาช่องโยนได้ ตองเข้าแล้วให้มันบังบอลหันหลังหรือหันข้างให้ฝั่งเรา เวลามันตั้งบอลมันจะได้ทำได้แค่โยนมามั่วๆให้เราเก้บจังหวะสองง่ายๆ ยิ่งเป็นตัวแรกใกล้บอลสุดยิ่งต้องเข้า นี่แกจ้องเฉยๆซึ่งคนที่นี่ไมกลัว เข้าก็ไม่ชิดเหมือนกลัวโดนชนโดนอัด ถ้าสลับเป็นโบ้มันเข้าละ ลูกขู่ลูกหนักต้องโชว์ให้เขาระแวงตลอด (ไม่ใช่ลูกถ่อยนะ) โดนบังบอลต้องงัดทิ้ง นี่แกไม่ีมีอะไรแบบนี้เลยคลาสเกมส์รับ วิ่งตามบอลไปดักข้างหน้า คอยดักทางจ่ายทั้งที่เป็นตัวแรกซึ่งไม่ใช่นั่นมันหน้าที่ตัวสองตัวสาม ไม่มีใครกลัวแกเลย เหมือนเอาหมีพูมาเล่นแล้วเล่นเป็นตัวประกอบฉากเฉยๆ เสียดายวิชันเกมส์บุก ซื้อมาเหมือนได้ใช้ครึ่งเดียว