คะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์จากแฟนบอลที่ “ไม่เห็นด้วย” กับการปลดโค้ช “อิชิอิ” แบบฟ้าผ่า

ยิ่งเหตุผลที่ สมาคมฯ กล่าวอ้างมา 7 ข้อ มันฟังดูไม่ขึ้น โดยเฉพาะข้อ 1-6

1. พา ทีมชาติไทย ตกรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก รอบ 2 เพราะลูกได้แพ้ จีน ทั้งที่เกมสุดท้ายได้เล่นที่ราชมังพบกับ สิงคโปร์

2. ทีมชาติไทย พลาดแชมป์ ฟุตบอลชิงแชมป์อาเชียน 2024 และแพ้ เวียดนาม ทั้งไป-กลับ ในรอบชิงชนะเลิศ รวมถึงการแพ้ ฟิลิปปินส์ เป็นครั้งแรกในรอบ 52 ปี

3. พลาดโอกาสการป้องกันแชมป์ คิงส์ คัพ 2025 ที่จังหวัดกาญจนบุรี โดยที่ฟอร์มการเล่นของทีมไม่มีรูปแบบการเข้าทำที่ชัดเจน

4. ไม่ได้เลือกนักกีฬาที่มีฟอร์มการเล่นที่ดีที่สุด ณ ปัจจุบัน อย่างแท้จริง แต่เลือกใช้นักกีฬากลุ่มเดิมๆ แม้จะไม่ค่อยได้โอกาสลงสนามให้ต้นสังกัด และไม่อยู่ในฟอร์มการเล่นที่ดีที่สุด

5. รูปแบบการฝึกซ้อมแบบเดิมๆ จนทำให้นักเตะขาดความกระหาย ทั้งในการฝึกซ้อม รวมทั้งการเล่นที่ไม่มิติในเกมรุกที่หลากหลาย

6. อิชิอิ พา ทีมชาติไทย เปิดบ้านชนะ ศรีลังกา 1-0 ด้วยฟอร์มการเล่นที่ไม่น่าประทับใจ ก่อนจะบุกแพ้ เติร์กเมนิสถาน 1-3 ทำให้สถานการณ์การเข้ารอบเอเชียน คัพ 2027 ค่อนข้างลำบาก ทั้งที่ควรจะทำได้ดีกว่าการต้องไปลุ้นสองนัดสุดท้าย

7. อิชิอิ ไม่ให้ความสนใจคำแนะนำจากฝ่ายเทคนิคของสมาคมฯ ทั้ง ดร.ชาญวิทย์ ผลชีวิน อุปนายกสมาคมฯ และ ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน สภากรรมการ จนทำให้แนวทางการทำทีมไม่สอดคล้องกัน นำมาซึ่งผลการประเมินของฝ่ายเทคนิค ภาพรวมตั้งแต่เข้ามาคุมทีมเมื่อเดือน ธ.ค.2023 มีสถิติชนะ 16 จาก 30 นัด หรือคิดเป็น 53% เมื่อเทียบกับเป้าหมาย และค่าเหนื่อยที่ได้รับต่อเดือน

ซึ่งข้อสุดท้าย ไม่ต่างจากการ “ล้วงลูก” หรือ “แทรกแซง” ของฝ่ายบริหาร

การปลด “อิชิอิ” ในครั้งนี้ จึงดู “โหดร้าย” เกินไป

แม้จะรู้ดีว่า สักวันหนึ่ง “อิชิอิ” ก็คงจะไม่รอด แต่การปลดก็ควรต้องดูไทม์มิ่งด้วย ไม่ใช่พรวดพราดแบบนี้

รถทัวร์ทุกสายจึงเลี้ยวไปทางเดียวกันหมด โดยเฉพาะ “มาดามแป้ง” ที่จะปฏิเสธว่า ไม่รู้ ไม่เห็น ไม่ได้

แต่ถ้ามองความจริงในอีกบริบท เปรียบตัวอย่างมุมมองของ “ลุงเนวิน” ที่ชวนให้ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ อย่างน่าสนใจ

"บุรีรัมย์ เป็นทีมที่อยู่กับปัจจุบัน และมีความหวังกับอนาคต เราไม่ยึดติดอยู่กับความสำเร็จในอดีต จนไม่กล้าเปลี่ยนแปลง”

“เมื่อใดก็ตามที่รู้สึกตัวว่า การพัฒนาเริ่มหยุดนิ่ง และไม่มีพลังกระตุ้นให้ทีมขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราพร้อมที่จะตัดสินใจ และกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง เพื่อยกระดับทีมทันที”

“บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไม่ยอมที่จะเสียเวลาแม้แต่วันเดียว เพื่อสร้างปัจจุบันที่แข็งแรง และเดินไปสู่อนาคตที่ดีกว่า แม้มีความเสี่ยง แต่ก็ต้องเดินไปข้างหน้า ดีกว่าย่ำอยู่กับที่”

ตัดฉับกลับมาที่ กุนซือชาวซามูไรผู้นี้ เคยสร้างผลงานไว้กับ บุรีรัมย์ มากมาย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไปต่อ

เช่นเดียวกัน ต่อให้ยังมี “อิชิอิ” ก็ใช่ว่า ทีมชาติไทย จะพุ่งเข้าชนความสำเร็จในระดับทวีป หรือสร้างปาฏิหาริย์ไปฟุตบอลโลกได้

หรือต่อให้เอา “โค้ชเทวดา” มา ก็คงช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี เพราะปัญหาจริง ๆ มันอยู่ที่โครงสร้างและรากฐาน แต่ก็ยังไม่มีสมาคมฯยุคไหนคิดจะทำจริง ๆ จัง ๆ

เพราะฉะนั้น จึงเลิกฝันเฉพาะหน้ากันแบบลม ๆ แล้ง ๆ เสียที

ตอนนี้ คงต้องรอดูกุนซือคนใหม่มา หากผลงานของ ทีมชาติไทย ดีขึ้น เชื่อว่าแฟนบอลจะค่อยๆ ลืมข่าวนี้กันไปเอง

แต่หากไม่ดีกว่าเดิม ทั้งกุนซือคนใหม่ และสมาคมลูกหนังแบบไทยๆ ก็แค่เตรียมตัวรอรับแรงกระแทกที่อาจจะหนักยิ่งกว่า “ใครไม่อาย ผมอาย”

สมาคมทุกยุค มีทั้งชอบและไม่ชอบ แต่ครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งแรกที่แฟนๆ มีมติเป็นเอกฉันไปในทางเดียวกัน ผลงานต่อจากนี้เป็นอย่างอื่นไม่ได้เลยนอกจากชนะและดีขึ้นเท่านั้น ถ้าผลเป็นอย่างอื่นนอกเหนือจากนี้รอรับแรงกระแทกปานพายุได้เลย #มาดามแป้ง out ซ้อมรอเลย

ขนสดอิชิอิ ปรับตัวแบบ ไทยๆ ไปเยอะแล้วนะ

เห้อ เซง กากลงเรื่อยๆ บอลไทย

วนลูป...

เคสนี้ ดีเจ อินฟลู ถูกใจที่ปลด แค่บอกว่าผิดเวลา

แต่แฟนๆ ไม่เห็นด้วยค่อนข้างเยอะ มันยังไงเนี่ย

ลงไปเองเลยไหมปิยะพง ชาญวิทย์ โค้ชทำงานของเขาก็ดันไปแทรกแซงพอจูงโค้ชไม่ได่ก็ใช้อำนาจบาตรใหญ่ไล่เขาออกแบบไร้คลาสสุดๆ

ขอตอบแทนในฐานะคนที่ไม่ชอบอิชิอิแล้วกัน ส่วนตัวผมไม่ชอบรูปแบบการเล่นและการเรียกตัวของอิชิอิ

ส่วนการปลดตอนนี้ก็ไม่เห็นด้วยเลย ผิดเวลาจริงๆ ถ้าปลดตั้งแต่คิงคัพหรือตอนแพ้เติร์กกระแสมันจะไม่แย่แบบนี้

อิชิอิก็มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ นัดชนะไต้หวันนัดแรกคนยังด่ากันเยอะอยู่เลย

พอนัด2ชนะเยอะฝั่งคนชอบก็ออกมาเยอะ แต่คนไม่ชอบก็ยังมี แต่มาปลดหลังทีมชนะฟอร์มดีแบบนี้

ผมเชื่อว่าทุกคนพร้อมกันด่าสมาคมทั้งนั้น เพราะเหลืออีก2นัดสำคัญในการลุ้นเข้ารอบ เปลี่ยนตอนนี้เสี่ยงมากๆ

ให้แตงโมมาคุมเองเลย แล้วพ่อเป็นผู้ช่วยโค้ช

อิชิอิ ผิดเรื่องการเรียกตัวผู้เล่นลูกรักแบบเห็นชัดๆนะแหละ ถ้าแกไม่ปรับทีมก็ไม่ได้ไปต่อมากกว่านั้น แต่ผลงานแกมันไม่ได้ทำให้ทีมตกต่ำจนเป็นเหตุแห่งการปลดในเวลานี้อะ มันต้องวัดไปจนจบรอบแบ่งสาย ถ้าตกรอบก็หมดสัญญาพอดีไม่ต้องต่อไม่ต้องไล่ หาคนใหม่แทน ถ้าเข้ารอบก็พิจารณาแล้วให้คำปรึกษาว่าการทำแบบนี้มันไม่ได้เป็นผลดีต่อทีมยังไง ลดลงได้ไหม ใช้คนที่ฟอร์มดีที่สุดได้ไหม ทำข้อมูลมาดูหน่อยว่า ลูกรักฟอร์มดีกว่ายังไง เช่น ผลการแข่งขันต้นสังกัด ผลงานส่วนตัว ระยะทางการวิ่งในเกม อะไรก็ว่าไป แต่ตอนนี้ฟอร์มทีมมันลุ้นเข้ารอบการปลดตอนนี้มันมีเหตุผลเดียว เขาไม่ฟังแล้วโกรดเลือดขึ้นหน้า ไล่ออกแม่ม เผลอๆ ไม่ใช่เพราะกลัวผลงานดีแล้วคุมไม่ได้ด้วย อาจจะแค่เพราะเลือดขึ้นหน้าด้วยซ้ำ

สรุปตั้งใจจะปลดตั้งแต่ AFF+King's Cup เลยเอา Hudson มาจ่อไว้ แล้วพอมีทีมสนใจดึง Hudson ไปคุม เลยเป็นที่มาของจังหวะนรกนี้

หมดศรัทธาเลย

ไปฟังไลฟ์สดวันนี้ของไทยรัฐที่ เอาโค้ชเสกสรรค์ มาโฟนอิน อินฟลูหน้าหงายกันหมด มีในนั้นแหละ 2 คนที่ออกตัวว่าไม่ชอบวิธีการช่วงหลัง ไม่ชอบการเรียกตัว โดนโค้ชเสก พูดนิ่มๆ ตอบทุกประเด็น เรียบร้อยเลย เกือบเก็บทรงไม่อยู่เหมือนกัน แอบเห็นนะ