BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
ดาวเตะลา ลีกา
Status: เฮ้อ
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 31 Jan 2014
ตอบ: 16921
ที่อยู่: บนต้นไม้
โพสเมื่อ: Fri Oct 31, 2025 19:53
[RE: สรุป กรณี ยาดมสีเขียว]
ตอนแรกก็ปกติ พอลิซ่าดม ของหมด

ปกติต้องเว้นช่วงและประกาศขออภัย ว่ากำลังเร่งผลิตอยู่

แต่นี่แค่เดือนเดียวกลับมีของมาขายสนองneedลูกค้าได้ทัน

ไอ้เราก็ว่ามันแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากเท่าไหร่

จนมาวันนี้นี่แหละ

ปล.เพจผู้บริโภค ยังมีคนดมต่อ อ้างของพม่าน่ากลัวกว่าเยอะ

เชิญเลยจ้า...ช่วงนี้ รพ.กำลังจะระเบิดเรื่องสิทธิ์รักษาบัตรทองด้วยตามสบายยยย
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ค.
Status: Alway Blue.
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Dec 2016
ตอบ: 8908
ที่อยู่: Stamford Bridge
โพสเมื่อ: Fri Oct 31, 2025 19:54
[RE]สรุป กรณี ยาดมสีเขียว
คิดถูกจริงๆที่ไม่เคยไว้ใจอะไรแบบนี้เลย
โพสต์บนแอป Soccersuck บน iOS
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะตำบล
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Oct 2019
ตอบ: 4837
ที่อยู่: Bangkok
โพสเมื่อ: Fri Oct 31, 2025 20:30
[RE: สรุป กรณี ยาดมสีเขียว]
bennikun พิมพ์ว่า:
กว่าจะสร้างธุรกิจขึ้นมาได้ไม่ใช่ง่ายๆ กว่าสินค้าจะติดตลาดยิ่งยากเข้าไปใหญ่

หลายๆคนทั้งชีวิตเป็นพนักงานประจำ ไม่เคยต้องต้องสร้างกิจการหรือแม้แต่บริหารกิจการจริงๆ ก็ไปว่าเค้าว่าทำไมไม่ทำให้ถูกต้องโดนมองแต่ฝ่ายเดียว

ก่อนอื่นสิ่งที่เกิดขึ้นคือมันก็ผิดจริงๆ ทั้ง
- เรื่่องสินค้า batch ที่เป็นข่าวไม่ได้มาตราฐาน เท่าที่ทราบมี batch เดียว
- ดำเนินกิจการที่ไม่ได้รับอนุญาต ผลิตและบรรจุในที่ได้รับอนุญาต แต่ไปติดสติกเกอร์และแพ็คโหลในที่ไม่ได้รับอนุญาต

มันน่าเสียดายครับ ที่เอาการจัดการผิด(จริง)ซึ่งพัฒนาได้ ไปทำลาย Branding ซึ่งสร้างยากมากๆ คุณคิดว่าการที่มันถูกดมโดน Lisa ถ้าต้องทำใหม่มันตีเป็นมูลค่าเท่าไหร่ การที่คนจีนเอายาดมหงส์ไทย เป็นภาพจำว่าสินค้าสมุนไพรไทยคุณภาพดี มันตีเป็นมูลค่าเท่าไหร่และมันทำยากแค่ไหน

เข้าใจครับ คิดในมุม authority ผิดก็คือผิด แต่ในการทำงานจริงมันติดขัดกว่านั้นครับ เงินทุน, ความรู้, แรงงาน, ทีมงาน, ความคุ้มทุน บางคนบริษัทให้ฝึกงานน้องคนเดียวยังบ่นแทบตาย

แล้วการตั้งโรงงานใหม่(ที่ได้มาตราฐาน) ให้ตอบสนอง order ของเค้า(ซึ่งน่าจะเยอะมาก) มันต้องคิดหลายๆอย่างมากๆครับ มันไม่ได้ทำทันกันง่ายๆนะ แต่ยังไงครับคุณจะไม่ตอบสนอง order ปัจุบันไปก่อน(ทั้งๆที่รู้ว่าไม่พร้อม)หรอ

ผิดก็ว่าไปตามผิดครับ แต่ก็ต้องสร้างผู้ประกอบการไปด้วยค่อยๆปรับกันไป ไม่ใช่ทำลาย branding กันแบบตอนนี้ มันน่าเสียดายจริงๆนะ  



ประเด็น batch/lot เดียวนั้น เพราะมันถูก verify แล้วว่าล็อตนี้แน่ๆ แต่ล็อตอื่นไม่ชัวร์ เพราะแบบนั้นเค้าต้องยึดทั้งหมดก่อน

อีกส่วนเรื่องโรงงานผลิต ได้รับอนุญาตินี่ อันนี้ผมอ่านไม่แตก ตาบอดหรือข่าวมันบิดเบือน ที่ว่าว่าผ่าน 1 plant อีก 3 เถื่อน ขนาดนี้มันก็เกินไป ผิดจริยธรรม กับธรรมาภิบาลไปหมด สนแต่ตัวเลขกำไรเลย
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
นักเตะอบต.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Aug 2017
ตอบ: 538
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Oct 31, 2025 21:05
[RE: สรุป กรณี ยาดมสีเขียว]
A.Felix พิมพ์ว่า:
bennikun พิมพ์ว่า:
กว่าจะสร้างธุรกิจขึ้นมาได้ไม่ใช่ง่ายๆ กว่าสินค้าจะติดตลาดยิ่งยากเข้าไปใหญ่

หลายๆคนทั้งชีวิตเป็นพนักงานประจำ ไม่เคยต้องต้องสร้างกิจการหรือแม้แต่บริหารกิจการจริงๆ ก็ไปว่าเค้าว่าทำไมไม่ทำให้ถูกต้องโดนมองแต่ฝ่ายเดียว

ก่อนอื่นสิ่งที่เกิดขึ้นคือมันก็ผิดจริงๆ ทั้ง
- เรื่่องสินค้า batch ที่เป็นข่าวไม่ได้มาตราฐาน เท่าที่ทราบมี batch เดียว
- ดำเนินกิจการที่ไม่ได้รับอนุญาต ผลิตและบรรจุในที่ได้รับอนุญาต แต่ไปติดสติกเกอร์และแพ็คโหลในที่ไม่ได้รับอนุญาต

มันน่าเสียดายครับ ที่เอาการจัดการผิด(จริง)ซึ่งพัฒนาได้ ไปทำลาย Branding ซึ่งสร้างยากมากๆ คุณคิดว่าการที่มันถูกดมโดน Lisa ถ้าต้องทำใหม่มันตีเป็นมูลค่าเท่าไหร่ การที่คนจีนเอายาดมหงส์ไทย เป็นภาพจำว่าสินค้าสมุนไพรไทยคุณภาพดี มันตีเป็นมูลค่าเท่าไหร่และมันทำยากแค่ไหน

เข้าใจครับ คิดในมุม authority ผิดก็คือผิด แต่ในการทำงานจริงมันติดขัดกว่านั้นครับ เงินทุน, ความรู้, แรงงาน, ทีมงาน, ความคุ้มทุน บางคนบริษัทให้ฝึกงานน้องคนเดียวยังบ่นแทบตาย

แล้วการตั้งโรงงานใหม่(ที่ได้มาตราฐาน) ให้ตอบสนอง order ของเค้า(ซึ่งน่าจะเยอะมาก) มันต้องคิดหลายๆอย่างมากๆครับ มันไม่ได้ทำทันกันง่ายๆนะ แต่ยังไงครับคุณจะไม่ตอบสนอง order ปัจุบันไปก่อน(ทั้งๆที่รู้ว่าไม่พร้อม)หรอ

