โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จับมือ แอนโทนี อัลบาเนซี นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ลงนามข้อตกลง “Critical Minerals Agreement” มูลค่า 8.5 พันล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างห่วงโซ่อุปทานแร่หายากและแร่สำคัญ รับมืออิทธิพลจีนในตลาดโลก
.
ทั้งสองประเทศจะร่วมลงทุนฝ่ายละ 1 พันล้านดอลลาร์ภายใน 6 เดือนข้างหน้า เพื่อพัฒนาเหมืองและโรงงานแปรรูป พร้อมตั้งราคาพื้นฐานขั้นต่ำสำหรับแร่หายาก โดยสหรัฐฯ ตั้งเป้าผลักดันอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงและความมั่นคง พร้อมลดการพึ่งพาการส่งออกจากจีน
.
ธนาคาร EXIM ของสหรัฐฯ ประกาศจดหมายแสดงเจตจำนงมูลค่ากว่า 2.2 พันล้านดอลลาร์ สนับสนุนบริษัทเหมืองในออสเตรเลีย เช่น Arafura Rare Earths, Northern Minerals และ Sunrise Energy Metals เพื่อพัฒนาแร่สำคัญอย่างลิเทียม นิกเกิล และแร่หายากที่ใช้ในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและเทคโนโลยีล้ำสมัย
.
ขณะเดียวกัน ทรัมป์ยังประกาศสนับสนุนข้อตกลงเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ AUKUS มูลค่า 368 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย เพื่อเสริมแสนยานุภาพทางทะเลในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้ากับจีนที่กำลังทวีความเข้มข้น

เกมส์นี้ แก้จีน ที่ควบคุมแร่หายากได้มั้ย

ประเทศใช้พื้นที่อยู่อาศัย แค่ 15 % ของเกาะ ที่น่าสงสาร คือ พอความเจริญเข้าไป ป่า สัตว์ป่า ชิหาย หมด

แร่มันไม่ได้หายาก แต่กระบวนการที่จะได้มันมานั้นจะมีมลพิษอย่างสูง แปลกใจออสเตรเลียจะยอมให้พลเมืองตัวเองรับมลพิษพวกนี้จริงเหรอ?

✅ตามข้อมูลสถาบันสถิติ Statista ปี 2565 ประเทศที่ครองส่วนแบ่งผลิตแร่หายากมากที่สุดของโลก คือ
อันดับ 1 จีน คิดเป็น 70% ผลิตได้ 210,000 ตัน/ปี
อันดับ 2 สหรัฐ คิดเป็น 14.33% ผลิตได้ 43,000 ตัน/ปี
อันดับ 3 ออสเตรเลีย คิดเป็น 6% ผลิตได้ 18,000 ตัน/ปี
อันดับ 4 เมียนมา คิดเป็น 4% ผลิตได้ 12,000 ตัน/ปี
อันดับ 5 ไทย คิดเป็น 2.37% ผลิตได้ 7,100 ตัน/ปี
ด้วยความที่ จีนเป็นประเทศที่ครองส่วนแบ่งการผลิตและมีแหล่งแร่หายากมากที่สุดในโลก

ปัญหาไม่ใช่แร่ครับ ปัญหาคือกระบวนการถลุงและแปรรูป มันใช้พลังงานและสร้างมลพิษมาก


ยิ่งประเทศในทวีปนั้นให้ความสำคัญเรื่องมลพิษมากกว่าที่อื่นในโลกอีก การบำบัดอะไรพวกนี้แม่งสิ้นเปลืองมหาศาลสุดๆ


ยิ่งทำเยอะ ยิ่งใช้พลังงานเยอะ ยิ่งต้องบำบัดเยอะ และยิ่งต้องลงทุนเยอะ ราคาก็จะสู้จีนไม่ได้แน่นอน แปลว่าสหรัฐฯได้ substitute ที่ใช้ได้ แต่ราคาเฟ้อขึ้น อาจจะเวิร์คนะ แต่ผมว่าคนออสซี่นี่แหละ ที่จะมีปัญหากับดีลนี้ก่อนใครเพื่อนเลย

แร่หาไม่ยาก ยากตอนถลุงมลพิษมันสูง

เพิ่งตั้งมู้ไปเมื่อวานนี้เอง ลองอ่านดูฮะ

https://www.soccersuck.com/boards/topic/2615883


บทความจาก Arnau Bertran ศาตราจารย์ด้านเคมี มหาวิยาลัย Oxford

ต้นทุนในการผลิตแร่หายากสู้กับจีน เบอร์ทรานยกตัวอย่างหลักๆชนิดเดียวคือแกลเลี่ยม

สมมุติว่าอเมริกาอยากผลิตแกลเลี่ยมซัก 100 ตัน(จีนผลิต 600 ตัน) อเมริกาต้องทำอะไรบ้าง

1. แกลเลี่ยมไม่ใช่แร่เดี่ยว แต่เป็นผลพลอยได้จากการผลิตอลูมิน่า ในอัตราส่วนประมาณ 1/120000
ดังนั้นเพื่อผลิตแกลเลี่ยม 100 ตัน จะต้องผลิตอลูมิน่าด้วย 12 ล้านตัน (อลูมินัม 4.7 ล้านตัน)

2. โรงถลุงอลูมินัมราคาประมาณ 4 พันล้านต่อล้านตัน รวมถึงโรงกลั่นอลูมิน่าแล้ว ต้องลงทุนขั้นต้น 3 หมื่นล้านดอลลาห์

3. โรงงานพวกนี้กินไฟ ปกติใช้ 13000 kWh ต่อตัน ดังนั้นรวมๆแล้วต้องการโรงไฟฟ้าขนาด 51000 kWh

4. นั่นแปลว่าต้องการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Vogtle 3/4 ในเวอร์จิเนียอีกสามโรง
โรงงานVogtle ราคา 36800 ล้าน ดังนั้นอีกสามโรงก็ประมาณ 1.1 แสนล้าน

5. โรงงานไฟฟ้านั่นใช้เวลาสร้าง 11 ปี เอาละถือว่าสร้างสามโรงพร้อมกันเลย
ก็แปลว่าจะมีโรงงานพร้อมใช้ในอีก 11 ปี กับเงินลงทุนทั้งหมด 1 แสนสี่หมื่นล้าน

6. โรงถลุงจีนใช้คนงานเฉลี่ย 8500 คนต่ออลูมินัม 1 ตัน ดังนั้นอเมริกาต้องการคนงานอีกประมาณ 35000 คน
และคนงานโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อีก 2400 คน คนงานเหล่านี้เป็นแรงงานฝีมือที่ต้องเรียน และฝึก ซึ่งอเมริกาแทบไม่มีคนงานวิชาชีพเหลือแล้ว

7. ไม่นับว่าจะหาแร่จากไหน จะขนของไปไหน จะเอาสารเคมีจากไหน หลังถลุงเสร็จแล้ว จะทำยังไงต่อกับอลูมินัม 4.7 ล้านตัน
ในเมื่อปัจจุบันทั้งอเมริกาบริโภคอยู่แค่ 4 ล้านตัน แล้วต้นทุนการถลุงแพงกว่าจีนแน่ๆ (แปลว่าขายไม่ได้)

เบอร์ทราน สรุปว่า โครงการ 1 แสนสี่หมื่นล้าน ที่จะใช้เวลาอย่างน้อย 11 ปี ก่อนเริ่มผลิตได้ และไม่มีโอกาสคุ้มทุนเลย
ต้องใส่เงินไปเรื่อยๆ มีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดขึ้นได้จริงในสหรัฐอเมริกา และนี่เป็นธาตุ "ชนิดเดียว"
ความแข็งแกร่งของแร์เอิร์ทจีนไม่ใช่แค่เรื่องกฏระเบียบ แต่เป็นเพราะระบบขนาดยักษ์ ตั้งแต่เหมือง คน เทคโนโลยี
ไล่ไปจนซัพพลายเชนปลายน้ำ(คือในกรณีของจีนจะมีโรงงานมารับอลูมินัมไปต่อ)
งานนี้ถ้าจะทำให้ได้ จะเป็นงานในระดับ Generation ที่ต้องยกระดับภาคการผลิตของอเมริกาทั้งประเทศ และจีนจะใช้ต่อรองได้อีกนาน

ลองยกเลิกเรื่องมลพิษสิ รับรองว่าทั้งยุโรปกับเมกาพร้อมขุดและถลุงกันสนุก

ทรัมป์ลงนามเพื่อหาพันธมิตรน่านน้ำทะเลจีนใต้ด้วยครับ
รวมถึงฟิลิปปินส์ ใต้หวัน ด้วย

รับจากจีนมาขายต่อมั้ง

เยอะมากครับ แถบ western australia เหมืองเยอะมาก คนไม่พอใช้งาน อาชีพด้าน Mining นี่ขอCitizenได้ด้วย

