ดร. เอกนิติ นิติฑัณท์ประภาศ เป็นรัฐมนตรีคนเดียวที่กล้าพูดความจริงของประเทศเวลานี้ ถ้าให้ผมสรุปปัญหาว่าทำไมประเทศไทยกำลังดิ่งเหว ผมสรุปได้ 5 ข้อดังนี้
1 Debt Trap กับดักหนี้
ความผิดพลาดในนโยบายทางการเงินที่ส่งเสริมให้ประชาชนเป็นหนี้ และการนำพาประเทศรวมทั้งประชาชนเข้าสู่กับดักหนี้ เรามีหนี้จำนวนมหาศาลทั้งหนี้สาธารณะและหนี้ครัวเรือน ผลิตภัณฑ์มวลรวม และประโยชน์ที่ได้ ส่วนใหญ่ในประเทศหมดไปกับการใช้หนี้ให้กับสถาบันการเงิน ดูตัวเลขกำไรของพวกธนาคารสิ แล้วจะไม่ให้เศรษฐกิจมันหยุดชะงักได้ยังไง เมื่อทรัพยากรจำนวนมาก ทั้งเงินสด อสังหาริมทรัพย์ จากการขายทอดตลาด ไปกองรวมกันที่ธนาคารและสถาบันการเงิน ใครจะต้องออกมารับผิดชอบเรื่องนี้ ถ้าไม่ใช่ผู้มีอำนาจที่ควบคุมระบบการเงินในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นแบงค์ชาติ สมาคมธนาคาร และท่านรัฐมนตรีคลัง

2.Worst Bureaucrat ระบบราชการที่ย่ำแย่
รามีระบบราชการที่ไร้ประสิทธิภาพ มีขนาดมหึมา นอกจากจะซดทรัพยากรจำนวนมาก ไปกับงบประจำแล้ว การใช้จ่ายงบประมาณในเรื่องงบลงทุน มีแต่การทุจริตคอรัปชั่นทำให้การใช้ทรัพยากรในการสร้างผลผลิตในทางเศรษฐกิจผิดที่ผิดทาง เพราะทรัพยากรถูกละเลงไปกับการก่อสร้างที่ไร้ มาตรฐาน ไม่ก่อให้เกิดประสิทธิภาพส่วนเพิ่มใดๆ การลงทุนที่ไร้ค่าจากภาครัฐ ย่อมไม่อาจทำให้ภาคเอกชนนำไปต่อยอดใดๆได้

3.Preventionist Elite Bargain ข้อตกลงของกลุ่มผู้นำอนุรักษ์
การเกาะกุมอำนาจทางเศรษฐกิจโดยกลุ่มอภิสิทธิ์ชน ที่เรียกว่า"ข้อตกลงจากการเจรจาต่อรองของกลุ่มผู้นำอนุรักษ์" ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองข้าราชการนักธุรกิจ ทำให้ประชาชน คนรุ่นใหม่ ตลอดจน SMEsซึ่งควรจะเติบโตขึ้นมาเป็นแกนหลักในการค้ำยันเศรษฐกิจของประเทศไม่อาจเข้าถึงสิทธิ์นั้นได้ กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นทั้งในรัฐวิสาหกิจ การผูกขาดทางการค้าในกิจการทั่วไป การให้ใบอนุญาต การจัดซื้อจัดจ้างต่างๆไม่มีความโปร่งใสเลยทำให้มีเพียงคนกลุ่มเดียวในเครือข่ายเหล่านี้ที่สามารถเข้าถึงสิทธิในทรัพยากรต่างๆได้ ธุรกิจใดที่ไม่สามารถเข้าถึงเครือข่ายของบุคคลเหล่านี้ก็จะต้องล้มหายตายจาก นั่นเป็นเหตุให้ระบบเศรษฐกิจของเราอ่อนแอ และผูกขาดไว้ที่คนเพียงกลุ่มเดียว

4. Economic Crime Network เครือข่ายอาชญากรรมทางเศรษฐกิจครอบงำประเทศ
การแทรกซึมมาของเงินจากธุรกิจสีเทาและสีดำทั้งสแกมเมอร์ทั้งบ่อนคาสิโนที่อยู่รอบประเทศทั้งในลาวในเขมรในพม่าที่เงินต่างๆถูกขนเข้ามาแทรกซึมในระบบเศรษฐกิจไทยมีการฟอกเงินกันอย่างโจ่งครึ่ม และใช้เงินจำนวนดังกล่าวเข้ามาแทรกแซงในการเมืองไทย เราจึงเห็นนักการเมือง ที่น่าจะเป็นขุมข่ายแก๊งมาเฟียมากกว่าเข้าสู่สภาเต็มไปหมดและคนเหล่านั้นก็แต่งตั้งข้าราชการสีเทาเข้ามาเป็นเครื่องไม้เครื่องมือ ถามว่าคนเหล่านี้จะมีปัญญาในการตัดสินใจอะไรเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและพี่น้องประชาชน

5 Monopol without Social Responsibility ทุนผูกขาดที่ไร้ความรับผิดชอบต่อสังคม
ปัญหาทุนผูกขาดและไร้ธรรมาภิบาลซึ่งกำลังกัดกินพี่น้องประชาชนชาวไทยทั้งในเรื่องอาหารการกินสินค้าโภคภัณฑ์ในยุคเศรษฐกิจแบบทุนนิยม ทำให้ประชาชนไทยมีสุขภาวะที่ย่ำแย่ เจ็บป่วยเป็นโรคจากอาหารที่ไร้คุณภาพจำนวนมาก และส่งผลไปถึงระบบสาธารณสุขของประเทศ ที่ยังมีการทุจริตคอรัปชั่นจำนวนมาก ทุนพลังงานที่ยังคงผูกขาดอยู่จำนวนมหาศาลเป็นผลให้ราคาค่าพลังงานแพงเกินจริง ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนที่มีรายจ่ายสูง สิ่งเหล่านี้ทำให้ทรัพยากรมนุษย์เกิดความอ่อนแอไร้กำลังในการพัฒนาประเทศ
จากที่ผมสรุปปัญหามาทั้ง 5 ประการนั้น จะพบว่าประเทศไทยเราปัจจุบันประชาชนกว่า 80% มีคุณภาพชีวิตที่ย่ำแย่ และทรัพยากรต่างๆที่ควรกระจายสู่พี่น้องประชาชนเพื่อนำไปสู่การเพิ่มกำลังในทางเศรษฐกิจไม่มีประสิทธิภาพ ประชาชนมีแต่รายจ่าย แต่รายได้ถูกยึดโดยบรรดาชนชั้นนำ

จึงอาจกล่าวได้ว่าหากเปรียบเป็นร่างกายทั่วทั้งร่างตอนนี้อ่อนแอและอ่อนกำลังมากๆ ในขณะที่ส่วนหัวนั้นโตวันโตคืนเสพสุข กันแบบไม่มีวันพักผ่อน แล้วประเทศมันจะไม่ดิ่งเหวลงไปได้อย่างไร

ส่วนทางแก้ปัญหา

ทางแก้คือ
1 ปฏิรูปนโยบายทางการเงิน finance policy reform โดยการควบคุมธนาคารและสถาบันการเงินอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการปล่อยสินเชื่อ ให้กับภาคประชาชนต้องมีวินัยทางการเงินมากกว่านี้ อย่ามองเพียงว่าประชาชนไร้ระเบียบวินัยทางการเงินต้องมองว่าภาคการเงินอาศัยความอ่อนแอตรงนี้หาประโยชน์

2 ปฏิรูประบบราชการ New Public Managementให้มีขั้นตอนที่ทันสมัยโปร่งใสมีประสิทธิภาพ ลดขนาดราชการประหยัดงบประมาณเสริมประสิทธิภาพ

3 ปฏิรูปกฎหมาย Deregulation&Re-regulation กฎหมายใดที่ให้สิทธิอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดเป็นพิเศษรวมถึงขั้นตอนในทางปฏิบัติด้วยจะต้องถูกแก้ไขโละทิ้งและต้องมีกฎหมายใหม่ที่สามารถกำกับดูแล ให้ทรัพยากรสิทธิต่างๆถึงมือประชาชนอย่างแท้จริง รวมถึงกฎหมายใดที่นำไปสู่การผูกขาดไม่สามารถปลดปล่อยพลังของตลาดเสรีได้เต็มที่ต้องถูกแก้ไข

4 ปฏิรูปธรรมาภิบาล Governance จิตสำนึกของประชาชนและผู้มีอำนาจว่าถ้าคุณยังใช้การทุจริตเป็นหลักในการทำงานสุดท้ายประเทศชาติก็ลงเหวอยู่ดี

5 นำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ผสมผสานกับปรัชญาทุนนิยม เพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม Sufficiency Economy & Market for social and Environment เพื่อหลีกเลี่ยงการกลับไปหาลัทธิฝ่ายซ้ายสังคมนิยมและการ อยู่กับโครงสร้างของระบบขวาอนุรักษ์เดิม ที่เอารัดเอาเปรียบพี่น้องประชาชนไม่มีประชาชนอยู่ในสมการ

ผมว่าคนนี้เก่งจริง รัฐบาลไม่ว่าใครจะได้เป็นอยากได้ให้มีโอกาสมาทำต่อ

..เกือบทุกข้อผูกกับนักการเมืองทั้งนั้น

ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น แกก็เป็นข้าราชการประจำมาก่อน
ยังไงก็หวังจะให้แกพัฒนาตามที่พูดไว้สำเร็จละกัน

หลายข้อก็ผูกกับกลุ่มคนที่มีอำนาจกำหนดกลไกการเมืองอีกทีนะครับ ผมมองว่าเป็นส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ

ข้อ 2 การขยายตัวของราชการจนโดนเรียกว่าเป็นรัฐราชการเกิดขึ้นในช่วงเก้าปีของประยุทธ์
ข้อ 3 พูดถึงกลุ่ม elite
ข้อ 5 พูดถึงกลุ่มทุน
ข้อ 4 พัวพันกันไปหมด

นักการเมืองมันแค่เรื่องพื้นผิว ปัญหาจริงๆ คือโครงสร้างที่เกิดจากกลุ่มที่มีอำนาจกำหนดกลไกทางการเมืองมากกว่า

ประเทศ สต นี่มันมีอำนาจนอกระบบครอบอีกชั้นนึงมันเลยแก้ปัญหาไม่ได้ อย่างสหรัฐที่ว่าเป็นทุนนิยมแบบสุดโต่งคือจะวิ่งเต้นล็อบบี้ยิสต์ใต้โต๊ะยังไงก็แล้วแต่มันก็สุดที่ประธานาธิบดีแล้วพวกนี้มันจะมีวาระของมันถึงมันจะก่อความวุ่นวายได้แต่ก็มีเวลาจำกัดถ้าเลือกตั้งแพ้เดี๋ยวมีเช็คบิลตามมาอีก ส่วนของไทย...ตลอดไป

แค่เห็นคำว่าปฏิรูป ก็.............

เด็กมัธยมก็คิดได้ ถ้าจะปฏิรูป เพราะปัญหาโครงสร้างพวกนี้ ถ้าไม่รื้อยกกระบิ คงไม่มีทางแก้ไขอะไรได้

ขอดูเเนวทางปฏิบัติหน่อยเฮอะะะ จะทำยังไง

..ถ้าจะแก้มันต้องแก้นักการเมืองนั่นแหละครับ ชนชั้นอีลิทหรือผู้มีอำนาจมันใช้อำนาจผ่านนักการเมืองทั้งนั้น การออกกหมาย การเพิ่มจำนวนข้าราชการทุกอย่างผ่านมาทางนักการเมือง ชนชั้นอีลิทมันมีทุกประเทศ แล้วผมก็คิดว่าไม่มีประเทศไหนจัดการได้หรอก แต่นักการเมืองถ้ามือสะอาด ไม่รับคำสั่งพวกนี้ประเทศมันก็ดีขึ้นได้ ลองคิดง่ายๆก็เอาพรรส้มมาคั่นกลางซะ ผมว่ามันก็ดีขึ้นได้นั่นแหละ

555555555

ไอพวกที่ว่าเค้าเอาให้ได้ซักครึ่งเค้าก็เก่งละครับ

เอกนิติ คือคนที่โหดมากๆคนนึง ระบบ Digital Economy ในแง่ภาษีปรับปรุงไปไกลได้เพราะเค้าเลย

และเป็นอธิบดีทีอายุน้อยมากๆคนนึงในประเทศไทยเลย

บางเรื่องยังทำได้ไม่สุดและคงไม่กล้าไปแตะ แต่หลายๆส่วนก็ทำได้ดี นี่ขนาดถ้าได้ยินไม่ผิดระหว่างทำงาน

เจอเกียร์ว่างบ้าง ต่อต้านบ้างยังได้ขนาดนี้สมัยเป็นอธิบดีกรมสรรพากร ได้มาขนาดนี้ผมว่าก็เก่งแล้วครับ

ไอส่วนทางแก้บอกมันก็แอบนามธรรมเกิน แต่ถ้าไม่ได้ดูประวัติการทำงาน ไม่ใช่อยู่องค์กรไหนแต่ตอนอยู่ทำอะไร

ก็อย่าเพิ่งเอาแต่ด่าเถอะครับ

คุณเอกเก่งจริง ยอมรับ

แต่ผมว่าปัญหาประเทศไม่ใช่ what ไม่ใช่ how

ใครๆก็รู้ว่าประเทศนี้มีปัญหาอะไร จะต้องแก้ยังไง

ปัญหาคือ who มากกว่า ใครจะกล้ามาทำ ตัวคุณเอกจะกล้าแค่ไหน

ส่วนคนที่มีความกล้าหาญจะแก้แน่ๆ ผู้มีอำนาจเค้าไม่ให้เข้ามาบริหารอ่ะ

เพราะตัวผู้มีอำนาจและเครือข่ายเค้าได้ประโยชน์กับสิ่งที่มันเป็นอยู่

แล้วมันก็วนลูปไปแบบนี้

แค่ส้มชนะเลือกตั้ง แต่ไม่ได้เป็นรัฐบาลก็ชัดแล้วว่าโครงสร้างประเทศมันเน่ายันรากลึกขนาดไหน เสียงประชาชนไม่มีความหมายอะไรเลย

ผมคิดว่าการพูดของคุณเอกนิติค่อนข้างมีความหมาย เพราะการที่คนที่มีภาพลักษณ์และเครดิตอย่างแกออกมาพูด มันอาจจะช่วยๆ ดึงๆ กลุ่มคนที่เกี่ยวข้องที่มีส่วนทำให้ประเทศลงเหวให้แตะๆ เบรก กับกระตุ้นคนในกลุ่ม elite ระดับเดียวกับแกออกมาเคลื่อนไหวมากขึ้น ซึ่งหลังๆ ผมคิดว่าก็เริ่มเห็นนัยยะบางอย่างเหมือนกัน

who ในการทำอาจจะไม่ใช่คนๆ เดียว การออกมาพูดเพื่อกระตุ้นคนที่มี power จะทำอะไรบางอย่างๆ ให้ตื่นตัวขึ้นมากๆ ผมว่าก็มีประโยชน์ไม่น้อย ถือว่าเป็นเรื่องดีที่ตัวแกเองก็ออกมาสื่อสารแบบตรงไปตรงมากับกลุ่มคนที่จริงๆ แกก็คงมีคอนเนคชั่นอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน