หลังเกมส์ 1-2 วิลล่า : หยุดลังเลได้แล้วแฟรงค์ สลัดทิ้ง "DNA ทีมเล็ก ซะที!!!!
.
การพ่ายแพ้แบบขัดใจแฟนบอลคาบ้านต่อแอสตัน วิลล่า 1-2 ไม่ใช่แค่การเสีย 3 แต้ม แต่มันคือการ ตอกย้ำปัญหาเชิงลึก ที่เราทุกคนเริ่มมองเห็น: "Underdog Mentality" หรือ "ความคิดแบบทีมรองบ่อน" ที่ยังคงเกาะกินการตัดสินใจของ โธมัส แฟรงค์!
.
ถึงเวลาแล้วที่แฟรงค์ต้องฟังเสียงเรียกร้องนี้: คุณกำลังคุมท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ ไม่ใช่เบรนท์ฟอร์ด!
.
1️⃣ปัญหาเชิงกลยุทธ์: เรา "ชนะ" บนกระดาษ แต่ "แพ้" บนสนาม!
ความลังเลของแฟรงค์ถูกเปิดโปงด้วยตัวเลขอย่างเลือดเย็น! บนกระดาษ สเปอร์สควรจะเป็นผู้ชนะได้อย่างชัดเจน เพราะเรามีค่า Expected Goals (xG) สูงถึง 0.84 ในขณะที่วิลล่ามีเพียง 0.36 เท่านั้น นี่หมายความว่า โอกาสที่เราสร้างขึ้นนั้น มีคุณภาพสูงกว่าโอกาสของคู่แข่งถึงกว่าสองเท่า!
.
เมื่อนำ 1-0... แฟรงค์ "กลัวการเสีย" มากกว่า "กล้าที่จะชนะ" นี่คือความแตกต่างระหว่างทีมใหญ่กับทีมเล็ก! การพยายามประคองสกอร์ตั้งแต่ยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงแรก ทำให้วิลล่าที่ยัง Set ทีมไม่ได้ มีเวลาหายใจ จัดระเบียบ และกลับมาตีเสมอ 1-1 ก่อนพักครึ่ง นี่คือการมอบโมเมนตัมให้คู่แข่งด้วยมือตัวเอง
.
ทำไม? เพราะการเล่นแบบ "กลัวการเสีย" มากกว่า "กล้าที่จะชนะ" ทำให้เราไม่เด็ดขาดพอที่จะเปลี่ยนโอกาสเหล่านั้นเป็นประตูที่สองเพื่อปิดเกมให้ตายคาที่ เมื่อทีมนำ 1-0 แฟรงค์เลือกที่จะลดเกียร์ ทำให้วิลล่ามีเวลาหายใจ และกลับมาตีเสมอ 1-1 ก่อนพักครึ่ง
.
ทางแทคติคเราเข้าใจได้ว่า อูไน เอเมอรี วางแผนที่จะมาเล่นรับในแนวลึกแล้วโต้กลับ ทำให้เราต้องพยายามครองบอล ดึงผู้เล่นของวิลล่าออกจากพื้นที่ และวางบอลเร็วเข้าทำแทนที่จะ set game รุกเข้าใส่ ซึ่งนั่นมันเป็นวิธีคิดแบบทีมเล็กที่ต้องเอาตัวรอด และมันไม่รอดเเมื่อเจอทีมที่ระดับไม่ห่างกันมาก
.
และมันตามมาด้วยการที่ตัววางบอลอย่างโรเมโรลงไม่ได้ เพราะฉะนั้นการโจมตีจากแนวลึก ของเรามีแค่ปอร์โรคนเดียว ซึ่งมันไม่เพียงพอต่อการสร้างมิติเกมรุก มันทำให้วิลล่าปักแนวรับทิ้งไว้ปิดการเข้าทำของเราได้หมดจด
.
.
2️⃣Simons ต้องการเวลา แต่เราต้องการผู้นำในเกมรุกกลางสนาม
ตัวเลขสถิติของ Simons คือเครื่องตอกย้ำถึงปัญหา "ความลังเลในเกมรุก" ของทั้งทีม แฟนบอลหลายคนวิจารณ์ว่า Simons "ลังเลและเลือกเล่นแบบปลอดภัยเกินไป" เมื่อได้บอล
.
แม้จะเป็นผู้เล่นสร้างสรรค์เกม แต่สถิติบ่งชี้ว่าเขาจ่ายบอล "เข้าสู่พื้นที่สุดท้าย" (Passes into Attacking Third) ไปเพียง 5 ครั้ง และ "จ่ายเข้าเขตโทษ" (Passes into Penalty Area) เพียง 2 ครั้ง เท่านั้น (ต่อเกม) นี่คือผลงานที่น้อยเกินไปสำหรับผู้เล่นที่คาดหวังว่าจะเข้ามาเป็นตัวสร้างสรรค์เกมหลัก!
.