ผิดก็ว่าไปตามผิดครับ แต่ก็ต้องสร้างผู้ประกอบการไปด้วยค่อยๆปรับกันไป ไม่ใช่ทำลาย branding กันแบบตอนนี้ มันน่าเสียดายจริงๆนะ  



ประเด็น batch/lot เดียวนั้น เพราะมันถูก verify แล้วว่าล็อตนี้แน่ๆ แต่ล็อตอื่นไม่ชัวร์ เพราะแบบนั้นเค้าต้องยึดทั้งหมดก่อน

อีกส่วนเรื่องโรงงานผลิต ได้รับอนุญาตินี่ อันนี้ผมอ่านไม่แตก ตาบอดหรือข่าวมันบิดเบือน ที่ว่าว่าผ่าน 1 plant อีก 3 เถื่อน ขนาดนี้มันก็เกินไป ผิดจริยธรรม กับธรรมาภิบาลไปหมด สนแต่ตัวเลขกำไรเลย  


ความเห็นผมนะ

1. เรื่องโรงงานนี่ผมว่าผมพอเข้าใจในฐานะผู้ประกอบการ(ซึ่งไม่ได้หมายความว่าทำถูกนะ) ถ้าเป็นผมผมก็อยากขายของนะ เดิมๆของไม่ได้ขายดีขนาดนั้นเจอ Lisa เข้าไปจน overcapacity แต่จะอดใจไม่ขายก็ไม่ไหวอยากขายของให้ได้(โลภแต่ไม่ใช่อาชญากร) แต่ในอีกมุมนึงก็ไม่กล้าลงทุนใหญ่ กลัวความต้องการมันจะกลับไปค่าเดิมนี่ก็เจ๊งได้เหมือนกัน มันทำใจยากเหมือนกันนะ
>> ความเห็นผมในประเด็นนี้ อย. ควรให้โอกาสและคิดในมุมที่บูรณาการกว่านี้ เช่น เรื่องเงินทุน หรือ หาทางให้เค้าได้ร่วมทุนกับนายทุน หรือ หาทางให้เค้าได้เอาสูตรไปผลิตในโรงงานกลาง(เพื่อรองรับ order ระหว่างปรับสเกล) ไม่ใช่ผลักไปให้ผู้ประกอบการกลับไปแก้เองทั้งหมด ตัวงานจริงมันมีมุมให้คิดมากกว่าแค่ตัว product อ่ะครับ
>> sme เดี๋ยวนี้ยากขึ้นทุกวันครับ เจ้าใหญ่ก็ลงมาแข่งแทบทุกตลาด ก็อยากให้ให้โอกาสเจ้าของได้เติบโต/เรียนรู้ไปด้วย ไหนๆ brand ก็ฟลุ้กโตได้แล้ว

2. เรื่องเจอ bacteria เกินมาตรฐาน อันนี้ อย. ทำถูกครึ่งนึงคือตรวจน่ะดีแล้ว แต่ก็บอกแค่ว่าเกินมาตราฐาน แต่ไม่ได้บอกว่าเกินไปเท่าไหร่ เกินไปมากหรือเกินไปนิดเดียว และไม่ได้บอกว่า bacteria ที่เจอเป็นประเภทไหน และก็อย่างที่คุณบอก ประชาชนตอนนี้รู้แค่ batch นี้แต่ไม่รู้เลยว่าปัญหาจริงๆมีมากและกว้างแค่ไหน
>> ปัญหาคือ มันก็จะลามไปผู้ประกอบการเจ้าอื่นๆด้วยน่ะสิครับ มันกลายเป็นกระทบเจ้าที่เค้าอาจจะไม่มีปัญหาด้วย ถ้า อย. scope ปัญหาให้ชัดว่า อยู่ที่วัตถุดิบ การผลิต หรือ การขนส่ง และเป็น bacteria ตัวไหน เจ้าอื่นๆเค้าจะได้ออกมาชี้แจงตัวเองได้
>> ในมุมมองต่างชาติ กลายเป็นว่า product ที่เป็นสมุนไพรไทยจะโดนมองลบไปด้วยทั้งหมดครับ เวลารัฐสื่อสารมันควรจะคิดรอบด้านไม่ใช่คิดแค่ใน silo ของตัวเอง
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะท้ายซอย
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 24 Jun 2019
ตอบ: 329
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Oct 31, 2025 22:14
[RE: สรุป กรณี ยาดมสีเขียว]
อ้างอิงจาก:
bennikun พิมพ์ว่า:
A.Felix พิมพ์ว่า:
bennikun พิมพ์ว่า:
กว่าจะสร้างธุรกิจขึ้นมาได้ไม่ใช่ง่ายๆ กว่าสินค้าจะติดตลาดยิ่งยากเข้าไปใหญ่

หลายๆคนทั้งชีวิตเป็นพนักงานประจำ ไม่เคยต้องต้องสร้างกิจการหรือแม้แต่บริหารกิจการจริงๆ ก็ไปว่าเค้าว่าทำไมไม่ทำให้ถูกต้องโดนมองแต่ฝ่ายเดียว

ก่อนอื่นสิ่งที่เกิดขึ้นคือมันก็ผิดจริงๆ ทั้ง
- เรื่่องสินค้า batch ที่เป็นข่าวไม่ได้มาตราฐาน เท่าที่ทราบมี batch เดียว
- ดำเนินกิจการที่ไม่ได้รับอนุญาต ผลิตและบรรจุในที่ได้รับอนุญาต แต่ไปติดสติกเกอร์และแพ็คโหลในที่ไม่ได้รับอนุญาต

มันน่าเสียดายครับ ที่เอาการจัดการผิด(จริง)ซึ่งพัฒนาได้ ไปทำลาย Branding ซึ่งสร้างยากมากๆ คุณคิดว่าการที่มันถูกดมโดน Lisa ถ้าต้องทำใหม่มันตีเป็นมูลค่าเท่าไหร่ การที่คนจีนเอายาดมหงส์ไทย เป็นภาพจำว่าสินค้าสมุนไพรไทยคุณภาพดี มันตีเป็นมูลค่าเท่าไหร่และมันทำยากแค่ไหน

เข้าใจครับ คิดในมุม authority ผิดก็คือผิด แต่ในการทำงานจริงมันติดขัดกว่านั้นครับ เงินทุน, ความรู้, แรงงาน, ทีมงาน, ความคุ้มทุน บางคนบริษัทให้ฝึกงานน้องคนเดียวยังบ่นแทบตาย

แล้วการตั้งโรงงานใหม่(ที่ได้มาตราฐาน) ให้ตอบสนอง order ของเค้า(ซึ่งน่าจะเยอะมาก) มันต้องคิดหลายๆอย่างมากๆครับ มันไม่ได้ทำทันกันง่ายๆนะ แต่ยังไงครับคุณจะไม่ตอบสนอง order ปัจุบันไปก่อน(ทั้งๆที่รู้ว่าไม่พร้อม)หรอ

ผิดก็ว่าไปตามผิดครับ แต่ก็ต้องสร้างผู้ประกอบการไปด้วยค่อยๆปรับกันไป ไม่ใช่ทำลาย branding กันแบบตอนนี้ มันน่าเสียดายจริงๆนะ  



ประเด็น batch/lot เดียวนั้น เพราะมันถูก verify แล้วว่าล็อตนี้แน่ๆ แต่ล็อตอื่นไม่ชัวร์ เพราะแบบนั้นเค้าต้องยึดทั้งหมดก่อน

อีกส่วนเรื่องโรงงานผลิต ได้รับอนุญาตินี่ อันนี้ผมอ่านไม่แตก ตาบอดหรือข่าวมันบิดเบือน ที่ว่าว่าผ่าน 1 plant อีก 3 เถื่อน ขนาดนี้มันก็เกินไป ผิดจริยธรรม กับธรรมาภิบาลไปหมด สนแต่ตัวเลขกำไรเลย  