แถมตรง Northern Territory ก็มีหลายที่ที่ยังไม่ได้สำรวจ มันเป็นพื้นที่ทะเลทราย กลางวันมันร้อนจัดๆ ไม่ค่อยมีคนไปอยู่ แต่ก็มีแร่อยู่เยอะ

แร่จากจีน นอกจากเรื่องมลภาวะที่จีนอาจจะให้ความสำคัญไม่เยอะนัก มันมีเรื่องของ economies of scale ด้วย จีนผลิตและส่งขายทั่วโลกแบบสเกลใหญ่มาก ถ้าสหรัฐจะเลิกนำเข้าแล้วหันไปหาจากแหล่งอื่นแทน ต้นทุนน่าจะทำได้เท่าจีนยาก ยิ่งทำสเกลเล็กๆ ต้นทุนยิ่งสูงขึ้นมาก ยังไงจีนก็ยังได้เปรียบอยู่ดีสำหรับตรงนี้ แต่การดิ้นรนเพื่อลดการพึ่งพา ก็เหมาะสม แต่ก็ต้องมาดูกันต่อว่าไปได้ถึงไหน

อารมณ์ประมาณ เท็กซัส ไหมทะเลทรายเหมือนกัน

โดยทั้วไปของพวกนี้มันจะกระจายๆกันอยู่ในดิน หิน ต่างๆ ตรงไหนก็มี เพียงแต่มันเจือจางมาก เช่นสมมติเลขนะ นีโอไดเนียมอาจจะมีแค่ 0.0001 เปอร์เซ็นต์ เราไปตักหินมาถลุง ทำถูกวิธี ก็ได้มา แต่มันไม่คุ้ม มันก็ต้องไปหาที่ที่มันเข้มข้นขึ้น เช่นสมมติ 0.001 เปอร์เซ็นต์ ถึงเริ่มคุ้ม อะไรแบบนี้

ทีนี้การจะเอามามันก็ต้องไปสกัด สารที่ใช้สกัดต่างๆ กรดเบส เป้นมลพิษ ไม่รวมธาตุที่รวมอยู่ด้วย เช่น สมมติเราเจอนีโอไดเนียม เราก็จะเจอ แคดเมียมด้วย (จริงๆตักหินมาน่าจะมีเกินครึ่งในตารางธาตุที่เป็นโลหะหนักอะนะ อยู่ที่ว่ามันน้อยระดับไหน) แคดเมียมไม่เอาก็ต้องหาที่ทิ้ง จริงๆขายได้ทุกธาตุ แต่คุ้มหรือไม่มีจะคั้นเอามันออกมา ถ้าจะเอาแคดเมียมมาขาย ก็ต้องไปสกัดต่อจากของที่เหลือ จุดที่ตัดสินคือเศรษฐศาสตร์ ต้นทุน-ราคาขาย กำไรไหม ไม่คุ้มก็ทิ้ง มันเลยมีเคสที่ไปขุดเอาของในบ่อกากขยะของเหมือง แต่ก่อนไม่คุ้ม อยู่ไปอยู่ไป ราคาดี พวกจำได้ว่าเคยทิ้งไว้เลยต้องไปขุดเอามาคั้นใหม่

เท่าที่เคยได้ยิน พวกแผ่นเปลือกโลกหรือทวีปเก่าๆ อย่างแอฟริกา ออส พวกนี้มีโอกาสเจอแร่ธาตุหายากมากกว่า ไม่รู้ว่าความรู้ถูกไหมนะ ต้องถามพวกธรณี เพราะธาตุพวกนี้มันหนักกว่าชาวบ้าน ตอนเกิดมันจึงลงต่ำ อยู่ลึก ยิ่งลึกยิ่งมีโอกาสเจอมากขึ้น เหมือนโลกเราที่มีแกนเป็นเหล็กโลหะหนัก พวกนี้หนักกว่าซิลิกอน อลูมิเนียม ทวีปเก่าๆมันคงโดนชะหน้าออกไปเยอะ หรือพวกที่ยกตัวอะไรแบบนี้ ที่จะเผยให้เห็นชั้นดินหินลึกๆ อย่าง กทม เลิกพูด มีแต่ดินใหม่ ต้องขุดไปลึก

มันไม่ได้หายาก แต่ผลิตแร่พวกนี้แล้วเกิดมลพิษเยอะ ซึ่งไม่มีใครอยากจะทำ