“ฮาโลวีน” จากพิธีกรรมโบราณสู่เทศกาลแฟนซีระดับโลก ☠
จุดกำเนิดจากพิธีโบราณของชาวเคลต์
หากย้อนเวลากลับไปกว่า 2,000 ปีที่แล้ว ในดินแดนยุโรปตอนเหนือ ชาวเคลต์ (Celt) มีเทศกาลสำคัญชื่อว่า
“ซาววิน” จัดขึ้นในคืนสุดท้ายของเดือนตุลาคม เพื่อเฉลิมฉลอง “จบฤดูเก็บเกี่ยว” และเริ่มต้น “ฤดูหนาว” ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าเป็นช่วงเวลาที่โลกของคนเป็นและคนตาย “ใกล้กันมากที่สุด”
ในคืนนั้น วิญญาณของผู้ล่วงลับจะกลับมาเยี่ยมบ้าน บางดวงอาจนำโชคดีมาให้ แต่บางดวงก็อาจนำสิ่งไม่ดีมาด้วย เพื่อป้องกันภัยเหล่านี้ ชาวเคลต์จึงก่อกองไฟ จุดคบเพลิง และสวมหน้ากากสัตว์หรือปีศาจ เพื่อหลอกไม่ให้วิญญาณจำได้ว่าเป็นใคร นี่คือจุดเริ่มต้นของ “การแต่งแฟนซีในวันฮาโลวีน”
️
เมื่อศาสนาคริสต์เข้ามาเปลี่ยนความหมาย
ในศตวรรษที่ 8 ศาสนาคริสต์เริ่มแพร่หลายไปทั่วยุโรป พระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 3 ได้กำหนดวันที่ 1 พฤศจิกายน ให้เป็น “วันนักบุญทั้งหมด” (All Saints’ Day) เพื่อเป็นเกียรติแก่เหล่านักบุญและผู้ศรัทธาในพระเจ้า
คืนก่อนหน้านั้นคือ
All Hallows’ Eve ซึ่งหมายถึง “ค่ำคืนก่อนวันนักบุญ”
คำว่า All Hallows’ Eve นี้เอง ค่อย ๆ ถูกย่อและเพี้ยนเสียงมาเป็น
Halloween ในเวลาต่อมา
จากตำนานสู่ความสนุก “Trick or Treat”
ประเพณีที่เด็ก ๆ เคาะประตูบ้านเพื่อขอขนมพร้อมตะโกนว่า “Trick or Treat!” เริ่มต้นในศตวรรษที่ 19 จากความเชื่อว่า “การให้ขนม” จะช่วยให้วิญญาณสงบ และไม่มาก่อกวนคนเป็น
คำว่า “Trick or Treat” แปลว่า “จะให้ขนมหรือจะให้แกล้ง” สื่อถึงการเลือกว่าจะใจดีหรืออยากเจอเรื่องป่วนจากเหล่าผีตัวน้อย
ในยุคปัจจุบัน ฮาโลวีนกลายเป็นเทศกาลแห่งสีสัน ความคิดสร้างสรรค์ และแฟนซีการแต่งผีอย่างสนุกสนานทั้งเด็กและผู้ใหญ่