ความเห็นผมนะ

1. เรื่องโรงงานนี่ผมว่าผมพอเข้าใจในฐานะผู้ประกอบการ(ซึ่งไม่ได้หมายความว่าทำถูกนะ) ถ้าเป็นผมผมก็อยากขายของนะ เดิมๆของไม่ได้ขายดีขนาดนั้นเจอ Lisa เข้าไปจน overcapacity แต่จะอดใจไม่ขายก็ไม่ไหวอยากขายของให้ได้(โลภแต่ไม่ใช่อาชญากร) แต่ในอีกมุมนึงก็ไม่กล้าลงทุนใหญ่ กลัวความต้องการมันจะกลับไปค่าเดิมนี่ก็เจ๊งได้เหมือนกัน มันทำใจยากเหมือนกันนะ
>> ความเห็นผมในประเด็นนี้ อย. ควรให้โอกาสและคิดในมุมที่บูรณาการกว่านี้ เช่น เรื่องเงินทุน หรือ หาทางให้เค้าได้ร่วมทุนกับนายทุน หรือ หาทางให้เค้าได้เอาสูตรไปผลิตในโรงงานกลาง(เพื่อรองรับ order ระหว่างปรับสเกล) ไม่ใช่ผลักไปให้ผู้ประกอบการกลับไปแก้เองทั้งหมด ตัวงานจริงมันมีมุมให้คิดมากกว่าแค่ตัว product อ่ะครับ
>> sme เดี๋ยวนี้ยากขึ้นทุกวันครับ เจ้าใหญ่ก็ลงมาแข่งแทบทุกตลาด ก็อยากให้ให้โอกาสเจ้าของได้เติบโต/เรียนรู้ไปด้วย ไหนๆ brand ก็ฟลุ้กโตได้แล้ว

2. เรื่องเจอ bacteria เกินมาตรฐาน อันนี้ อย. ทำถูกครึ่งนึงคือตรวจน่ะดีแล้ว แต่ก็บอกแค่ว่าเกินมาตราฐาน แต่ไม่ได้บอกว่าเกินไปเท่าไหร่ เกินไปมากหรือเกินไปนิดเดียว และไม่ได้บอกว่า bacteria ที่เจอเป็นประเภทไหน และก็อย่างที่คุณบอก ประชาชนตอนนี้รู้แค่ batch นี้แต่ไม่รู้เลยว่าปัญหาจริงๆมีมากและกว้างแค่ไหน
>> ปัญหาคือ มันก็จะลามไปผู้ประกอบการเจ้าอื่นๆด้วยน่ะสิครับ มันกลายเป็นกระทบเจ้าที่เค้าอาจจะไม่มีปัญหาด้วย ถ้า อย. scope ปัญหาให้ชัดว่า อยู่ที่วัตถุดิบ การผลิต หรือ การขนส่ง และเป็น bacteria ตัวไหน เจ้าอื่นๆเค้าจะได้ออกมาชี้แจงตัวเองได้
>> ในมุมมองต่างชาติ กลายเป็นว่า product ที่เป็นสมุนไพรไทยจะโดนมองลบไปด้วยทั้งหมดครับ เวลารัฐสื่อสารมันควรจะคิดรอบด้านไม่ใช่คิดแค่ใน silo ของตัวเอง  
 


ประเด็น 1 ถ้าฟังจากข่าว เค้าไม่มีได้มีปัญหาเรื่อง ไม่มีเงินสร้างโรงงานนะครับ เค้าสร้างโรงงานแล้ว ผลิตแล้ว ส่งขายแล้ว แต่เค้าไม่ไปขออนุญาตให้มันถูกต้อง ตามหลักแล้วสร้างโรงงานผลิต ยา ควรจะมีการตรวจ โดยผู้ช่วยชาญ ว่าดีพอที่ผลิตได้ครับ แล้วถึงผลิตออกจำหน่าย

2.เชื่อที่เจอเป็น clostridium spp.yeast mold เกินมาตรฐานครับ ซึ่งถ้าใช้ในคนภูมิต่ำ ทำให้ติดเชื้อจนเสียชีวิตได้ครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะเทศบาล
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Jan 2020
ตอบ: 677
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Oct 31, 2025 22:47
สรุป กรณี ยาดมสีเขียว
bennikun พิมพ์ว่า:
กว่าจะสร้างธุรกิจขึ้นมาได้ไม่ใช่ง่ายๆ กว่าสินค้าจะติดตลาดยิ่งยากเข้าไปใหญ่

หลายๆคนทั้งชีวิตเป็นพนักงานประจำ ไม่เคยต้องต้องสร้างกิจการหรือแม้แต่บริหารกิจการจริงๆ ก็ไปว่าเค้าว่าทำไมไม่ทำให้ถูกต้องโดนมองแต่ฝ่ายเดียว

ก่อนอื่นสิ่งที่เกิดขึ้นคือมันก็ผิดจริงๆ ทั้ง
- เรื่่องสินค้า batch ที่เป็นข่าวไม่ได้มาตราฐาน เท่าที่ทราบมี batch เดียว
- ดำเนินกิจการที่ไม่ได้รับอนุญาต ผลิตและบรรจุในที่ได้รับอนุญาต แต่ไปติดสติกเกอร์และแพ็คโหลในที่ไม่ได้รับอนุญาต

มันน่าเสียดายครับ ที่เอาการจัดการผิด(จริง)ซึ่งพัฒนาได้ ไปทำลาย Branding ซึ่งสร้างยากมากๆ คุณคิดว่าการที่มันถูกดมโดน Lisa ถ้าต้องทำใหม่มันตีเป็นมูลค่าเท่าไหร่ การที่คนจีนเอายาดมหงส์ไทย เป็นภาพจำว่าสินค้าสมุนไพรไทยคุณภาพดี มันตีเป็นมูลค่าเท่าไหร่และมันทำยากแค่ไหน

เข้าใจครับ คิดในมุม authority ผิดก็คือผิด แต่ในการทำงานจริงมันติดขัดกว่านั้นครับ เงินทุน, ความรู้, แรงงาน, ทีมงาน, ความคุ้มทุน บางคนบริษัทให้ฝึกงานน้องคนเดียวยังบ่นแทบตาย

แล้วการตั้งโรงงานใหม่(ที่ได้มาตราฐาน) ให้ตอบสนอง order ของเค้า(ซึ่งน่าจะเยอะมาก) มันต้องคิดหลายๆอย่างมากๆครับ มันไม่ได้ทำทันกันง่ายๆนะ แต่ยังไงครับคุณจะไม่ตอบสนอง order ปัจุบันไปก่อน(ทั้งๆที่รู้ว่าไม่พร้อม)หรอ

ผิดก็ว่าไปตามผิดครับ แต่ก็ต้องสร้างผู้ประกอบการไปด้วยค่อยๆปรับกันไป ไม่ใช่ทำลาย branding กันแบบตอนนี้ มันน่าเสียดายจริงๆนะ  


อ่านเม้นท่านแล้วไม่เข้าใจเจตนาเท่าไร

ผมมองว่า การมี branding ที่แข็งแรงมากๆ ถือว่าเก่งมากๆ ใช้เวลานานมากๆ

แต่ไม่ใช้ข้ออ้างให้เจ้าหน้าที่ภาครัฐต้องอลุ่มอล่วยเมื่อทำผิดกฏหมายอย่างชัดเจน บอกแล้วเตือนแล้วไม่ทำ
มันไม่มีทางเลือกเลยครับ