ที่น่าเซ็งยิ่งกว่าคือ Simons มักจะมีโอกาสยิงจากนอกกรอบ แต่กลับเลือก "จ่ายบอลแบบเซฟเซฟ" ตัวเลขนี้แสดงให้เห็นว่า กลไกการทำเกมรุกของแฟรงค์กำลังบีบให้ผู้เล่นพรสวรรค์เลือกที่จะเล่นแบบ "เน้นความชัวร์" แทนที่จะ "กล้าเสี่ยง" นี่ไม่ใช่แท็กติกของทีมที่ต้องการชัยชนะอย่างถล่มทลาย!
.
เมื่อ Simons ซึ่งต้องเป็นตัวจักรที่จะบัญขาการเกมรุก “หายตัว” ดังนั้นแนวรุกที่เหลือ ก็ต้องเพื่อเอาตัวรอด พยายามเลี้ยงบอลฝ่าแนวรับเข้าไป และ ฝืน โดยขาดการเชื่อมเกมระหว่างแผงแนวรุก และมันทำให้สมดุลย์ของทีมขาด
.
มันเลยเป็นที่มาของการใช้อาวุธเดียวในสนามคือการ ครอสแบบมโหฬารถึง 21 ครั้งในเกมนี้ เพราะเราต่อบอลเข้าไปยังพื้นที่สุดท้ายไม่ได้!!!
.
3️⃣อูไน-แฟรงค์ เพราะความ "กล้าเสี่ยง" ต่างกัน!
ความลังเลในการเปลี่ยนตัวของแฟรงค์ทำให้เราแพ้แบบไม่สมควรแพ้ ในขณะที่วิลล่า "กล้าเสี่ยง" ส่งซูเปอร์ซับอย่าง บูเอนเดีย ลงมาในช่วงสำคัญ และบูดเอนเดีย ก็ซัดประตูชัยในนาที 77
.
การเปลี่ยน บูเอนเดีย และ วัตกินส์ ลงมาเหมือนเป็นสัญญานบอกว่า วิลล่า “ไม่ได้กลัว” เกมรุกของเรา และพวกเขา “จะเอา” วิลลา ใช้โรเจอร์ บูเอนเดีย และ วัตกินส์ ทำลายเกมตรงกลางของเราได้อย่างเด็ดขาด จนรู้สึกได้ว่าถ้าต่อเวลาไปอีกสัก 10 นาที สกอร์อาจจะไม่หยุดแค่ 1-2
.
สเปอร์สจบเกมนี้ด้วยการเปิดบอลจากด้านข้าง (Total Crosses) สูงถึง 21 ครั้ง ซึ่งมากกว่าวิลล่าที่ทำได้เพียง 11 ครั้ง แต่การเปิดบอลจำนวนมหาศาลนี้กลับ ไม่มีประสิทธิภาพ และไม่สามารถเจาะแนวรับที่เหนียวแน่นของวิลล่าได้ นี่คือการใช้ปริมาณเข้าสู้โดยขาดซึ่งคุณภาพ!
.
4️⃣เลิกแก้ตัวด้วย "สถิติ"! จงเป็น “ผู้ล่า"!
เรามีผู้เล่นที่ไม่ได้เป็นรองวิลล่า สถิติส่วนตัวของนักเตะอย่างปาลินญาและปอร์โร ก็ค่อข้างดี แต่อย่างไรก็ตาม สถิติ xG ที่สูงกว่าไม่สามารถซื้อ 3 แต้มกลับคืนมาได้! จงสลัดทิ้งความคิดที่ว่าการเล่นเสมอถือว่า "โอเค" หรือการแพ้เพราะ "โชคร้าย" ถือว่า “เป็นเรื่องที่ยอมรับได้”!
.
แม้จะมีความเร็วจากผู้เล่นอย่าง คูดุส หรือ ซิมอนส์ แต่ทีมยังขาด "ความกล้าในการบอลเสี่ยง ๆ" ในพื้นที่สุดท้าย ทั้งทีมดู "เล่นอย่างระมัดระวัง" เกินไปในช่วงสำคัญ
.
แฟรงค์ต้องเรียนรู้จากความพ่ายแพ้: แฟรงค์ให้สัมภาษณ์ว่า "เกมนี้ควรจะจบด้วยผลเสมอ" และพยายามเน้นสถิติ "เสียโอกาสยิงต่ำมาก" ของวิลล่า แสดงให้เห็นว่าแฟรงค์ "พอใจ" กับผลงานในระดับหนึ่ง และมองว่าความพ่ายแพ้เกิดจาก "โชคร้าย" หรือ "คุณภาพเฉพาะตัว" ของคู่แข่ง ไม่ใช่ "ความผิดพลาดเชิงกลยุทธ์" ของตัวเอง
.
มันคือสิ่งที่เรียกว่า "Underdog Mentality" หรือ "ความคิดแบบทีมรองบ่อน" ที่ยังฝังอยู่ในตัวแฟรงค์ ซึ่งแม้จะเคยพาเบรนท์ฟอร์ดประสบความสำเร็จ แต่ก็อาจเป็น "จุดอ่อน" เมื่อมาคุมทีมใหญ่อย่างสเปอร์สที่มีเป้าหมายคือการลุ้นแชมป์และพื้นที่ยุโรป
.
หยุดลังเล! กล้าเสี่ยง! กล้าที่จะเป็นผู้ล่า! เพราะตราบใดที่ "Underdog Mentality" ยังฝังอยู่ สเปอร์สก็จะยังคงวนเวียนอยู่กับความเกือบดี และพลาดโอกาสสำคัญซ้ำแล้วซ้ำเล่า! ได้แล้วแฟรงค์...
.
พิสูจน์ให้โลกเห็นว่าคุณคือ "ผู้จัดการทีมของสเปอร์ส" ได้แล้ว!


เครดิต SpursFanTH

ถ้า mindset คนเป็น ผจก. ยังเป็นแบบนี้
สเปอร์จะประสบความสำเร็จยาก

แกคุมทีมแบบ เพลย์เซฟ
มองตัวเองเป็นทีมรองบ่อนตลอด
เจอทีมใหญ่กว่า เล่นดี อย่างนัด แมนซิ เปเอชเช
แต่พอเจอทีมระดับเดียวกัน หรือเล็กกว่า
ดันไปไม่เป็น


ดูแกเป็นคนที่ยึดติด ข้อมูลสถิติ เอามากๆ
มากเสียจนขาดมุมมองในการอ่านเกม

ทุกสิ่งทุกอย่าง แกวิเคราะห์ตามตัวเลขหมด
ซึ่งก็ไม่ผิดนะ..
แต่มันมากเกินไปไหม
จนกลายเป็นการตีกรอบตัวเอง
พอเจอปัญหาอะไรที่นอกเหนือจากเส้นกราฟ
แกเหมือนคิดอะไรสับสนไปหมด




หวังว่า น้าแฟรงค์ จะแก้เสียงในหัวตัวเองด่วน

เป็นทีมใหญ่ ต้องบุกเจาะรถบัส2ชั้นให้ได้

ผมว่าเล่นประมาณตัวเองน่ะดีแล้ว ยังไม่พร้อมเป็นทีมใหญ่อย่าฝืน เล่นใหญ่เกินตัวก็จะเป็นแบบแอนจ์

อาวุธยังไม่ครบมือเลย กองหน้าเห็นแล้วก็เหนื่อยแทน

ส่วนตัวผมว่าสเปอร์สดูเล่นมีจังหวะจะโคนมากขึ้นเยอะ แต่มันจะติดที่แดนบน ความสามารถน้อยไปหน่อย หลังกับกลางค่อนข้างออกมาดี แทบทุกเกม

กองเชียร์ไก่ต้องอดทน ทนอดเสมอ

สมัย เคน ซอน อยู่ กองหน้าติด Top ระดับโลกแน่นอน

แต่กลายเป็น หน้าเวิร์ลคลาส หลังเวิรลแก๊ส

แต่ตอนนี้ เคน ซอน ไปหมดแล้ว กองหลังระดับแชมป์โลก อีกคนก็ไวสุดในโลก

กองหน้าและตัวรุกเสือกเวิรลแก๊ส ซะงั้น

เกมเมื่อคืน ถ้าเปลี่ยน โอโดแบร์หรือ แตล เป็น ซอน คงได้ประตูอย่างน้อยลูกนึงแล้ว

แฟรงค์เปลี่ยนตัวช้ามาก ยิ่งการส่ง มูอานี่ ริชา และ แป้ง ลงมาเล่นซ้าย เหมือนฝืนไปหมด

ปวดหัวกับเกมรุกจริงๆ

มูอานี่ หมดสภาพราคา 95 ล้านยูโรเลย

มันต้องมีคนออกบอลแนวรุกบ้าง สามตัวหน้าเราวันนี้ไม่ค่อยมีตัววิ่งทะลุให้กลางจ่ายเลย

ส่วนมากต้องเอาไปเก็บบอลไว้กับตัวก่อน ลูกชิง มันต้องมีบ้าง ออกไวหน่อยๆ

ทำตัวจับฉ่ายบอลเสมอไม่รู้จะทำอะไร ยื้อไปจนเสียประตู โค้ชทีมใหญ่มันต้องเปลี่ยนตัวลงไปเอาประตูดิวะ เกมส์รุกตื้อมาทั้งเกมส์ ยืนลุ้นชุดเดิมให้ได้ 2-1 โค้ชกลางตารางชัดๆ สุดท้ายเสียเป็น 1-2 แทนหลังจากนั้นมั่วเลย ยัดตัวรุกลงไปกระจุกในช่วง 7-8 นาทีสุดท้าย คงได้ลุ้นหรอก