จากฟุตบอลสมัยใหม่ แทคติกจ๋าๆ ต้องรับส่งบอลแม่นยำ ไม่เล่นเสี่ยง เน้นต่อบอลไปมา มันเป็นแบบนี้มาสักพักใหญ่ๆ

ผมให้ตั้งแต่สเปนขึ้นมาคว้าแชมป์ยูปโร 2008 ลากยาวมาแชมป์โลก 2010 จบที่ป้องกันแชมป์ยูโร 2012

กระแสฟุตบอลมันจึงเริ่มมาทางนี้ แล้วปรับเปลี่ยนแทคติกตามแต่ละโค้ช แต่ก้อนใหญ่ๆมันคือการครองบอล

ทำให้สไตล์นักเตะมันเริ่มเปลี่ยนไป นักเตะแบบคลาสิก no.10 เริ่มไม่มีที่ยืน กองหน้าจ๋าๆเริ่มหาย

นักเตะโชว์ทักษะ เทคนิกเริ่มหมดไป กลายเป็นฟุตบอลหุ่นยนต์กันไปหมด


แต่ตอนนี้เริ่มรู้สึกว่า เทรนฟุตบอลมันกำลังย้อนกลับไปก่อนหน้านี่ทีละนิดๆ

ทีมเล็กที่เล่นต่อบอลสู้ไม่ได้ เริ่มเน้นที่บอลยาว บอลเปิด ลูกนิ่ง แล้วมันใช้ได้ผลด้วย

เกมๆนึงจะมีโอกาสกี่ครั้งไม่รู้ แต่ถ้าสาดยาว10 ได้หลุดไปยิงสักครั้งแล้วเป็นประตูคือประสบผลสำเร็จ


ยิ่งกลายเป็นตำแหน่งกองหน้าเริ่มกลายเป็นที่โหยหา ไม่ต้องมีทักษะครองบอล ไม่ต้องเชื่อมเกมอะไรมาก

ขอให้มีสปีด หาจังหวะจบได่ แล้วถ้ามีความคมด้วยคือเพอเฟค


ุฟุตบอลอีกสัก4-5 ปีข้างหน้า อาจเป็นยุคทองของกองหน้า เหมือนช่วงยุค 90-2000 ที่มีแต่กองหน้าระดับโลกแทบทุกทีม

คิดถึงบรรยากาศช่วง 1990-2000 ต้นๆ

4-4-2 ระบบคลาสสิค
ไม่ใช่ 4-3-4 หรือ 4-2-3-1 แบบทุกวันนี้

ปีกซ้ายขวา เลี้ยงจี๊ดๆ
กองหน้าตัวนึง แข็งๆพักบอลดีๆ
อีกตัวเร็วทะลุมิติ กระชากหาย 5555

ดักแก่ตัวเอง
แต่คิดถึงจริงๆ
โคตรเห็นด้วย สมัยก่อน ฟุตบอลมันสนุกตรง ความสวยงาม ลากเลื้อย
โยนโค้งๆ ยิงไกลเว่อๆ
สมั้ยนี้ก็สนุกตรงแท็คติก ไล่บี้ ไล่เพรส ครองบอลโหดๆ
แต่ส่วนตัว ชอบสมัยก่อนมากกว่า

อังกฤษ ปีกซ้าย สจ๊วดดาวนิ่ง เปิดโค้งๆฝั่งซ้าย
ฝั่งขวา อาลอน เลนน่อน เร็วทะลุมิติ 555
หรือที่เค้าบอก สไตล์แซมบ้าอะ สไตล์ซีดาน
5-10 ปีนี้ หายไปเลย
หลังสุด สไตล์แซมบ้าคง เนม่า อารมนั้น
ยุค 2000 นี่
โรนัลดินโญ่ โรนัลโดั R9 งี้
ไมเคิลโอเว่น ตำนาน สโตค(หยอกๆ)

ผมว่าเเล้วเเต่มันสมองของ ผจก.ทีม คู่ต่อสู้ในเวลานั้นเจอทีมที่เล่นแบบไหน แผนอะไร เเล้วเราจะเเก้ยังไง ด้วยหรือเปล่า ทุกวันนี้หลายๆทีม มันเล่นมีวิธีการเล่นที่หลายหลายขึ้น

ถ้า 4-4-2 ผมนึกถึง ตาฌอน ไดซ์ แกชอบใช้อยู่บ่อยๆ

ผมว่าอะไรที่มันดี มันจะไม่มีทางวิวัฒนาการย้อนกลับไป
ยกเว้นว่ามันจะถูกทำลายอย่างราบคาบ

ถามว่าทุกทีมอยากเล่นแบบสเปนปีแชมป์โลกไหม?
ทุกทีมอยากมีผู้เล่นระดับเมสซี่ โด้ ซีดานไหม?

มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว
แต่มันไม่ได้มีแบบนั้นบ่อยๆ และไม่ได้เป็นกันทุกทีม

ผมมองว่านี่คือการอัพแพทซ์“แบบผสม“
ทีมใหญ่ถ้าเลือกได้ ก็อยากครองบอล แต่ผสมลูกไดเร๊คเข้าไป
เพราะทุกทีม ไม่ได้มีหัวสว่านที่จะเจาะแนวรับระดับบัลลงดอร์กันทุกทีม
และไอ่หัวสว่านนั้นก็ไม่ได้เจาะได้ทุกเกม

มันไม่ได้ย้อนกลับหรอกครับ มันก็วนๆไปเรื่อยๆเพราะแผนมันแก้ทางกัน

เทรนสเปนปัจจุบันหรือแบบเป๊ป ก็มาจากฮอลแลนด์ยุค 80 โยฮัน ครัฟ ที่เรียกว่า โททัล ฟุตบอล จุดเด่นของแผนนี้คือทุกคนจะเปลี่ยนตำแหน่งตัวเองในสนามตลอด ทำให้คู่แข่งงง แบ็คมาเป็นมิดฟิลด์ตัวรับ กองหน้าลงมาเป็นตัวรุก ปีกไปเป็นกองหน้า ในระบบ 4-5-1 หรือ 4-3-3

จนทีมอื่นต้องแก้ด้วยการใช้แผนหลัง 3 ซึ่งก็คือ อิตาลีและเยอรมัน (อิตาลีเป็นสวีปเปอร์, เยอรมันเป็นลิเบอร์โร่) เพราะต้องการให้มีกองหลังคนสุดท้ายที่รอซ้อนเพื่อนเวลาพลาด จนช่วง 90 แผน 3-5-2 ครอง

จากนั้นก็มีการแก้ทางแผน 3-5-2 เพราะแผนนี้จะอ่อนเรื่องริมเส้น มีวิงแบ็คไม่มีปีก ทำให้ต้องจัด 4-4-2 มาสู้ เพราะจะมีตัวริมเส้นฝั่งละ 2 คน ไปกดวิงแบ็คฝั่งตรงข้ามที่มีคนเดียว อย่างที่เราเห็นในช่วง ปลาย 90 ถึงต้น 2000

จากนั้นก็จะวนกลับมาที่ 4-5-1 หรือ 4-3-3 ที่ต้องการแก้แผน 4-4-2 มีตัวริมเส้นฝั่งละ 2 เท่ากัน และชนะในแดนกลางด้วยผู้เล่น 3 คน แบบในช่วงปี 2010 เป็นต้นมา

มันก็วนๆไปแบบนี้แหละครับ

ฟุตบอลสมัยใหม่มันเปิดโอกาสให้ทีมเล็กๆโค่นทีมใหญ่ได้ ดูญี่ปุ่นสิ

เบคแคม ก็ ดังมาจากลูกเปิด

อีกส่วนนึงผมว่ามันก็ผสมกับวิทยาศาสตร์ทางการกีฬาด้วยครับ

สมัยก่อนนักบอลไม่ได้ฟิตเวอร์วังแบบนี้ ยุคนี้หยั่งกับยอดมนุษย์ชัดๆ

ตอนนี้ผมว่าอยู่ที่กฎแล้วแหละ ถ้ากฎอะไรๆเปลี่ยนๆ แผนก็เปลี่ยนแน่นอน

เช่นเมต้าลูกตั้งเตะ ลูกทุ่มไกล ถ้าพรีเมียร์อยากให้ลีกมีแต่นักเตะจอมเทคนิค ก็เปลี่ยนกฎมันดื้อๆได้อยู่ดี

ผมว่ามันเป็นออกแนวประยุกต์มากกว่า
อย่างริมที่ได้ผลก็ไม่ใช่ 5-2-2-1 หรือ 3-4-2-1 เป๊ะๆ ตอนรับหรือตอนบุกก็ปรับตำแหน่งยืนเปนระบบอื่น

เป๊ปที่ว่าแน่ๆก็ยังปรับแนวตัวเองเลย
ผมว่าต่อไปมันจะเป็นแนว hybrid มากขึ้น
ผจก.ยุคใหม่จะอยู่ที่ใครชำนาญแผนตัวเองมากกว่ากัน
ประยุกต์แบบเกมต่อเกมได้มากกว่ากัน

ไม่ย้อนหรอก ฟุตบอลทุกวันนี้มีแต่จะพัฒนาไปข้างหน้าด้วยเทคโนโลยีกับวิทยาศาสตร์การกีฬา นักบอลสมัยนี้มีแต่คนเก่งๆประปรายกระจายไปทั่วทุกทวีป ส่วนนักเตะยุคก่อนหน้าคนที่เก่งก็เก่งโดดเด่น เก่งจนเหนือมนุษย์คนละระดับคนทั่วไปไปเลย นักเตะเมื่อก่อนมันเก่งกระจุก แต่ยุคนี้มันเก่งกระจายมากกว่า เรื่องแทคติคก็เช่นกัน กฏฟุตบอลมันก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ วิวัฒนาการไปเรื่อยๆเหมือนกัน ถ้ามันย้อนกลับไปไม่มีลำหน้า เตะคืนโกล์โกล์ใช้มือรับได้อันนั้นอ่ะ วนย้อนกลับของจริง

เอาอะไรมาย้อน มันคือดึงจุดแข็งของยุคต่างๆ มาใช้ต่างหาก
Openplay ทำได้ก็ทำ ทำไม่ได้ก็ set piece
บางคนเอาแต่แซะว่าเล่นแต่ set piece แต่ทีมตัวเอง openplay ทำไม่ได้แล้วดันแพ้แต่ออกมาบ่นงุ้งงิ้ง

มันเป็นช่วงจังหวะที่ทีมเล็กทีมรองเอาแค่ในพรีเมียนะที่ยกระดับการเล่นมาสู้ทีมบนๆได้ไว

เหมือนทีมรองๆลอกการเล่นทีมใหญ่ปีก่อนๆมาใช้เล่นงานทีมใหญ่แทบจะเล่นได้ใกล้เคียงเลยในหลายทีม

สมัยก่อนทีมเพรสบอลครองบอลมีแค่ทีมใหญ่ ตอนนี้ทำกันได้เกือบทั้งลีค

แถมบางทีมมีลูกทีเด็ดของตัวเองเสริมมาอีก ทีมใหญ่ต้องยกระดับไม่ก็รักษาระดับหนีไปเรื่อยๆเลยในพรีเมีย

ผลน่าจะมาจากโค้ชเก่งๆเขาเทรนทีมมาทำให้ระดับมันไม่ห่างกับทีมใหญ่ได้ นักเตะยุคนี้ราคาไม่แพงเก่งๆเยอะด้วย

มีใครทัน ฮินช์คลิฟเปิด-เฟอร์กูสันโหม่ง บ้างครับ

ไม่รู้จักฮะ รู้จักแต่ปีเตอร์ บีกรี กับโทนี คอตตี้

ใช่ ส่วนนึง

เหมือนกับว่าตั้งแต่เป๊บครองโลก บาซ่า6แชมปวันนั้น

จนมาถึงช่วงได้ฮาลันปีแรก

มีคนที่สุ้ได้จริงๆสองทีม คือบาเยินปู่จุ๊บ กับ คล๊อป

ซึ่งเป็นเทรนโต้ไปมาด้วยควาทเร็ว ดุดัน

แต่เป๊บได้ฮาลันมา เลยไปเล่นสไตลนั้นด้วย เลยกลายเป็น ไปแบบนั้น รวมมาดริดของทุกโค้ชด้วยนะว่าเล่นแนวนั้นหมด

ทีนี้ต้องมาดู สายครองบอลตอนนี้เหลือคนเดียวหลักๆที่ผลงานโดดเด่น คือต้า

ถ้าทำกลับมาโหดได้ เทรนมันก้เหมือนเดิม

ปล มีกอมอีกคน แต่ไม่ค่อยได้ตามว่าแนวไหนเป๊ะๆ