เสียดายที่ปั้นแบรนด์มาขนาดนี้ แต่ดันมาพลาดแค่เรื่องอะไรแบบนี้


โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
นักเตะอบต.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Aug 2017
ตอบ: 538
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Oct 31, 2025 23:00
[RE: สรุป กรณี ยาดมสีเขียว]
qwertyy พิมพ์ว่า:
อ้างอิงจาก:
bennikun พิมพ์ว่า:
A.Felix พิมพ์ว่า:
bennikun พิมพ์ว่า:
กว่าจะสร้างธุรกิจขึ้นมาได้ไม่ใช่ง่ายๆ กว่าสินค้าจะติดตลาดยิ่งยากเข้าไปใหญ่

หลายๆคนทั้งชีวิตเป็นพนักงานประจำ ไม่เคยต้องต้องสร้างกิจการหรือแม้แต่บริหารกิจการจริงๆ ก็ไปว่าเค้าว่าทำไมไม่ทำให้ถูกต้องโดนมองแต่ฝ่ายเดียว

ก่อนอื่นสิ่งที่เกิดขึ้นคือมันก็ผิดจริงๆ ทั้ง
- เรื่่องสินค้า batch ที่เป็นข่าวไม่ได้มาตราฐาน เท่าที่ทราบมี batch เดียว
- ดำเนินกิจการที่ไม่ได้รับอนุญาต ผลิตและบรรจุในที่ได้รับอนุญาต แต่ไปติดสติกเกอร์และแพ็คโหลในที่ไม่ได้รับอนุญาต

มันน่าเสียดายครับ ที่เอาการจัดการผิด(จริง)ซึ่งพัฒนาได้ ไปทำลาย Branding ซึ่งสร้างยากมากๆ คุณคิดว่าการที่มันถูกดมโดน Lisa ถ้าต้องทำใหม่มันตีเป็นมูลค่าเท่าไหร่ การที่คนจีนเอายาดมหงส์ไทย เป็นภาพจำว่าสินค้าสมุนไพรไทยคุณภาพดี มันตีเป็นมูลค่าเท่าไหร่และมันทำยากแค่ไหน

เข้าใจครับ คิดในมุม authority ผิดก็คือผิด แต่ในการทำงานจริงมันติดขัดกว่านั้นครับ เงินทุน, ความรู้, แรงงาน, ทีมงาน, ความคุ้มทุน บางคนบริษัทให้ฝึกงานน้องคนเดียวยังบ่นแทบตาย

แล้วการตั้งโรงงานใหม่(ที่ได้มาตราฐาน) ให้ตอบสนอง order ของเค้า(ซึ่งน่าจะเยอะมาก) มันต้องคิดหลายๆอย่างมากๆครับ มันไม่ได้ทำทันกันง่ายๆนะ แต่ยังไงครับคุณจะไม่ตอบสนอง order ปัจุบันไปก่อน(ทั้งๆที่รู้ว่าไม่พร้อม)หรอ

ผิดก็ว่าไปตามผิดครับ แต่ก็ต้องสร้างผู้ประกอบการไปด้วยค่อยๆปรับกันไป ไม่ใช่ทำลาย branding กันแบบตอนนี้ มันน่าเสียดายจริงๆนะ  



ประเด็น batch/lot เดียวนั้น เพราะมันถูก verify แล้วว่าล็อตนี้แน่ๆ แต่ล็อตอื่นไม่ชัวร์ เพราะแบบนั้นเค้าต้องยึดทั้งหมดก่อน

อีกส่วนเรื่องโรงงานผลิต ได้รับอนุญาตินี่ อันนี้ผมอ่านไม่แตก ตาบอดหรือข่าวมันบิดเบือน ที่ว่าว่าผ่าน 1 plant อีก 3 เถื่อน ขนาดนี้มันก็เกินไป ผิดจริยธรรม กับธรรมาภิบาลไปหมด สนแต่ตัวเลขกำไรเลย  


ความเห็นผมนะ

1. เรื่องโรงงานนี่ผมว่าผมพอเข้าใจในฐานะผู้ประกอบการ(ซึ่งไม่ได้หมายความว่าทำถูกนะ) ถ้าเป็นผมผมก็อยากขายของนะ เดิมๆของไม่ได้ขายดีขนาดนั้นเจอ Lisa เข้าไปจน overcapacity แต่จะอดใจไม่ขายก็ไม่ไหวอยากขายของให้ได้(โลภแต่ไม่ใช่อาชญากร) แต่ในอีกมุมนึงก็ไม่กล้าลงทุนใหญ่ กลัวความต้องการมันจะกลับไปค่าเดิมนี่ก็เจ๊งได้เหมือนกัน มันทำใจยากเหมือนกันนะ
>> ความเห็นผมในประเด็นนี้ อย. ควรให้โอกาสและคิดในมุมที่บูรณาการกว่านี้ เช่น เรื่องเงินทุน หรือ หาทางให้เค้าได้ร่วมทุนกับนายทุน หรือ หาทางให้เค้าได้เอาสูตรไปผลิตในโรงงานกลาง(เพื่อรองรับ order ระหว่างปรับสเกล) ไม่ใช่ผลักไปให้ผู้ประกอบการกลับไปแก้เองทั้งหมด ตัวงานจริงมันมีมุมให้คิดมากกว่าแค่ตัว product อ่ะครับ
>> sme เดี๋ยวนี้ยากขึ้นทุกวันครับ เจ้าใหญ่ก็ลงมาแข่งแทบทุกตลาด ก็อยากให้ให้โอกาสเจ้าของได้เติบโต/เรียนรู้ไปด้วย ไหนๆ brand ก็ฟลุ้กโตได้แล้ว

2. เรื่องเจอ bacteria เกินมาตรฐาน อันนี้ อย. ทำถูกครึ่งนึงคือตรวจน่ะดีแล้ว แต่ก็บอกแค่ว่าเกินมาตราฐาน แต่ไม่ได้บอกว่าเกินไปเท่าไหร่ เกินไปมากหรือเกินไปนิดเดียว และไม่ได้บอกว่า bacteria ที่เจอเป็นประเภทไหน และก็อย่างที่คุณบอก ประชาชนตอนนี้รู้แค่ batch นี้แต่ไม่รู้เลยว่าปัญหาจริงๆมีมากและกว้างแค่ไหน
>> ปัญหาคือ มันก็จะลามไปผู้ประกอบการเจ้าอื่นๆด้วยน่ะสิครับ มันกลายเป็นกระทบเจ้าที่เค้าอาจจะไม่มีปัญหาด้วย ถ้า อย. scope ปัญหาให้ชัดว่า อยู่ที่วัตถุดิบ การผลิต หรือ การขนส่ง และเป็น bacteria ตัวไหน เจ้าอื่นๆเค้าจะได้ออกมาชี้แจงตัวเองได้
>> ในมุมมองต่างชาติ กลายเป็นว่า product ที่เป็นสมุนไพรไทยจะโดนมองลบไปด้วยทั้งหมดครับ เวลารัฐสื่อสารมันควรจะคิดรอบด้านไม่ใช่คิดแค่ใน silo ของตัวเอง  
 


ประเด็น 1 ถ้าฟังจากข่าว เค้าไม่มีได้มีปัญหาเรื่อง ไม่มีเงินสร้างโรงงานนะครับ เค้าสร้างโรงงานแล้ว ผลิตแล้ว ส่งขายแล้ว แต่เค้าไม่ไปขออนุญาตให้มันถูกต้อง ตามหลักแล้วสร้างโรงงานผลิต ยา ควรจะมีการตรวจ โดยผู้ช่วยชาญ ว่าดีพอที่ผลิตได้ครับ แล้วถึงผลิตออกจำหน่าย

2.เชื่อที่เจอเป็น clostridium spp.yeast mold เกินมาตรฐานครับ ซึ่งถ้าใช้ในคนภูมิต่ำ ทำให้ติดเชื้อจนเสียชีวิตได้ครับ  


