พอดีผมจะว่างงานสิ้นเดือนนี้แล้วแหละ
เล่าสู่กันฟังระบายคร่าวๆแล้วกันนะ ทำตำแหน่ง IT คือ บ.เก่าโดนเทคโดยญี่ปุ่นเมื่อปีที่แล้ว ทีนี้ตอนกลางปีดันมีเหตุจำเป็นทางบ้านให้ต้องขอ WFH บ่ายเกือบทุกวันแต่อารมณ์ประมาณว่ายังจำเป็นกับงาน ทีนี้เขาก็เสนอให้ WFH ได้แต่ต้องยอมลดเงินเดือนนะเราด้วยภาวะจำยอมจำเป็นต้องมีงานก็ตกลงเซ็นกันไปแต่เริ่มเอะใจแล้วหละว่าเขาไม่เอาไว้แน่ หลังได้ WFH ก็บังคับให้เข้าแผน PIP
มาแจ้งประเมินเมือ่อาทิตย์ที่แล้วว่าไม่ผ่าน PIP ด้วยเหตุผลหมาๆ บอกได้ 0คะแนนทุกข้อ ขอผลประเมินเพื่อปรับปรุงและรับทราบก็ไม่ให้ บอกไม่ต้องการแล้วจะใช้ IT ญี่ปุ่นแทนแต่ไม่เลิกจ้าง? และออกคำสั่งบังคับให้กลับไปทำเต็มเวลายกเลิก wfh ด้วยความจำเป็นที่ยังต้อง wfh อีกซักระยะ ก็ลองประเมินจากสิ่งต่างๆ ที่เขาจ้องจะเล่นต่อคือประเภท "การเลิกจ้างที่เป็นธรรมไม่จ่ายชดเชย, เพราะละทิ้งหน้าที่ 3 วันติดต่อกันโดยไม่มีเหตุอันสมควร" คงอยู่กันไม่ได้ละ
สรุปเลยต้องเลือกลาออกเอง เพราะช้าหรือเร็วก็ต้องออกอยู่ดี ขอมีผลสิ้นเดือนนี้ไปเลยไม่ต้องรอเดือนนึงแบบปกติที่ต้องรอหาคนแทน พวกอนุมัติเลยประหยัดเงินไปเดือนนึง
ที่มาตั้งมู้คือเสียดายเงินชดเชยเลิกจ้างแค่นั้นแหละตั้งสิบเดือน ได้ไปปรึกษากรมสวัสดิการแรงงานก่อนตัดสินใจแล้วครับ เขาบอกเราไม่มีเอกสารหรือหลักฐานว่าเขาเจตนาเลิกจ้างถ้าจะขอชดเชย หรือจะบอกกลั่นแกล้งก็ให้รวบรวมหลักฐานมาใหม่ เขาทำเรื่องฟ้องให้ได้เลยนะแต่ต้องรอรับผลกับหลักฐานที่ไม่มีเพียงพอ เลยคิดว่าถ้าจะฝืนมาทำงานตามคำสั่งรอเก็บหลักฐานไปฟ้องกันมันเสียเวลาขี้เกียจทรมานอยู่ต่อให้เขากินหัว ไม่อยากทำงานกะเขาแล้วด้วยแหละ ที่บ.ยังมีอีกสองสามคนที่จะโดนเพราะไม่จำเป็นกับจะลดค่าใช้จ่ายรอเวลากันอยู่ เข้าใจพี่ที่ต้องลาออกเองไปก่อนผมเลยสองคน
ก็เลยจะบอกเล่าสู่กันฟัง หากมีงานทำและยังไหวไม่มีเหตุจำเป็นใดๆ ก็กอดงานกันไว้นะ ทนไหวก็ทนสู้ให้เขาเลิกจ้างไปเอง พอดีผมดันมีช่องให้เขาบีบได้ ทนไม่ไหวก็ออกซะสุขภาพจิตเราก็สำคัญกว่า
ปล.พอได้ตัดสินใจออกแล้วหัวมันก็โล่งดีเหมือนกันนะ อายุ 43 แล้วหางานยากนิดนึง แต่ปีหน้าก็ขออวยพรให้ได้งานใหม่กันทุกคนนะที่ยังว่างงานและเข้ามาอ่าน ขอบคุณครับ