1. ผมก็ฟังจากข่าว เค้าอ้างว่า โรงที่มีปัญหา ไม่ได้ผลิตแต่เอาไว้ติด sticker และ แพ็คโหล ส่วนเรื่องเงินเค้าบอกเค้าต้องกู้เงินราว300ล้านเพื่อทำให้ได้ตามาตราฐาน แต่ถ้าจากที่คุณบอกแสดงว่าเค้าสร้างโรงงานเสร็จแล้วแต่มักง่ายเดินงานทั้งๆที่ยังไม่ได้รับการรับรอง << ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ก็ไม่ค่อยน่าเห็นใจ

2. ส่วน เชื่อที่เจอเป็น clostridium spp.yeast mold ผมว่าคุณน่าจะไม่ใช่สายโรงงานเลยฟังข่าวแล้วงง ผมอ้างอิงจากรายงานของ อย.นะ บางทีนักข่าวก็อ่านไม่เข้าใจเลยรายงานให้คนทั่วไปงงไปด้วย ตามรายงานเค้าบอกกระบวนการที่ตรวจครับ ไม่ได้บอกว่าเชื้อคืออะไร และมากเกินไปเท่าไหร่ สรุปคือรายงานบอกแค่ว่า พบ Clostridium spp. และ yeast/mold เกินมาตรฐาน ซึ่ง Clostridium spp.(spp มาจากคำว่า species plural) มันไม่ใช่ชื่อเชื้อแต่บอกว่าเจอเชื้อที่มี spore ซึ่งอาจหมายถึงได้หลายชนิด มีทั้งร้ายแรงและไม่ร้ายแรง(บางอันแค่ท้องเสีย บางอันถึงเสียชีวิต)
อ้างอิง: https://safetyalert.fda.moph.go.th/announcement-of-analytical-results/g-309-62
แก้ไขล่าสุดโดย bennikun เมื่อ Fri Oct 31, 2025 23:01, ทั้งหมด 1 ครั้ง
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ค.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 19 Oct 2009
ตอบ: 5801
ที่อยู่: ในใจสาวๆข้างบ้าน
โพสเมื่อ: Fri Oct 31, 2025 23:07
[RE]สรุป กรณี ยาดมสีเขียว
ผมก็ว่าตามผิด การขอ อย ไม่ยาก แต่เลือกจะไม่ขอ เอง
โพสต์บนแอป Soccersuck บน iOS
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะท้ายซอย
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 24 Jun 2019
ตอบ: 329
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Oct 31, 2025 23:10
[RE: สรุป กรณี ยาดมสีเขียว]
Spoil
bennikun พิมพ์ว่า:
qwertyy พิมพ์ว่า:
อ้างอิงจาก:
bennikun พิมพ์ว่า:
A.Felix พิมพ์ว่า:
bennikun พิมพ์ว่า:
กว่าจะสร้างธุรกิจขึ้นมาได้ไม่ใช่ง่ายๆ กว่าสินค้าจะติดตลาดยิ่งยากเข้าไปใหญ่

หลายๆคนทั้งชีวิตเป็นพนักงานประจำ ไม่เคยต้องต้องสร้างกิจการหรือแม้แต่บริหารกิจการจริงๆ ก็ไปว่าเค้าว่าทำไมไม่ทำให้ถูกต้องโดนมองแต่ฝ่ายเดียว

ก่อนอื่นสิ่งที่เกิดขึ้นคือมันก็ผิดจริงๆ ทั้ง
- เรื่่องสินค้า batch ที่เป็นข่าวไม่ได้มาตราฐาน เท่าที่ทราบมี batch เดียว
- ดำเนินกิจการที่ไม่ได้รับอนุญาต ผลิตและบรรจุในที่ได้รับอนุญาต แต่ไปติดสติกเกอร์และแพ็คโหลในที่ไม่ได้รับอนุญาต

มันน่าเสียดายครับ ที่เอาการจัดการผิด(จริง)ซึ่งพัฒนาได้ ไปทำลาย Branding ซึ่งสร้างยากมากๆ คุณคิดว่าการที่มันถูกดมโดน Lisa ถ้าต้องทำใหม่มันตีเป็นมูลค่าเท่าไหร่ การที่คนจีนเอายาดมหงส์ไทย เป็นภาพจำว่าสินค้าสมุนไพรไทยคุณภาพดี มันตีเป็นมูลค่าเท่าไหร่และมันทำยากแค่ไหน

เข้าใจครับ คิดในมุม authority ผิดก็คือผิด แต่ในการทำงานจริงมันติดขัดกว่านั้นครับ เงินทุน, ความรู้, แรงงาน, ทีมงาน, ความคุ้มทุน บางคนบริษัทให้ฝึกงานน้องคนเดียวยังบ่นแทบตาย

แล้วการตั้งโรงงานใหม่(ที่ได้มาตราฐาน) ให้ตอบสนอง order ของเค้า(ซึ่งน่าจะเยอะมาก) มันต้องคิดหลายๆอย่างมากๆครับ มันไม่ได้ทำทันกันง่ายๆนะ แต่ยังไงครับคุณจะไม่ตอบสนอง order ปัจุบันไปก่อน(ทั้งๆที่รู้ว่าไม่พร้อม)หรอ

ผิดก็ว่าไปตามผิดครับ แต่ก็ต้องสร้างผู้ประกอบการไปด้วยค่อยๆปรับกันไป ไม่ใช่ทำลาย branding กันแบบตอนนี้ มันน่าเสียดายจริงๆนะ  



ประเด็น batch/lot เดียวนั้น เพราะมันถูก verify แล้วว่าล็อตนี้แน่ๆ แต่ล็อตอื่นไม่ชัวร์ เพราะแบบนั้นเค้าต้องยึดทั้งหมดก่อน

อีกส่วนเรื่องโรงงานผลิต ได้รับอนุญาตินี่ อันนี้ผมอ่านไม่แตก ตาบอดหรือข่าวมันบิดเบือน ที่ว่าว่าผ่าน 1 plant อีก 3 เถื่อน ขนาดนี้มันก็เกินไป ผิดจริยธรรม กับธรรมาภิบาลไปหมด สนแต่ตัวเลขกำไรเลย  


ความเห็นผมนะ

1. เรื่องโรงงานนี่ผมว่าผมพอเข้าใจในฐานะผู้ประกอบการ(ซึ่งไม่ได้หมายความว่าทำถูกนะ) ถ้าเป็นผมผมก็อยากขายของนะ เดิมๆของไม่ได้ขายดีขนาดนั้นเจอ Lisa เข้าไปจน overcapacity แต่จะอดใจไม่ขายก็ไม่ไหวอยากขายของให้ได้(โลภแต่ไม่ใช่อาชญากร) แต่ในอีกมุมนึงก็ไม่กล้าลงทุนใหญ่ กลัวความต้องการมันจะกลับไปค่าเดิมนี่ก็เจ๊งได้เหมือนกัน มันทำใจยากเหมือนกันนะ
>> ความเห็นผมในประเด็นนี้ อย. ควรให้โอกาสและคิดในมุมที่บูรณาการกว่านี้ เช่น เรื่องเงินทุน หรือ หาทางให้เค้าได้ร่วมทุนกับนายทุน หรือ หาทางให้เค้าได้เอาสูตรไปผลิตในโรงงานกลาง(เพื่อรองรับ order ระหว่างปรับสเกล) ไม่ใช่ผลักไปให้ผู้ประกอบการกลับไปแก้เองทั้งหมด ตัวงานจริงมันมีมุมให้คิดมากกว่าแค่ตัว product อ่ะครับ
>> sme เดี๋ยวนี้ยากขึ้นทุกวันครับ เจ้าใหญ่ก็ลงมาแข่งแทบทุกตลาด ก็อยากให้ให้โอกาสเจ้าของได้เติบโต/เรียนรู้ไปด้วย ไหนๆ brand ก็ฟลุ้กโตได้แล้ว

2. เรื่องเจอ bacteria เกินมาตรฐาน อันนี้ อย. ทำถูกครึ่งนึงคือตรวจน่ะดีแล้ว แต่ก็บอกแค่ว่าเกินมาตราฐาน แต่ไม่ได้บอกว่าเกินไปเท่าไหร่ เกินไปมากหรือเกินไปนิดเดียว และไม่ได้บอกว่า bacteria ที่เจอเป็นประเภทไหน และก็อย่างที่คุณบอก ประชาชนตอนนี้รู้แค่ batch นี้แต่ไม่รู้เลยว่าปัญหาจริงๆมีมากและกว้างแค่ไหน
>> ปัญหาคือ มันก็จะลามไปผู้ประกอบการเจ้าอื่นๆด้วยน่ะสิครับ มันกลายเป็นกระทบเจ้าที่เค้าอาจจะไม่มีปัญหาด้วย ถ้า อย. scope ปัญหาให้ชัดว่า อยู่ที่วัตถุดิบ การผลิต หรือ การขนส่ง และเป็น bacteria ตัวไหน เจ้าอื่นๆเค้าจะได้ออกมาชี้แจงตัวเองได้
>> ในมุมมองต่างชาติ กลายเป็นว่า product ที่เป็นสมุนไพรไทยจะโดนมองลบไปด้วยทั้งหมดครับ เวลารัฐสื่อสารมันควรจะคิดรอบด้านไม่ใช่คิดแค่ใน silo ของตัวเอง  
 


ประเด็น 1 ถ้าฟังจากข่าว เค้าไม่มีได้มีปัญหาเรื่อง ไม่มีเงินสร้างโรงงานนะครับ เค้าสร้างโรงงานแล้ว ผลิตแล้ว ส่งขายแล้ว แต่เค้าไม่ไปขออนุญาตให้มันถูกต้อง ตามหลักแล้วสร้างโรงงานผลิต ยา ควรจะมีการตรวจ โดยผู้ช่วยชาญ ว่าดีพอที่ผลิตได้ครับ แล้วถึงผลิตออกจำหน่าย

2.เชื่อที่เจอเป็น clostridium spp.yeast mold เกินมาตรฐานครับ ซึ่งถ้าใช้ในคนภูมิต่ำ ทำให้ติดเชื้อจนเสียชีวิตได้ครับ  


1. ผมก็ฟังจากข่าว เค้าอ้างว่า โรงที่มีปัญหา ไม่ได้ผลิตแต่เอาไว้ติด sticker และ แพ็คโหล ส่วนเรื่องเงินเค้าบอกเค้าต้องกู้เงินราว300ล้านเพื่อทำให้ได้ตามาตราฐาน แต่ถ้าจากที่คุณบอกแสดงว่าเค้าสร้างโรงงานเสร็จแล้วแต่มักง่ายเดินงานทั้งๆที่ยังไม่ได้รับการรับรอง << ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ก็ไม่ค่อยน่าเห็นใจ

2. ส่วน เชื่อที่เจอเป็น clostridium spp.yeast mold ผมว่าคุณน่าจะไม่ใช่สายโรงงานเลยฟังข่าวแล้วงง ผมอ้างอิงจากรายงานของ อย.นะ บางทีนักข่าวก็อ่านไม่เข้าใจเลยรายงานให้คนทั่วไปงงไปด้วย ตามรายงานเค้าบอกกระบวนการที่ตรวจครับ ไม่ได้บอกว่าเชื้อคืออะไร และมากเกินไปเท่าไหร่ สรุปคือรายงานบอกแค่ว่า พบ Clostridium spp. และ yeast/mold เกินมาตรฐาน ซึ่ง Clostridium spp.(spp มาจากคำว่า species plural) มันไม่ใช่ชื่อเชื้อแต่บอกว่าเจอเชื้อที่มี spore ซึ่งอาจหมายถึงได้หลายชนิด มีทั้งร้ายแรงและไม่ร้ายแรง(บางอันแค่ท้องเสีย บางอันถึงเสียชีวิต)
อ้างอิง: https://safetyalert.fda.moph.go.th/announcement-of-analytical-results/g-309-62  
 


https://www.fda.moph.go.th/news/2910/

ตามลิ้งค์นี้คือ Clostridium perfringens ครับ แล้วก็บอกทั่วไปโดยรวม ผมทราบดีว่าการบอกเป็น total count มันไม่ได้ identified ครับ แต่มันเป็นเกณฑ์มาตรฐานตาม pharmacopiaในการผลิตยา ถึงคุณจะบอกว่า อาจจะร้ายแรงและไม่ร้ายแรง สำหรับคนทั่วไป แต่ถ้าเจอในคนที่ vulnerable สามารถ lead to death ได้หมดครับ

ตามลิ้ง คือ total aerobic microbial count nmt 200 colonies per gram
Total yeast and mold count 20 colonies / gram
และต้องไม่เจอ s.aureus p.aeruginosa costidium ครับ

ซึ่งการที่บอกเกิน ก็คือเกินครับ มันไม่มีความจำเป็นต้องมาบอกว่าเกินเท่าไหร่ครับ

0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
นักเตะอบต.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Aug 2017
ตอบ: 538
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Oct 31, 2025 23:21
[RE: สรุป กรณี ยาดมสีเขียว]
LoneTrait พิมพ์ว่า:
bennikun พิมพ์ว่า:
กว่าจะสร้างธุรกิจขึ้นมาได้ไม่ใช่ง่ายๆ กว่าสินค้าจะติดตลาดยิ่งยากเข้าไปใหญ่

หลายๆคนทั้งชีวิตเป็นพนักงานประจำ ไม่เคยต้องต้องสร้างกิจการหรือแม้แต่บริหารกิจการจริงๆ ก็ไปว่าเค้าว่าทำไมไม่ทำให้ถูกต้องโดนมองแต่ฝ่ายเดียว

ก่อนอื่นสิ่งที่เกิดขึ้นคือมันก็ผิดจริงๆ ทั้ง
- เรื่่องสินค้า batch ที่เป็นข่าวไม่ได้มาตราฐาน เท่าที่ทราบมี batch เดียว
- ดำเนินกิจการที่ไม่ได้รับอนุญาต ผลิตและบรรจุในที่ได้รับอนุญาต แต่ไปติดสติกเกอร์และแพ็คโหลในที่ไม่ได้รับอนุญาต

มันน่าเสียดายครับ ที่เอาการจัดการผิด(จริง)ซึ่งพัฒนาได้ ไปทำลาย Branding ซึ่งสร้างยากมากๆ คุณคิดว่าการที่มันถูกดมโดน Lisa ถ้าต้องทำใหม่มันตีเป็นมูลค่าเท่าไหร่ การที่คนจีนเอายาดมหงส์ไทย เป็นภาพจำว่าสินค้าสมุนไพรไทยคุณภาพดี มันตีเป็นมูลค่าเท่าไหร่และมันทำยากแค่ไหน

เข้าใจครับ คิดในมุม authority ผิดก็คือผิด แต่ในการทำงานจริงมันติดขัดกว่านั้นครับ เงินทุน, ความรู้, แรงงาน, ทีมงาน, ความคุ้มทุน บางคนบริษัทให้ฝึกงานน้องคนเดียวยังบ่นแทบตาย

แล้วการตั้งโรงงานใหม่(ที่ได้มาตราฐาน) ให้ตอบสนอง order ของเค้า(ซึ่งน่าจะเยอะมาก) มันต้องคิดหลายๆอย่างมากๆครับ มันไม่ได้ทำทันกันง่ายๆนะ แต่ยังไงครับคุณจะไม่ตอบสนอง order ปัจุบันไปก่อน(ทั้งๆที่รู้ว่าไม่พร้อม)หรอ

ผิดก็ว่าไปตามผิดครับ แต่ก็ต้องสร้างผู้ประกอบการไปด้วยค่อยๆปรับกันไป ไม่ใช่ทำลาย branding กันแบบตอนนี้ มันน่าเสียดายจริงๆนะ  


อ่านเม้นท่านแล้วไม่เข้าใจเจตนาเท่าไร

ผมมองว่า การมี branding ที่แข็งแรงมากๆ ถือว่าเก่งมากๆ ใช้เวลานานมากๆ

แต่ไม่ใช้ข้ออ้างให้เจ้าหน้าที่ภาครัฐต้องอลุ่มอล่วยเมื่อทำผิดกฏหมายอย่างชัดเจน บอกแล้วเตือนแล้วไม่ทำ
มันไม่มีทางเลือกเลยครับ

เสียดายที่ปั้นแบรนด์มาขนาดนี้ แต่ดันมาพลาดแค่เรื่องอะไรแบบนี้


 


บอกก่อนว่าผมไม่เคยใช้ของเค้าเลยนะ ไม่ได้มีความลำเอียงใดๆ

ที่ผมจะบอกคือ branding เค้าเดิมๆมันก็ไม่ใช่หัวแถวของตลาดจน Lisa เอาไปใช้ทำให้อยู่ๆก็มี order เข้ามาเกินกำลังในช่วงสั้นๆ ซึ่งสำหรับ SME มันก็เป็นโอกาสใหญ่ที่จะขายของ แต่ปัญหาคือเจ้าของ Brand น่าจะไม่ได้เก่งขนาดบริหารโรงงานใน scale ใหญ่เท่ากับ demand ที่เข้ามา ซึ่งงาน routine ก็ต้องทำ งานขยายก็ต้องเอา ซึ่งย้ำอีกที ผมไม่ได้บอกว่าทำถูก แต่ผมเข้าใจ

ส่วนวิธีที่ผู้บังคับกฏจะใช้กับผู้ประกอบการ มันก็จะเข้มงวดถือไม้เรียวหวดก็ได้(เหมือนตำรวจจับโจร) แต่มันก็มองในมุมพัฒนาธุรกิจได้เหมือนกัน(พัฒนาสังคม, พาณิชย์) ในทางธุรกิจมันมีทางออกสำหรับเค้าอีกเยอะครับ แต่บางที connection ความรู้/ความกล้า เค้าอาจจะไม่พอ ลอกนึกในมุมเรา up scale โรงงานเพื่อขายของที่กระแสมาจาก Lisa(ไม่ใช่ organic marketing) ผมก็กลัวมันจะหายไปแล้วผมต้องมาแบกรับโรงงานที่กำลังการผลิตเกินยอดขายเหมือนกันนะ แต่ยอดตรงหน้าก็อยากได้

จากข่าวเค้าอ้างว่า โรงงานที่ไม่ได้รับอนุญาตมันคือส่วน packaging คือเค้าไม่ได้ scale ส่วน production อันนี้น่าสงสัยเหมือนกันนะว่าผลิตเองรึเปล่า คือผิดอ่ะผิดอยู่แล้วแต่ผมอยากให้รัฐฉลาดพอที่จะรักษาผู้ประกอบการที่มี potential ให้โตได้แบบอยู่ในร่องในรอยด้วย ไม่ใช่ฟันผิดถูกอย่างเดียว
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
นักเตะอบต.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Aug 2017
ตอบ: 538
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Oct 31, 2025 23:44
[RE: สรุป กรณี ยาดมสีเขียว]
qwertyy พิมพ์ว่า:
Spoil
bennikun พิมพ์ว่า:
qwertyy พิมพ์ว่า:
อ้างอิงจาก:
bennikun พิมพ์ว่า:
A.Felix พิมพ์ว่า:
bennikun พิมพ์ว่า:
กว่าจะสร้างธุรกิจขึ้นมาได้ไม่ใช่ง่ายๆ กว่าสินค้าจะติดตลาดยิ่งยากเข้าไปใหญ่

หลายๆคนทั้งชีวิตเป็นพนักงานประจำ ไม่เคยต้องต้องสร้างกิจการหรือแม้แต่บริหารกิจการจริงๆ ก็ไปว่าเค้าว่าทำไมไม่ทำให้ถูกต้องโดนมองแต่ฝ่ายเดียว

ก่อนอื่นสิ่งที่เกิดขึ้นคือมันก็ผิดจริงๆ ทั้ง
- เรื่่องสินค้า batch ที่เป็นข่าวไม่ได้มาตราฐาน เท่าที่ทราบมี batch เดียว
- ดำเนินกิจการที่ไม่ได้รับอนุญาต ผลิตและบรรจุในที่ได้รับอนุญาต แต่ไปติดสติกเกอร์และแพ็คโหลในที่ไม่ได้รับอนุญาต

มันน่าเสียดายครับ ที่เอาการจัดการผิด(จริง)ซึ่งพัฒนาได้ ไปทำลาย Branding ซึ่งสร้างยากมากๆ คุณคิดว่าการที่มันถูกดมโดน Lisa ถ้าต้องทำใหม่มันตีเป็นมูลค่าเท่าไหร่ การที่คนจีนเอายาดมหงส์ไทย เป็นภาพจำว่าสินค้าสมุนไพรไทยคุณภาพดี มันตีเป็นมูลค่าเท่าไหร่และมันทำยากแค่ไหน

เข้าใจครับ คิดในมุม authority ผิดก็คือผิด แต่ในการทำงานจริงมันติดขัดกว่านั้นครับ เงินทุน, ความรู้, แรงงาน, ทีมงาน, ความคุ้มทุน บางคนบริษัทให้ฝึกงานน้องคนเดียวยังบ่นแทบตาย

แล้วการตั้งโรงงานใหม่(ที่ได้มาตราฐาน) ให้ตอบสนอง order ของเค้า(ซึ่งน่าจะเยอะมาก) มันต้องคิดหลายๆอย่างมากๆครับ มันไม่ได้ทำทันกันง่ายๆนะ แต่ยังไงครับคุณจะไม่ตอบสนอง order ปัจุบันไปก่อน(ทั้งๆที่รู้ว่าไม่พร้อม)หรอ

ผิดก็ว่าไปตามผิดครับ แต่ก็ต้องสร้างผู้ประกอบการไปด้วยค่อยๆปรับกันไป ไม่ใช่ทำลาย branding กันแบบตอนนี้ มันน่าเสียดายจริงๆนะ  



ประเด็น batch/lot เดียวนั้น เพราะมันถูก verify แล้วว่าล็อตนี้แน่ๆ แต่ล็อตอื่นไม่ชัวร์ เพราะแบบนั้นเค้าต้องยึดทั้งหมดก่อน

อีกส่วนเรื่องโรงงานผลิต ได้รับอนุญาตินี่ อันนี้ผมอ่านไม่แตก ตาบอดหรือข่าวมันบิดเบือน ที่ว่าว่าผ่าน 1 plant อีก 3 เถื่อน ขนาดนี้มันก็เกินไป ผิดจริยธรรม กับธรรมาภิบาลไปหมด สนแต่ตัวเลขกำไรเลย  


ความเห็นผมนะ

1. เรื่องโรงงานนี่ผมว่าผมพอเข้าใจในฐานะผู้ประกอบการ(ซึ่งไม่ได้หมายความว่าทำถูกนะ) ถ้าเป็นผมผมก็อยากขายของนะ เดิมๆของไม่ได้ขายดีขนาดนั้นเจอ Lisa เข้าไปจน overcapacity แต่จะอดใจไม่ขายก็ไม่ไหวอยากขายของให้ได้(โลภแต่ไม่ใช่อาชญากร) แต่ในอีกมุมนึงก็ไม่กล้าลงทุนใหญ่ กลัวความต้องการมันจะกลับไปค่าเดิมนี่ก็เจ๊งได้เหมือนกัน มันทำใจยากเหมือนกันนะ
>> ความเห็นผมในประเด็นนี้ อย. ควรให้โอกาสและคิดในมุมที่บูรณาการกว่านี้ เช่น เรื่องเงินทุน หรือ หาทางให้เค้าได้ร่วมทุนกับนายทุน หรือ หาทางให้เค้าได้เอาสูตรไปผลิตในโรงงานกลาง(เพื่อรองรับ order ระหว่างปรับสเกล) ไม่ใช่ผลักไปให้ผู้ประกอบการกลับไปแก้เองทั้งหมด ตัวงานจริงมันมีมุมให้คิดมากกว่าแค่ตัว product อ่ะครับ
>> sme เดี๋ยวนี้ยากขึ้นทุกวันครับ เจ้าใหญ่ก็ลงมาแข่งแทบทุกตลาด ก็อยากให้ให้โอกาสเจ้าของได้เติบโต/เรียนรู้ไปด้วย ไหนๆ brand ก็ฟลุ้กโตได้แล้ว

2. เรื่องเจอ bacteria เกินมาตรฐาน อันนี้ อย. ทำถูกครึ่งนึงคือตรวจน่ะดีแล้ว แต่ก็บอกแค่ว่าเกินมาตราฐาน แต่ไม่ได้บอกว่าเกินไปเท่าไหร่ เกินไปมากหรือเกินไปนิดเดียว และไม่ได้บอกว่า bacteria ที่เจอเป็นประเภทไหน และก็อย่างที่คุณบอก ประชาชนตอนนี้รู้แค่ batch นี้แต่ไม่รู้เลยว่าปัญหาจริงๆมีมากและกว้างแค่ไหน
>> ปัญหาคือ มันก็จะลามไปผู้ประกอบการเจ้าอื่นๆด้วยน่ะสิครับ มันกลายเป็นกระทบเจ้าที่เค้าอาจจะไม่มีปัญหาด้วย ถ้า อย. scope ปัญหาให้ชัดว่า อยู่ที่วัตถุดิบ การผลิต หรือ การขนส่ง และเป็น bacteria ตัวไหน เจ้าอื่นๆเค้าจะได้ออกมาชี้แจงตัวเองได้
>> ในมุมมองต่างชาติ กลายเป็นว่า product ที่เป็นสมุนไพรไทยจะโดนมองลบไปด้วยทั้งหมดครับ เวลารัฐสื่อสารมันควรจะคิดรอบด้านไม่ใช่คิดแค่ใน silo ของตัวเอง  
 


ประเด็น 1 ถ้าฟังจากข่าว เค้าไม่มีได้มีปัญหาเรื่อง ไม่มีเงินสร้างโรงงานนะครับ เค้าสร้างโรงงานแล้ว ผลิตแล้ว ส่งขายแล้ว แต่เค้าไม่ไปขออนุญาตให้มันถูกต้อง ตามหลักแล้วสร้างโรงงานผลิต ยา ควรจะมีการตรวจ โดยผู้ช่วยชาญ ว่าดีพอที่ผลิตได้ครับ แล้วถึงผลิตออกจำหน่าย

2.เชื่อที่เจอเป็น clostridium spp.yeast mold เกินมาตรฐานครับ ซึ่งถ้าใช้ในคนภูมิต่ำ ทำให้ติดเชื้อจนเสียชีวิตได้ครับ  


1. ผมก็ฟังจากข่าว เค้าอ้างว่า โรงที่มีปัญหา ไม่ได้ผลิตแต่เอาไว้ติด sticker และ แพ็คโหล ส่วนเรื่องเงินเค้าบอกเค้าต้องกู้เงินราว300ล้านเพื่อทำให้ได้ตามาตราฐาน แต่ถ้าจากที่คุณบอกแสดงว่าเค้าสร้างโรงงานเสร็จแล้วแต่มักง่ายเดินงานทั้งๆที่ยังไม่ได้รับการรับรอง << ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ก็ไม่ค่อยน่าเห็นใจ

2. ส่วน เชื่อที่เจอเป็น clostridium spp.yeast mold ผมว่าคุณน่าจะไม่ใช่สายโรงงานเลยฟังข่าวแล้วงง ผมอ้างอิงจากรายงานของ อย.นะ บางทีนักข่าวก็อ่านไม่เข้าใจเลยรายงานให้คนทั่วไปงงไปด้วย ตามรายงานเค้าบอกกระบวนการที่ตรวจครับ ไม่ได้บอกว่าเชื้อคืออะไร และมากเกินไปเท่าไหร่ สรุปคือรายงานบอกแค่ว่า พบ Clostridium spp. และ yeast/mold เกินมาตรฐาน ซึ่ง Clostridium spp.(spp มาจากคำว่า species plural) มันไม่ใช่ชื่อเชื้อแต่บอกว่าเจอเชื้อที่มี spore ซึ่งอาจหมายถึงได้หลายชนิด มีทั้งร้ายแรงและไม่ร้ายแรง(บางอันแค่ท้องเสีย บางอันถึงเสียชีวิต)
อ้างอิง: https://safetyalert.fda.moph.go.th/announcement-of-analytical-results/g-309-62  
 


https://www.fda.moph.go.th/news/2910/

ตามลิ้งค์นี้คือ Clostridium perfringens ครับ แล้วก็บอกทั่วไปโดยรวม ผมทราบดีว่าการบอกเป็น total count มันไม่ได้ identified ครับ แต่มันเป็นเกณฑ์มาตรฐานตาม pharmacopiaในการผลิตยา ถึงคุณจะบอกว่า อาจจะร้ายแรงและไม่ร้ายแรง สำหรับคนทั่วไป แต่ถ้าเจอในคนที่ vulnerable สามารถ lead to death ได้หมดครับ

ตามลิ้ง คือ total aerobic microbial count nmt 200 colonies per gram
Total yeast and mold count 20 colonies / gram
และต้องไม่เจอ s.aureus p.aeruginosa costidium ครับ

ซึ่งการที่บอกเกิน ก็คือเกินครับ มันไม่มีความจำเป็นต้องมาบอกว่าเกินเท่าไหร่ครับ

 


ใช่แล้ว Clostridium perfringens อันนี้เป็นชื่อเชื้อก่อโรค ต่างจากที่คุณอ้างอิงก่อนหน้า clostridium spp.yeast mold ที่ไม่ได้สื่อถึงตัวเชื้อใดตัวหนึ่ง

และใช่ครับ อย. ใช้เกณฑ์ตามหน้าที่ถูกต้องแล้ว เกินก็คือเกิน

แต่ผมไม่ได้บอกตรงไหนเลยนะเรื่องความผิดถูกในการตัดสิน ผมอ้างอิงถึงการสื่อสารสู่สาธารณะ ซึ่งคุณบอกว่า "ซึ่งการที่บอกเกิน ก็คือเกินครับ มันไม่มีความจำเป็นต้องมาบอกว่าเกินเท่าไหร่ครับ" อันนี้คือการสื่อสารในเชิงถูกผิด แต่ที่ผมบอกว่าควรสื่อสารความรุนแรงแก่ประชาชน สังคมจะได้ประเมิณความเสี่ยงถูกไงครับ(ยิ่งเกินมากยิ่งต้องระวังมาก)

ซึ่งคุณจะบอกว่า ไม่ๆไม่ต้องบอกสิ แค่เค้าบอกให้ระวังก็ควรเลิกใช้ได้แล้ว(ตัดขาวตัดดำ) มันก็คือความเห็นอีกความเห็นนึงซึ่งผมก็ไม่ได้คิดว่าผิดนะ แค่ว่าสำหรับผมยิ่งสื่อสารที่เจาะจงและมีรายละเอียดมันจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมมากกว่า
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel